Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 227


บทที่ 227 ท่านพี่เซียนกระบี่ขอรับ มีคนจะท้าสู้กับท่าน! (ต้น)

ไม่ใช่เซียนกระบี่! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งมู่ซ่วนชิงและคนอื่นในที่นั้นเมื่อได้ยินเข้า จะตื่นเต้นตื่นตัวสักเพียงใด! สาเหตุที่ทำให้สถานศึกษาฉางมู่ยังลังเลใจมาตลอดก็เพราะ พวกเขาเคยคิดว่าเจ้าของกระบี่เขียวเป็นเซียนกระบี่!

เซียนกระบี่! เป็นความลังเลเฉยๆ หรือกลัว! แต่ถ้าสมมติว่าคนคนนั้นไม่ใช่เซียนกระบี่ล่ะ? ถ้าเช่นนั้นพวกเขายังลังเลอะไร? ต้องกลัวอะไรอีก? เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว พวกฉางมู่ต่างมีท่าทางกระตือรือล้นขึ้นมาทันที!

ขณะนั้นชายชราสวมชุดขาวกวาดตามองไปรอบบริเวณ “ไม่ทราบว่า คนของดินแดนอันธกาลมาถึงแล้วหรือยัง?” ขณะนั้นมู่ซ่วนชิงทำท่าอ้าปากจะพูด พลันชายชราทั้งสองคนหนึ่งชุดขาวอีกคนชุดดำพากันเงยหน้ามองขึ้นไปในท้องฟ้า ที่นั้นเองปรากฏว่ามีร่างของชายสูงวัยเหยียบยืนบนกิ่งไผ่ จากนั้นเขาก้าวข้ามกิ่งก้านใบไผ่ออกมาสู่สายตาของทุกคน

ผู้เข้ามาใหม่สวมผ้าคลุมสีม่วงปนทอง เขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมเงาปีศาจอยู่ล้อมรอบกาย ยิ่งทำให้เป็นที่น่าเกรงขาม คนทะยานมาต่อหน้ามู่ซ่วนชิงและทุกคน สายตาเหลือบมาทางคนสวมชุดชาวและชุดดำซึ่งขณะนั้นยืนอยู่ทางหน้าศาลเจ้าฮ่าวหรัน มุมปากเหยียดยิ้มหยัน “ที่แท้ก็เป็นอาวุโสผู้ทรงเกียรติทั้งสองของสถานศึกษาฉางมู่นั่นเอง!”

ชายชราสวมชุดขาวคารวะกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือ “ส่วนท่านผู้นี้คือ?” คนตรงข้ามส่ายหน้าพลางแสยะยิ้ม “ท่านทั้งสองพึงรู้ไว้ดินแดนอันธกาลมีกฎว่า-ผู้ที่ใกล้ตายเท่านั้น จึงจะได้รู้จักชื่อแซ่ของเรา”

มือสังหารจากดินแดนอันธกาล! กฎซึ่งไม่ได้บัญญัติไว้ ณ ที่ใดทั้งสิ้นของดินแดนอันธกาล มีเพียงคนตายจึงรู้จักชื่อของมือสังหาร

คนสวมชุดขาวเขม็นมองคนที่ยังคงอยู่บนกิ่งไผ่ “งั้นก็ไปกันเลย?” อีกฝ่ายที่อยู่บนกิ่งไผ่ส่ายหน้าปฏิเสธ “ช้าก่อน ข้ากำลังรออีกคนหนึ่ง”

คนชุดขาวถามทันควัน “ใคร?” คนถูกถามชำเลืองไปบนท้องฟ้าและยิ้มน้อยๆ “ผู้ฝึกกระบี่!”

ผู้ฝึกกระบี่! เมื่อได้ยินคำกล่าว ชายสวมชุดขาวเพ่งมองคนพูดแววตาครุ่นคิด ด้วยเขาประจักษ์แน่แก่ใจ ว่าคนที่กำลังมานั้นมิใช่แค่ผู้ฝึกกระบี่ธรรมดาเท่านั้นเป็นแน่!

พลันมีเสียงของชายในชุดดำถามขึ้นว่า “ถ้าพวกเราร่วมกันกำจัดเจ้าของกระบี่ผู้นี้แล้ว จะจัดการของล้ำค่าทั้งหมดอย่างไร?”

ชายชราบนยอดไผ่เอ่ยขึ้นว่า “ดินแดนอันธกาลต้องการเพียงซากคน ส่วนตันเถียนแก่นแท้ทองคำของนางขอยกให้เป็นของพวกท่าน นอกจากนางจะมีสิ่งล้ำค่าอย่างอื่นค่อยว่ากัน ตกลงไหม?” ชายสวมชุดขาวนิ่งฟังขณะเดียวกันก็กำลังครุ่นคิด

ซากศพ!

แม้เป็นซากศพ แต่หากของผู้ฝึกกระบี่ก็นับว่ามีค่ามหาศาลเฉกเช่นสิ่งล้ำค่า!

ล้ำค่าเทียบเท่าเมืองหนึ่งเมืองทีเดียว!

โดยเฉพาะกับผู้ฝึกกระบี่เหล่านั้น มูลค่าจากการสืบเสาะจึงมีค่ามหาศาลตามไปด้วย ทำนองเดียวกัน จึงกล่าวได้ว่าตันเถียนแก่นแท้ทองคำของคนเป็นของล้ำค่าเช่นกัน! ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับร่างของผู้ฝึกกระบี่ แต่จัดว่าเป็นสุดยอดแห่งของสิ่งล้ำค่า!

หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราสวมชุดขาวพยักหน้าเห็นด้วย “ดี!” ได้ยินเช่นนั้นคนที่ยืนเหยียบกิ่งไผ่เหยียดยิ้ม “พวกเราคิดเห็นไม่ต่างกัน เมื่อใดที่ผู้ฝึกกระบี่มาถึงเราจะไปยังที่หมายทันที พวกผู้พิทักษ์แห่งเต๋าเหล่านั้น……”

เสียงคนสวมชุดขาวเอ่ยเบาๆ “เป็นหน้าที่ของเรา สถานศึกษาฉางมู่มีสิทธิเรียกขอความร่วมมือจากพวกเขาได้!” เพียงเท่านั้นคนที่ยืนอยู่บนต้นไผ่ยกมุมปากเล็กน้อย “ก็ดี!”

แผ่นดินชิง

ที่สถานศึกษาฉางหลาน ด้านหลังภูเขาแห่งนั้น

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธินิ่งอยู่บนพื้น ขณะที่กระแสแห่งปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่มากมาย ไหลหลั่งรวมตัวรายล้อมรอบกาย……

ดวงตากระบี่! หลายวันมานี้ เยี่ยฉวนมุ่งมั่นฝึกฝนดวงตากระบี่ชนิดเอาเป็นเอาตาย ด้วยเขาอยากเร่งรัดการฝึกทักษะนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว! แต่โชคร้ายที่ทักษะชนิดนี้ฝึกยากยิ่ง!

ชายหนุ่มเพียรพยายามรวบรวมปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่เข้าสู่นัยน์ตา โดยฝืนบังคับอย่างหนักหน่วงซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุด และเป็นสาเหตุที่ทำให้ล้มเหลวเรื่อยมา!

แต่ยังนับว่าโชคดีที่เยี่ยฉวนเป็นคนที่มีพื้นฐานทางกายแข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงทนทานและไม่ถูกพลังแห่งปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่บดขยี้ไปเสียก่อน คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงสามารถฝึกปรือทักษะดวงตากระบี่!

อีกด้านหนึ่งของภูเขา คนที่ยืนหันหน้าเข้าผนังหิน ไป๋เจ๋อทุ่มเทแรงกายพุ่งเข้าชนผนังภูเขาอย่างบ้าคลั่ง ที่พื้นดินหน้าผนังหินจึงมีแต่เศษก้อนดินก้อนหินหล่นเกลื่อนกล่น……

หลังจากกระหน่ำชนจนนับครั้งไม่ถ้วน พลันไป๋เจ๋อหยุดกระทันหัน เขาทรุดตัวลงนอนแผ่กางแขนขาบนพื้น ตามเนื้อตัวร่างกายบิดเบี้ยวไปมา……กล้ามเนื้อของร่างกายส่วนบนขยายใหญ่โต เส้นเลือดดำใต้ผิวหนังเริ่มบิดตัวคล้ายงูกำลังเคลื่อนไหว เมื่อพิจารณาอย่างชัดเจนสภาพของมันน่ากลัวมากกว่าน่าดู!

ขณะที่หยุดพักจากการฝึก ไป๋เจ๋อหยิบขวดหยกสีขาวซึ่งบรรจุยาเม็ดโอสถสมานกายาขึ้นมาพิจารณา

ยาชนิดนี้เพียงหนึ่งเม็ดมีราคาสามแสนเหรียญทอง! แต่เยี่ยฉวนกลับยกให้เขาทั้งขวด โดยในนี้มีบรรจุยาเม็ดจำนวนกว่ายี่สิบเม็ด!

คนร่างใหญ่ก้มลงมองขวดหยกขาวในมือ แววตาสั่นระริกส่อความหมายยากจะเข้าใจ ถึงพี่หัวขโมยเยี่ยจะเป็นขี้เมาอาละวาด เขาก็ยังให้ความเอาใจใส่ต่อไป๋เจ๋อ โม่อวิ๋นฉีและจี้อันซื่อเป็นอย่างดี

ดังนั้นคนทั้งสามจึงหมั่นขยันฝึกปรือ เพื่อให้พละกำลังกล้าแกร่งมากขึ้น เพราะไม่อยากให้เยี่ยฉวนต้องคอยช่วยเหลือทุกสิ่งอย่าง!

คนทั้งสี่จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูสู้ไปด้วยกัน!

และเมื่อคนทั้งสี่ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูไปด้วยกัน ทุกคนจะต้องแข็งแกร่งและฝึกให้หนักเข้าไว้ มิเช่นนั้นพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถร่วมต่อสู้ไปกับเยี่ยฉวน แต่กลายเป็นตัวถ่วงของเยี่ยฉวนไปเสียเท่านั้น!

ไป๋เจ๋อสูดหายใจลึกก่อนกลืนยาลงคอหนึ่งเม็ด ราวหนึ่งก้านธูปให้หลัง เขาจึงผุดลุกขึ้นและเริ่มพุ่งตัวกระแทกผนังหินอีกครั้ง……

ตู้ม!

ผนังหินของภูเขาเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง! ทั้งยังสั่นต่อเนื่องต่อไปอีกชั่วขณะ……

ตู้ม!

ทันใดนั้นเอง ไป๋เจ๋อพุ่งพรวดเข้าชนผนังภูเขาเต็มแรง ทำให้ผนังหินผาพลันถล่มครืนลงมาขณะเดียวกันร่างใหญ่ยักษ์กระดอนกลับและหล่นกระแทกพื้นดังสนั่น

ตู้ม!!

ผลพวงจากพลังปะทะมหาศาลของร่างใหญ่โต ทำให้เกิดเป็นโพรงขนาดย่อมลึกลงไปในดิน ร่างคนที่จมอยู่ในโพรง กระตุกหงึกๆ ราวกับคนเป็นลมชัก เส้นเลือดดำบริเวณหน้าอกและตามร่างกายของเขาบิดไปมาอย่างน่ากลัว อีกทั้งหลอดเลือดใต้ผิวหนังเริ่มโป่งพองขึ้นเรื่อยๆ

……จนเวลาผ่านไปนับชั่วยาม

“กรรรรรรร!” เสียงไป๋เจ๋อคำรามสนั่นดังขึ้นจากหล่มใต้พื้นดิน ชั่วพริบตาเดียวดินบริเวณปากโพรงพังทลายลง

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version