Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 254


บทที่ 254 ข้าเคยฆ่ามานักต่อนัก! (ปลาย)

เมื่อกองทหารม้าเกราะเหล็กย้อนกลับเข้ามาในเมือง ทหารม้าอีกกลุ่มซึ่งนำโดยบุรุษวัยกลางคนสวมชุดเกราะผ่านเข้าประตูเมืองมาพอดี สายตาของคนกวาดมองสภาพศีรษะและร่างไร้วิญญาณซึ่งเกลื่อนกลาดตลอดทางที่ม้าเหยียบย่าง สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนยามนี้ทั้งหม่นหมองและดำคล้ำ!

คนผู้นี้มีนามว่าเป่ยเสี่ยวหู่ ผู้บัญชาการกองทหารม้าเกราะดำแสนนาย และจัดว่าเป็นนายทหารระดับสูงที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งแห่งแคว้นถัง!

หลังจากสำรวจด้วยสายตาแล้ว เป่ยเสี่ยวหู่พูดกับคนที่มาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ส่งคนของเราออกไปสืบดูว่าพวกนั้นเป็นใคร แจ้งองค์ฮ่องเต้ด้วย ว่าข้าขอให้ส่งองครักษ์ดาบทมิฬมาเสริมกำลัง และจัดทหารเกราะเหล็กจำนวนสามหมื่นกระจายกำลังตรึงแนวชายแดนให้มั่นคง อย่าให้พวกมันเล็ดลอดออกจากแคว้นถังได้เป็นอันขาด”

ขณะพูดคนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน สายตาทอดไปไกล “ส่งสัญญาณถึงกองกำลังมัจจุราชให้ตามล่าคนพวกนั้น อย่าหยุดจนกว่าจะเจอ!”

“รับทราบ!” พลันทหารกลุ่มหนึ่งผละออกไปจัดการตามตำสั่ง ผู้บัญชาการเป่ยเสี่ยวหู่ทอดสายตาเขม้นมองไปจนสุดปลายถนน ใบหน้าเครียดเคร่งจนน่าสะพรึงกลัว

เวลานี้อย่าว่าแต่เงินเบี้ยหวัดและเสบียงบำรุงทหารที่ถูกปล้นไปจนหมด แม้แต่ของล้ำค่าที่เขาสู้อุตส่าห์เก็บสะสมก็ไม่เหลือ สิ่งล้ำค่าที่ถูกขโมยล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดศาตราวุธจิตวิญญาณทั้งสิ้น! สูญเสียครั้งใหญ่!

อันที่จริงของล้ำค่าควรถูกเก็บไว้ในวงแหวนสัมภาระ ทว่าก็มีปัญหาตามมามากมาย ประการแรกวงแหวนสัมภาระคุณภาพดีมีราคาสูง คนทั่วไปที่พอมีกำลังมักหาซื้อที่มีขายตามท้องตลาด แต่ของพวกนั้นมีพื้นที่จัดเก็บไม่มาก หากเขาจะใช้จัดเก็บสิ่งล้ำค่าคงต้องใช้วงแหวนสัมภาระนับสิบสิบวงแหวน แน่นอนราคาจะยิ่งสูงตามไปด้วย เช่นนั้นจะไม่คุ้มกับเงินทองที่เสียไป นอกจากนั้นใช่ว่าการเก็บไว้ในวงแหวนสัมภาระจะปลอดภัยทั้งหมด!

ถ้าคนที่เก็บของล้ำค่าไว้ในวงแหวนสัมภาระเกิดประสบเหตุกับตัวของคนผู้นั้น ข้าวของเงินทองที่เขาเก็บไว้ จะเป็นอย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกคนที่มียศมีตำแหน่ง ไม่นิยมเก็บของล้ำค่าไว้กับคนเพียงคนเดียว!

ต้องติดตามเอาคืนมาให้ได้! เป่นเสี่ยวหู่ข่มตาปิดลงช้าๆ หากไม่สามารถติดตามกลับคืนได้ ปัญหาใหญ่ย่อมตามมาแน่! เพียงแต่เวลานี้เขายังคิดไม่ตกว่า เหตุใดแคว้นเจียงจึงมีคนขั้นสุดยอดสันโดษพวกนี้? ไฉนจึงมีกำลังคนที่น่าเกรงขามเช่นนี้?

ขณะเดียวกันเยี่ยฉวนและพวกควบสุนัขป่าห้อตะบึงไปตลอดทาง ราวสองชั่วยามให้หลังพวกเขาจึงเข้าเขตป่ารกทึบ และพากันหยุดพักหลังจากใช้เวลาเดินทางมานานติดต่อกันหลายชั่วยาม

ในตอนนี้ทุกคนเริ่มสำรวจอาการบาดเจ็บ และพบว่าแต่ละคนได้รับบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างกันถ้วนทั่วทุกคน แม้แต่เยี่ยฉวนเองก็ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างกายเช่นกัน!

ในความคิดคำนึงของเขา ชายหนุ่มได้ประจักษ์ชัดถึงความกล้าแกร่งของกองทหารศัตรู ทหารจะไม่แข็งแกร่งเมื่ออยู่เพียงลำพัง ทว่าเมื่อใดที่พวกเขารวมหมู่กัน จะส่งเสริมให้พลังทำลายล้างน่าเกรงขามยิ่งขึ้น หากต้องตกอยู่ในวงล้อมของทหารเกราะเหล็กหนึ่งพัน ต่อให้ใช้พลังปฐพีก็คงไม่รอดชีวิต! อีกนัยหนึ่งคือเมื่อใดที่กองทัพสองกองทัพผนึกรวม พลังสุดยอดขั้นผสานเทพก็ถือได้ว่าไร้ความหมาย!

เยี่ยฉวนนั่งกึ่งกลางห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มคน สตรีสวมลินินเหลือบมองมาทางเขาแว่บหนึ่ง จากนั้นนางจัดการหยิบวงแหวนสัมภาระ ทันใดนั้นหีบบรรจุสรรพสิ่งหลายใบปรากฏออกเบี้องหน้าทุกคน ใครคนหนึ่งเอื้อมมือเปิดฝาหีบ พลันเหรียญทองที่อัดแน่นอยู่ภายในก็เปล่งประกายเจิดจ้าออกสู่สายตา!

ทุกคนในที่นั้นเบิกตากว้างทันที เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า! ถึงกระนั้นหาได้มีสักคนแสดงท่าว่าหิวกระหายอยากได้แต่อย่างใด ด้วยว่าพวกเขาล้วนเคยได้เห็นสิ่งล้ำค่ามานักต่อนัก!

เสียงสตรีสวมลินินพูดขึ้นว่า “หีบเหล็ก 38 ใบ แต่ละใบมีมูลค่าสองล้านเหรียญทองรวมแล้วเกือบเจ็ดสิบล้านเหรียญทองเห็นจะได้ ส่วนหีบทองสามใบนั้นบรรจุสุดยอดศาตราวุธจิตวิญญาณแปดชิ้น แต่ละชิ้นมีมูลค่าราวห้าล้านเหรียญทอง”

ร่วมร้อยล้านเหรียญทอง! ทุกคนยิ้มแย้มให้กันด้วยความยินดี สตรีตรงหน้าพูดกับเยี่ยฉวนว่า “ส่วนแบ่งของเจ้าครึ่งหนึ่ง!” สายตาทุกคู่หันมามอง ก่อนเยี่ยฉวนส่ายหน้าขณะตอบว่า “เจ้าช่วยแบ่งให้ทุกคนเท่าๆ กัน!”

แบ่งให้ทุกคนเท่ากัน! คำพูดของเยี่ยฉวนส่งผลให้ทุกคนชะงักงัน น้ำเสียงห้าวลึกของเยี่ยฉวนกล่าวต่อไป “ทุกคนควรได้รับค่าเหนื่อยเท่ากัน ข้าไม่สมควรได้ส่วนแบ่งมากที่สุด ดังนั้นเจ้าช่วยแบ่งให้พรรคพวกคนอื่นเท่ากันด้วย!” พรรคพวกที่เขาพูดถึงต่างนิ่งเงียบหันไปสบตากัน แววตาที่เคยแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขณะมองคนพูด

เสียงของสตรีสวมลินินถามมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “เจ้าพูดจริงหรือ?” เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากยิ้ม “ผู้ฝึกกระบี่ ไม่เคยโกหก!” ผู้ฝึกกระบี่! หญิงสาวพยักหน้าหลังจากได้ฟังคำตอบ จริงสินางเกือบลืมไปเสียสนิทว่าบุรุษหนุ่มคนนี้คือปรมาจารย์กระบี่!

ภายหลังจากเงียบงันไปชั่วขณะ สตรีเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ต้องสู้กับศัตรูกล้าแกร่งมากกว่าใคร ฉะนั้นข้าจะแบ่งให้มากที่สุด ตอนนี้มีทั้งหมดเจ็ดสิบล้านเหรียญทอง ส่วนแบ่งของเจ้าเป็นเงินยี่สิบล้านเหรียญทองและสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณสามชิ้น จะว่ายังไง?”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ไม่มีปัญหา!” จากนั้นบรรดาคนที่เหลือต่างได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สมบัติกันถ้วนทั่วทุกคน และในตอนนี้ทุกคนต่างได้สิ่งของกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะมีคนสองคนได้รับสุดยอดศาตราวุธจิตวิญญาณไว้เป็นสมบัติส่วนตัว

หลังจากเชยชมและเก็บงำสิ่งของส่วนแบ่งที่ได้รับแล้ว หญิงสาวสวมลินินหันมาทางเยี่ยฉวน “พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ทุกสายตามองมาทางเยี่ยฉวนด้วยความสนใจ ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อน “ป่านนี้ทหารม้าแคว้นถังคงเริ่มออกไล่ตามพวกเราแล้ว ดังนั้นจะย้อนกลับไปอีกไม่ได้ เดินหน้าอย่างเดียว!”

สตรีน้ำเสียงเคร่งครัดจริงจัง “บางทีแคว้นถังอาจส่งคนยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ออกตามล่าพวกเรา!” ครานี้เยี่ยฉวนพูดขึ้นทันที “พวกเจ้าแน่ใจได้ เขาไม่กล้าหรอก!” สตรีสวมลินินหันมาจ้องหน้าคนพูด “มีคนอยู่เบื้องหลังเจ้าสินะ!”

ชายหนุ่มพยักหน้า “พวกเขาไม่มีวันส่งยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์แต่ถ้าเป็นผสานเทพก็ไม่แน่……พวกเจ้ากลัวหรือเปล่า?” ครานี้สตรีสวมลินินตอบชัดถ้อยชัดคำ “ข้าฆ่ามานักต่อนักแล้ว!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยฉวนเงียบไปเป็นครู่ต่อมาจึงเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้แนะนำตัว ข้าเยี่ยฉวนเป็นอาจารย์ใหญ่สถานศึกษาฉางหลานแห่งแคว้นเจียงในแผ่นดินชิง!”

หญิงสาวล้วงขนมออกมากัดกินพลางพูดว่า “ข้าลู่ป้านจวงจากตระกูลลู่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่” คนที่นั่งถัดไป ชายผู้มีดวงตาแข็งทื่อมองเยี่ยฉวนนิ่ง “ข้าเหยี่ยลี่ เป็นคนตระกูลเหยี่ยมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์”

“หลิงฮั่น แห่งชุมนุมวิหควารีจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่”

“ส่วนข้าชื่อโม่อวี้จากตระกูลม่อ แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่”

“ชื่อหนานไคหมิง ข้ามาจากเขตแดนตอนใต้แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่”

“กานอู๋เว่ย ข้าเป็นคนของเขตนักบุญแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์”

“…”

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version