บทที่ 223 ชีวิตนี้ไม่เสียใจ! (ต้น)
ทักษะดวงตากระบี่!
เหตุที่เยี่ยฉวนต้องการฝึกทักษะดวงตากระบี่ก่อนอื่น เพราะตนเองนั้นขาดนัยน์ตาที่ใช้ในการมองเห็น ซึ่งส่งผลต่อสมรรถนะการต่อสู้ด้อยลงไปถนัด!
ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงค่อยไตร่ตรองวิธีการฝึกดวงตากระบี่ที่ได้รับจากสตรีลึกลับ และเมื่อยิ่งไตร่ตรองกลับยิ่งประหลาดใจต่อสิ่งที่ค้นพบ……ด้วยวิธีการฝึกมันช่างไร้สาระและยังสลับซับซ้อน!
ดวงตากระบี่!
กระบี่ต่างดวงตา หัวใจต่างกระบี่
หัวใจ!
คือกุญแจที่จะนำไปสู่ทักษะดวงตากระบี่!
เพียงเท่านี้จะทำให้เกิดการรวมตัวของปณิธานกระบี่และกระบี่ใช้ต่างดวงตา เมื่อเยี่ยฉวนมองเห็นสิ่งต่างๆ ทั้งรับรู้สัมผัสได้ด้วยดวงใจ ดังนั้นกระบี่จึงป็นสิ่งรอง!
ทักษะนี้ได้รับการขนานนามว่าดวงตากระบี่ อันที่จริงควรใช้ชื่อว่าดวงตาแห่งหัวใจ น่าจะเข้าทีกว่า!
เยี่ยฉวนขัดสมาธินิ่งอยู่กับพื้น โดยกระบี่หลิงซิ่ววางอยู่ข้างกาย ขณะที่ปณิธานกระบี่หลอมรวมตัว หลั่งไหลอยู่รายรอบล้อมตัว!
ปณิธานกระบี่!
ตัวของเยี่ยฉวนเองยังไม่อาจจำแนกได้ว่าปณิธานกระบี่ที่มีนั้นเป็นอย่างไร ด้วยสตรีลึกลับจากไปเสียก่อนที่จะทันได้ไขความกระจ่างให้กับเขา แต่เวลานี้เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเสริมความกล้าแกร่งให้แก่สมรรถนะการต่อสู้!
ด้วยกลวิธีการฝึกที่สตรีลึกลับมอบให้ เยี่ยฉวนจึงค่อยๆ จำแนกแยกแยะ ค้นหาช่องทาง ไม่ช้าไม่นานร่างกายของเขาเริ่มทอประกายรัศมีแห่งกระบี่ออกมาภายนอกแผ่วเบารางเลือน
ทักษะชนิดนี้ประกอบด้วยกุญแจสำคัญสามสิ่ง!
การฟัง!
การรับรู้!
การคิด!
เยี่ยฉวนใช้หูในการฟังเสียง เขาฟังเสียงของลม!
ได้ยินแม้กระทั่งเสียงสายลมแผ่วผ่าน! แม้แต่เสียงกรอบแกรบเบาแสนเบาของใบไผ่ป่า…
ตอนนี้เยี่ยฉวนกำหนดจิตให้ปณิธานแห่งกระบี่เคลื่อนออกจากกายเข้าสู่ใบต้นไผ่… หลังจากปณิธานกระบี่ปรากฏบนใบของต้นไผ่ ครู่ต่อมาเขาก็เริ่มสัมผัสได้กระทั่งรายละเอียดของใบจากต้นไผ่นั้น
สัมผัสรายละเอียดได้ราวกับมองเห็นด้วยดวงตา!
ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมนัก! เยี่ยฉวนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น! ด้วยเป็นการค้นพบครั้งใหม่ของเขาเลยก็ว่าได้
สักพักต่อมา ปณิธานกระบี่เริ่มแผ่ลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง จนเยี่ยฉวนสัมผัสได้ถึงพื้นแผ่นดิน กรวดหิน ดินทรายและสายน้ำ……
อารมณ์สัมผัสรับรู้ยิ่งเพิ่มขึ้นและมากขึ้น ยิ่งแจ่มชัดและกระจ่าง ความชัดเจนนั้นดูว่าจะมากกว่าการสัมผัสด้วยตาเปล่าเสียอีก!
สัมผัสรับรู้อันน่ามหัศจรรย์!
ทำให้เยี่ยฉวนมุ่งจดจ่อแน่วแน่อยู่กับสิ่งที่ตนเพิ่งค้นเจอ!
บัดนี้ปณิธานแห่งกระบี่แผ่ซ่านออกโดยรอบทว่ายังไปไม่ไกลเท่าใด และเมื่อปณิธานกระบี่แผ่ออกจากกายไปไกลราวสิบจั้ง เยี่ยฉวนเริ่มรู้สึกอ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาอาจควบคุมปณิธานแห่งกระบี่เพื่อสัมผัสรับรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่รายรอบในระยะไม่เกินสิบจั้งได้ก็จริง แต่ไม่ราบรื่นสะดวกสบายเสียทีเดียว!
เพราะว่าการแผ่ปณิธานแห่งกระบี่เพื่อสัมผัสรับรู้สิ่งต่างๆ ให้กระจ่างชัดเจน กลับส่งผลให้ปณิธานแห่งกระบี่แตกกระเจิง ทั้งยังบั่นทอนพลังภายในของเจ้าตัวลงด้วย!
ในเมื่อเยี่ยฉวนต้องการฝึกฝนทักษะดวงตากระบี่ เขาก็ต้องยอมรับผลพวง รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาของการฝึกฝนทักษะนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!
คิดดังนี้แล้วเยี่ยฉวนจึงเริ่มรวบรวมและดึงปณิธานกระบี่กลับ! และพยายามกดดันปณิธานแห่งกระบี่
เขาต้องรวบรวมพลังอย่างมหาศาลเพื่อกดดันปณิธานกระบี่ของตนเอง เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ เขาจึงสามารถกดดันปณิธานกระบี่เข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ แต่แล้วไม่นานต่อมา เยี่ยฉวนกลับรู้สึกเหมือนมีใบมีดนับร้อยนับพันใบ กำลังกรีดเฉือนภายในร่างกายทั่วไปหมด!
ความรู้สึกยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ!
จนเยี่ยฉวนอยากตายเสียให้พ้นจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้! เขาเกือบเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่าสู้อดทนอดกลั้นไว้!
ลูกผู้ชายไม่ร่ำร้องยามที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวด เขาคือเยี่ยฉวน ผู้ไม่เคยโอดครวญแม้จะถูกตีจนตายก็ตาม……
“โอย……” สักพักใหญ่ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเสียงประหลาดดังหวีดหวิวออกมาจากป่าต้นไผ่……
ฟิ้ว!
บัดนี้รอบข้างกายของเขาเกิดกระแสแห่งปณิธานกระบี่หลั่งไหลอย่างต่อเนื่อง กระแสพลันรวมตัวและพุ่งเข้าสู่นัยน์ตาบอดสนิททั้งสองข้างของเยี่ยฉวน
มิได้เพียงแต่กระแสแห่งปณิธานกระบี่ ยังปรากฏรัศมีแห่งกระบี่อีกด้วย! เมื่อเกิดการสอดประสานของรัศมีแห่งกระบี่และปณิธานแห่งกระบี่และพุ่งสู่นัยน์ตา ความเจ็บปวดจึงเทียบเท่าทวีคูณ แสนสาหัสเกินกว่าที่มนุษย์ปุถุชนจะทานทน!
ความคิดยกเลิกเสียกลางคันวูบขึ้นมา! แต่การยกเลิกในตอนนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ทั้งกระแสปณิธานกระบี่และรัศมีแห่งกระบี่ต่างทะยอยหลั่งไหลเข้าสู่นัยน์ตา ด้วยการบีบอัดปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่เข้าด้วยกัน……เวลานี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนแดงก่ำจนน่ากลัว!
ซึ่งอาการที่แสดงออกทำให้รู้ว่าบัดนี้เขาต้องทนต่อความเจ็บปวดสาหัสมากเพียงใด เขาต้องอดทน เพื่อให้ตนเองรอดพ้นจากสถานการณ์ครั้งนี้!
ขณะเดียวกับที่เยี่ยฉวนฝึกปรือ โม่อวิ๋นฉีและคนอื่นอีกสองคนต่างก็ฝึกฝนกันอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นเดียวกัน!
ในการต่อสู้ที่ผ่านมา จริงอยู่พวกเขาสามารถเอาชนะสถานศึกษาฉางมู่ กระนั้นไม่มีใครเคยลืมว่าอาจารย์ใหญ่จี้ต้องตายเพราะปกป้องพวกเขาทั้งสี่!
พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้? ได้แต่มองอย่างสิ้นหวัง?
ภาพที่ร่างของอาจารย์ใหญ่ละลิ่วจากบนอากาศลงสู่พื้นดิน เป็นภาพจำที่ไม่อาจลบเลือน!
ดังนั้นทั้งสาม โม่อวิ๋นฉี ไป๋เจ๋อและจี้อันซื่อ ต่างก็ไม่ต้องการมีประสบการณ์ของการช่วยอะไรไม่ได้และสิ้นหวังอีกครั้ง!
ตอนนี้สถานศึกษาฉางหลานเหลือเพียงพวกเขาสี่คนเท่านั้น มิหนำซ้ำเยี่ยฉวนกลับตาบอดเสียแล้ว ด้วยเหตุจากธาตุไฟย้อนกลับ……
เวลานี้ความกดดันทั้งหลายจึงตกอยู่กับพวกเขาทั้งสาม!
หมั่นฝึกฝน!
แม้แต่จอมขี้เกียจอย่างโม่อวิ๋นฉียังต้องฝึกอย่างหนัก ดังนั้นทุกวันก่อนรุ่งสาง เขาจะถ่วงลูกตุ้มขนาดเล็กทำด้วยเหล็กไว้ที่ขาทั้งสองข้างและวิ่งขึ้นภูเขาและกลับมาพร้อมกับสภาพเหงื่อโทรมกาย
ไม่เพียงแค่นั้น ขาทั้งสองสั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่……ถึงกระนั้นเขาหาได้ท้อถอย เมื่อถึงเวลาก่อนรุ่งสางของวันใหม่เขาจะเริ่มต้นฝึกเช่นเดิมทุกวัน
ส่วนไป๋เจ๋อ ตอนนี้เขาไม่ได้กลับไปฝึกใต้น้ำตกที่เดิม แต่เปลี่ยนเป็นฝึกพุ่งชนภูเขา……อาศัยว่าเป็นคนที่มีสมรรถนะทางร่างกายแตกต่างจากคนปกติทั่วไป ยิ่งกายถูกกระตุ้น ยิ่งแข็งแกร่งทนทาน และยังช่วยกระตุ้นสายเลือดจอมพลังในกายให้ไหลเวียนพลุ่งพล่านมากขึ้น!
อย่างไรก็ตาม การฝึกด้วยวิธีนี้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดไม่น้อย! ด้วยทุกคราที่พุ่งชนภูเขา ผิวหนังชั้นนอกจะฉีกขาดยับเยิน!
ที่บริเวณเชิงเขา ไป๋เจ๋อร่างยักษ์เฝ้าแต่พุ่งเข้าชนภูเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า……
ทุกครั้งที่ร่างกระทบกับภูเขา เสียงคนแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดสุดแสนทรมาน!
— จบตอน —
