Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 214


บทที่ 214 สังหารเซียนกระบี่! (ปลาย)

สถานศึกษาฉางมู่ อาณาจักรต้าอวิ๋น

สถานศึกษาฉางมู่ต้าอวิ๋นตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรต้าอวิ๋น มีสถานที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสลับซับซ้อน ความกว้างใหญ่ของเทือกเขาที่ตั้ง ทำให้มองจนสุดสายตายังไม่อาจเห็นจุดสิ้นสุด บนยอดเขาปกคลุมด้วยเมฆหมอก ดูไปคล้ายเมืองในเทพนิยายก็ปาน

เทือกเขาแห่งนี้มีความแตกต่างจากเทือกเขาโดยทั่วไป ด้วยมีสายแร่จิตวิญญาณพาดผ่านเป็นแนวยาวตรงบริเวณเชิงเขา ถึงแม้ว่าสถานศึกษาฉางมู่ในอาณาจักรต้าอวิ๋นจะไม่ใช่สำนักใหญ่ของฉางมู่ แต่นับเป็นสถานศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินชิง และสถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นก็ยังได้รับความไว้วางใจในฐานะสถานศึกษาแถวหน้าของฉางมู่ทุกสาขาในแผ่นดินชิง

ค่ำคืนนี้ ไม่ต้องสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นำมาซึ่งความอัปยศให้เกิดแก่สถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!

ซากศีรษะของผู้พิทักษ์แห่งฉางมู่ถูกปักตรึงอยู่เหนือ ‘ศาลเจ้าฮ่าวหรัน’ สถานที่ภายในสถานศึกษาฉางมู่

ศาลเจ้าฮ่าวหรันใช้เป็นที่สำหรับกราบไหว้บูชาและประกอบพิธีบวงสรวงสักการะอาจารย์ใหญ่และบรรดาคณาจารย์ สถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่เกรงขามอีกแห่งของสถานศึกษาฉางมู่!

ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายกระบี่! อีกนัยหนึ่งคือกลัว หรือไม่ก็คนธรรมดาไม่มีใครกล้าแตะต้องเคลื่อนย้ายกระบี่! แม้แต่ยอดยุทธ์ขั้นผนักยุทธ์ยังไม่อาจหาญเคลื่อนย้าย ด้วยพลังคมกล้าแห่งกระบี่ลมปราณจะแผลงฤทธิ์เมื่อมีคนเข้าไปแตะต้อง

ไม่แปลกใจเลยว่านี่คือเซียนกระบี่! ทุกคนต่างรู้แล้วว่าเวลานี้สถานศึกษาฉางมู่สร้างความขุ่นเคืองต่อเซียนกระบี่!

ณ ภายในหอโถง

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่เหนือที่นั่งในตำแหน่งสูงที่สุดภายในหอโถง เขาสวมผ้าคลุมสีฟ้าอ่อน ในมือซ้ายถือม้วนกระดาษจำนวนหนึ่ง ท่าทางเหมือนบัณฑิตผู้ทรงภูมิ คนผู้นี้คือ มู่ซ่วนชิง อาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางมู่ต้าอวิ๋น

สองฟากฝั่งทั้งด้านขวาและซ้าย เบื้องต่ำลงไปเป็นที่นั่งของกลุ่มราวแปดถึงเก้าคน มีทั้งชายและหญิง ทุกคนล้วนมีขั้นพลังสุดยอดผนึกยุทธ์!

บรรยากาศเงียบอยู่ชั่วอึดใจ ทันใดนั้นมู่ซ่วนชิงขยับตัว ปิดม้วนเก็บกระดาษในมือ “สายของเรายืนยันมาว่าเซียนกระบี่ปรากฏขึ้นในแผ่นดินชิง มีคนของเราไปที่นั่นหลายคนเพื่อสังหารชายหนุ่มที่ชื่อเยี่ยฉวน เพื่อรางวัลซึ่งสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียงตั้งเป็นค่าหัวของคนผู้นั้น น่าเสียดาย การไปแคว้นเจียงครานี้กลับนำมาซึ่งการสูญเสียทั้งยอดฝีมือและยอดยุทธ์ในขั้นผนึกยุทธ์ไปหลายต่อหลายคน”

“ตอนนี้แม้แต่อาวุโสผู้พิทักษ์ของเราก็ถูกสังหารด้วย รายงานจากหน่วยสอดแนมยังบอกว่า มีสองมือสังหารแห่งดินแดนอันธกาลซึ่งไปที่นั่นก็ตายหมดเช่นกัน บรรดายอดยุทธ์ที่ตายล้วนมีกองกำลังหนุนหลังด้วยกันทั้งสิ้น รวมแล้วไม่น้อยกว่าสิบหกคน ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้……คงมีแต่เซียนกระบี่เท่านั้น!”

จากนั้นเขากวาดตามองไปทางกลุ่มคนที่มาชุมนุมภายในศาลเจ้า “พวกเจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?” ทั่วทั้งหอโถงยังคงเงียบงัน

เซียนกระบี่! หาใช่คนที่สถานศึกษาฉางมู่แห่งแผ่นดินชิง จะเสี่ยงทำให้ขุ่นเคือง! พ่ายแพ้หมดท่า! แม้ว่าอาจจะดูว่าอัปยศอดสู แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการตัดสินใจอันชาญฉลาดที่สุด!

พลันชายชราผู้หนึ่งผุดลุกขึ้นยืน พลางกล่าวว่า “หากเซียนผู้นี้เพียงแค่สังหารก็คงไม่เป็นไร ใครก็ตามที่ทำให้นางขุ่นเคืองย่อมต้องได้รับผลเช่นนี้ แต่การที่นางปักตรึงกระบี่ไว้เหนือศาลเจ้าฮ่าวหรัน เท่ากับดูหมิ่นต่อสถานศึกษาฉางมู่ของเรา และทำให้พวกเรากลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนทั้งแผ่นดินชิง อย่างนี้แล้ว พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

พลางคนพูดสั่นศีรษะอย่างหดหู่ใจ “พวกเราจะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!”

ไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้! ทันทีที่คนพูดจบประโยค บรรยากาศภายในศาลเจ้าแปรเปลี่ยนเคร่งเครียดขึ้นฉับพลัน

การต่อสู้ต้องดำเนินต่อไปอย่างนั้นหรือ? การต่อสู้กับเซียนกระบี่? ต่อสู้อย่างไร? ต่อสู้กับอะไร?

ขณะนั้นบังเกิดเงาวูบวาบขึ้นที่ประตูทางเข้า มู่ซ่วนชิงหันไปเพ่งมองที่เงื้อมเงาปรากฏ จึงพบว่าที่นั่นมีเพียงร่างเงา มิใช่ร่างคน! เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าสีตาของทุกคนแปรเปลี่ยน ด้วยจู่ๆ มีเงาออกมาปรากฏอย่างที่ไม่มีใครทันจับสังเกต!

เสียงของมู่ซ่วนชิงเอ่ยแผ่วเบา “ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจ้าวทมิฬแห่งดินแดนอันธกาลจะมาเยือนถึงนี่ ขออภัยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับ”

จ้าวทมิฬ! ได้ยินเช่นนั้น คนทั้งกลุ่มสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด! จ้าวทมิฬแห่งดินแดนอันธกาล เพียงได้ยินชื่อก็พาให้คนทั่วทั้งเขตแดนต้าอวิ๋นหวาดกลัวจนขนหัวลุก!

หัวหน้าใหญ่ของสุดยอดสำนักมือสังหารแห่งแผ่นดินชิง! จะว่าไปนี่คือสำนักมือสังหารหนึ่งเดียวแห่งแผ่นดินชิง!!

ทันใดนั้นเองเสียงแหบสากดังกังวาน “อาจารย์ใหญ่มู่ พวกเราสมควรผนึกกำลังกันไม่ดีกว่าหรือ?”

ผนึกกำลัง! มู่ซ่วนชิงหรี่ตาจับจ้องไปที่ร่างเงาทะมึนเบื้องหน้า “ท่านมีแผนการอะไร?”

จ้าวทมิฬกล่าวต่อไป “คนผู้นั้นเป็นแค่เซียนกระบี่ ถ้าเราร่วมมือกัน คงไม่ยากที่จะสังหารนาง”

อีกฝ่ายสั่นศีรษะช้าๆ “ลำพังท่านทำไม่สำเร็จ ทว่าต่อให้พวกเราร่วมมือกันก็ไม่อาจสังหารนางได้!”

จ้าวทมิฬพูดสวนขึ้นทันควัน “เวลานี้มีคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังตามมาสมทบ”

มู่ซ่วนชิงขมวดคิ้วน้อยๆ ขณะเพ่งมองเงาตรงหน้า “ท่านกล้าเสี่ยงอันตรายเพื่ออะไร? ที่แท้ท่านมีเป้าหมายอะไรกันแน่? เพียงต้องการล้างแค้นเท่านั้นหรือ?”

เสียงแผ่วมาจากเงาทะมึน “เซียนกระบี่จำต้องใช้ตันเถียนแก่นแท้ทองคำเพื่อการฝึกฝน หากเราสังหารนางและยึดตันเถียนแก่นแท้ทองคำ ซึ่งมีพลังทนทานเทียบเท่าการฝึกพลังปราณนับหลายร้อยปีมาได้ จะไม่ใช่เรื่องดีหรือ?”

ทว่าเสียงของมู่ซ่วนชิงถามย้ำ “ท่านคิดว่าจะคุ้มหรือ?”

เสียงของจ้าวทมิฬพูดเยาะ “ไม่เข้าถ้าเสือ ไฉนจะได้ลูกเสือ ท่านว่าจริงไหม?”

มู่ซ่วนชิงนิ่งอั้น

เสียงของอีกฝ่าย จ้าวทมิฬพูดต่อไปอีกว่า “เซียนกระบี่กำลังบาดเจ็บ!”

ชายวัยกลางคนเงยหน้ามอง ขณะที่หัวคิ้วย่นเข้าหากัน “ทำไม?”

จ้าวทมิฬพูดตอบน้ำเสียงแหบต่ำ “หากไม่ได้รับบาดเจ็บ มีหรือนางจะไม่มาที่นี่ด้วยตนเอง นอกจากนั้น ไฉนบุคคลเช่นนี้จึงปรากฏตัวขึ้นที่แผ่นดินชิง? ถ้าไม่ได้มีเหตุผลใดเป็นพิเศษ นางไม่มีทางปรากฏตัวที่นั่นอย่างเด็ดขาด ดังนั้นต้องเป็นเพราะนางกำลังบาดเจ็บ”

มู่ซ่วนชิงเอ่ยเสียงเบา “ท่านได้แต่สันนิษฐานเท่านั้น!”

เสียงจากร่างเงาของจ้าวทมิฬคำรามเย้ยหยัน “นางไม่เพียงใช้กระบี่ตัดหัวผู้พิทักษ์ของท่านเสียบประจาน แต่นางยังย่ำยีชื่อเสียงนับพันปีของสถานศึกษาฉางมู่จนไม่มีชิ้นดี หากนางไม่ตาย ศิษย์ฉางมู่คงต้องเดินก้มหน้าไปตลอดชีวิต!”

ได้ยินเช่นนั้น มือข้างขวาของมู่ซ่วนชิงกำเข้ากันเกร็งแน่น

หลังจากนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง พลันมู่ซ่วนชิงลุกขึ้นจากที่และออกคำสั่งเสียงดังสะท้าน “ส่งข้อความไปที่สำนักใหญ่ สังหารเซียนกระบี่!”

สังหารเซียนกระบี่!

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version