บทที่ 286 พวกเราแพ้แล้ว! แพ้ราบคาบ! (ปลาย)
ในส่วนลึกของจิตใจเยี่ยฉวนไม่ต้องการให้คนที่อยู่ล้อมรอบตนเหล่านี้ ต้องสูญเสียเลือดเนื้ออีกต่อไป! หลิงฮั่นและคนอื่นมีสภาพสะบักสะบอมจากอาการบาดเจ็บ หากต้องเป็นอะไรมากกว่านี้คาดว่าพวกเขาคงรับอีกไม่ไหว บัดนี้ สิ่งที่เยี่ยฉวนต้องทำอย่างเร่งด่วนคือพาพรรคพวกกลับออกไปอย่างปลอดภัย!
ขณะนั้น มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งก้าวออกมาจากหมู่คนในราชสำนัก ดูจากลักษณะคะเนอายุราวสิบห้าหรือสิบหก ท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อยแต่เขายังกล้าก้าวออกมาข้างหน้า หนุ่มน้อยเดินตรงมาทางเยี่ยฉวน สีหน้าแน่วแน่จ้องตาเขม็ง เสียงพูดแผ่วเบายิ่ง “ข้าจะไป”
เยี่ยฉวนนิ่งมองพร้อมถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?” คนตรงหน้าตอบเร็ว “ถังมู่” เยี่ยฉวนจึงพูดทันที “นับแต่นี้ต่อไปเจ้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นถัง” ว่าแล้วก็บุ้ยปากไปทางพวกราชสำนักแคว้นถังด้านหลังหนุ่มน้อย “คนไหนอยากเป็นฮ่องเต้อีก เชิญก้าวออกมาเลย”
ทว่าคนของราชสำนักไม่มีใครออกมาสักคนเดียว! เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากเล็กน้อยพลางพยักหน้า “ถ้างั้นข้าจะถือว่าพวกเจ้าไม่คัดค้าน” จากนั้นเขาเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ชื่อถังมู่ “เจ้าจะไปแคว้นถังกับพวกเราแน่ใช่ไหม? ไม่ต้องกลัว ข้ารับรองความปลอดภัยของเจ้าเอง!”
เด็กหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อย “ตกลง!” เยี่ยฉวนจึงหันไปทางกลุ่มทหารแคว้นถัง “จงจำไว้ว่าวันนี้เขากล้าออกมารับหน้าเพื่อช่วยชีวิตพวกเจ้า” กลุ่มทหารได้แต่นิ่งเงียบ
จากนั้น เยี่ยฉวนจึงหันไปทางลู่คว่าง “พี่ลู่ รบกวนไปส่งพวกข้าด้วย” อีกฝ่ายนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนพยักหน้า “ได้!” จากนั้นไม่นานเยี่ยฉวนและคนอื่นก็รีบพากันออกจากเมืองไปพร้อมด้วยฮ่องเต้แห่งแคว้นถังองค์ใหม่ นอกจากนี้เยี่ยฉวนยังยอมให้มีกองทหารแคว้นถังจำนวนหนึ่งติดตามไปกับถังมู่!
ระหว่างการเดินทาง ไม่มีใครกล้าออกขวางพวกเขา คนทั้งหมดจึงมุ่งหน้ากลับแคว้นเจียง! เยี่ยฉวนเอียงศีรษะไปทางหลิงฮั่นและคนอื่น เขาตั้งใจจะช่วยพี่น้องทุกคนให้ออกมาอย่างปลอดภัย!
ตอนนี้เยี่ยฉวนได้ฝึกฝนทักษะดวงตากระบี่ ถึงแม้จะไร้ดวงตาในการมองเห็นเขายังสามารถมองเห็นได้ บางทีการมองผ่านทักษะดวงตากระบี่จะแจ่มชัดเสียยิ่งกว่ามองผ่านนัยน์ตาจริงเสียอีก อย่าลืมว่าเยี่ยฉวนสามารถสัมผัสทุกสิ่งผ่านทางจิตใจด้วย!
สองฟากฝั่งของเมืองหลวงแคว้นถังเต็มไปด้วยพลมืองแคว้นถัง สายตาที่พวกเขามองมาที่เยี่ยฉวนและพวกนั้น บ่งชัดถึงอารมณ์อันร้อนแรงและเจตนามุ่งร้ายฉายชัด มีเสียงของโม่อวิ๋นฉีพูดดังมาจากข้างหน้าว่า “อีกไม่นานหรอก คนพวกนี้ท่าทางอยากแก้แค้นแคว้นเจียงเต็มแก่!”
เยี่ยฉวนจึงตอบเบาน้ำเสียงสงบเยือกเย็น “เพราะฉะนั้นแคว้นเจียงต้องรีบเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อป้องกันพลเมืองถูกแคว้นอื่นข่มเหง! พวกเราก็เช่นกัน! กลับไปคราวนี้เราทุกคนต้องเร่งรัดตัวเองให้บรรลุขั้นผสานเทพให้จงได้”
จากนั้นเขาหันไปหาหลิงฮั่นและกวาดตาไปทางคนอื่นด้วย “เจ้าก็ด้วย พวกเราต้องฝึกให้สำเร็จขั้นผสานเทพทุกคน!”
ขั้นผสานเทพ! ผู้ฝึกพลังขั้นสันโดษนั้นหาได้ง่ายมีดาษดื่นในแผ่นดินชิง แต่คนเหล่านี้หากจะไปแสวงโชคในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ความกล้าแกร่งเพียงเท่านี้นับว่ายังห่างไกลอยู่มาก! ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่หลิงฮั่นและคนอื่น พวกเขาไม่อาจต่อกรกับกองกำลังหยาจื้อได้เลย!
ทว่าศัตรูของพวกเขายามนี้ คือสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาล สองอิทธิพลแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่! ดังนั้นทุกคนต้องเสริมสร้างความกล้าแกร่งให้มากยิ่งขึ้น!
ทันใดนั้น ที่สุดปลายถนนในระยะไกลปรากฏกองทหารม้าหมู่หนึ่งกำลังมุ่งหน้าตรงเข้ามา กองทหารม้าราวหมื่นนาย ท่ามกลางหมู่ทหารคนผู้หนึ่งโดดเด่นคุ้นตาเยี่ยฉวนยิ่งนัก ด้วยทหารม้าเหล่านี้มาจากองครักษ์ดาบทมิฬและกองกำลังมัจจุราช!
คนผู้ที่เป็นหัวหน้าเป็นชายวัยกลางคน! เป่ยเสี่ยวหู่! แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งแคว้นถัง!
ทันทีที่ได้รับรายงานว่าเยี่ยฉวนและพวกมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงแคว้นถัง เป่ยเสี่ยวหู่สั่งการถอนทัพออกจากเมืองชายแดนและเร่งนำกำลังทหารแสนนายตรงกลับเมืองหลวงทันที และเพื่อความรวดเร็วเขาจึงตัดสินใจนำทหารกองหน้ามุ่งหน้าออกมาก่อน ทว่าโชคร้ายยิ่งนักเพราะเขามาช้าเกินไป และบัดนี้คนสองฝ่ายเข้าเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน!
เป่ยเสี่ยวหู่กระตุ้นม้าตรงมาทางเยี่ยฉวนและคนอื่น ขณะที่สายตาเขม้นมองเยี่ยฉวนแน่วนิ่ง ด้านหลังแม่ทัพที่ติดตามกระชั้นชิดมาเป็นกองทหารม้าหนึ่งหมื่นในเครื่องแต่งกายชุดใหญ่ สีหน้าท่าทางของแต่ละคนบ่งชัดว่าพร้อมเข้าสู่สนามรบได้ทุกเมื่อ!
ครู่ต่อมา เสียงของเป่ยเสี่ยวหู่พูดว่า “สำคัญนักนะเยี่ยฉวน! ไม่คิดเลยว่าแคว้นถังต้องมาพ่ายให้กับคนเช่นเจ้า” เยี่ยฉวนได้ยินคนตรงหน้าว่ามาเช่นนั้นจึงพาสุนัขป่าสีดำที่กำลังขี่หลังเดินตรงเข้าหาเป่ยเสี่ยวหู่ช้าๆ “ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง ทางแรกเรามาสู้กัน! ถ้าเจ้าเลือกที่จะต่อสู้เราทั้งคู่ก็สู้จนกว่าจะตายไปพร้อมกัน แต่แคว้นถังจะถูกทำลายจนไม่เหลือซากเช่นกัน ส่วนอีกทางกลับไปกับข้า ไปเจรจาสงบศึก”
อีกฝ่ายสะอึกเฮือก “เจรจาสงบศึก? เจ้าน่ะหรือจะเจรจาสงบศึก? จะข่มขู่พวกเราสินะ เจ้ามัน……” เมื่อได้ยินเยี่ยฉวนสะบัดกระบี่ยาวชี้หน้าเป่ยเสี่ยวหู่ พลางว่า “ใช่ ข้าข่มขู่ไม่พอใจใช่ไหม? ถ้างั้นก็มาสู้กัน แคว้นถังจะได้พินาศลงไปจริงๆ”
ใบหน้าของเป่ยเสี่ยวหู่บิดเบี้ยวเหยเก “ท่าเจ้าจะอยากสู้กันมากนักนะ? งั้นก็เข้ามา……”
“มีข่าว!” ทันใดนั้น ม้าเร็วนายหนึ่งกำลังทะยานตรงมาให้เห็นแต่ไกล ม้าเร็วดังกล่าวตรงรี่มาทางเป่ยเสี่ยวหู่ เมื่อมาจนใกล้พลันคนกระโดดลงจากหลังม้าและทรุดลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเป่ยเสี่ยวหู่ พลางว่า “รายงานท่านแม่ทัพ องค์หญิงเก้าแห่งแคว้นเจียงได้นำกำลังทหารหลายหมื่นบุกเข้าโจมตีกองกำลังของเรา จนบัดนี้กองกำลังฝ่ายเราถูกต้องเข้ามุมอับในเทือกเขาโม่แล้วขอรับ พวกเรากำลังคอยคำสั่งจากท่านแม่ทัพ!”
“องค์หญิงเก้า!” ทันทีที่ได้ยินคนเอ่ยชื่อนั้น พลันสีหน้าของเป่ยเสี่ยวหู่บูดเบี้ยวหนักขึ้นกว่าเดิม สตรีผู้นั้น นางรู้จังหวะฉวยโอกาส ถึงกับนำกองกำลังออกโจมตีด้วยความเด็ดเดี่ยว! เป่ยเสี่ยวหู่นิ่งเงียบ
ในตอนนั้น หนุ่มน้อยถังมู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจึงพูดว่า “ผู้อาวุโสเป่ย ตอนนี้แคว้นถังของเราไม่มีทางเลือกแล้ว!” แม่ทัพเป่ยเบนสายตามาทางคนพูด “เราจะยอมแพ้หรือ?”
ถังมู่ส่ายหน้า “ท่านจะไม่เจรจาสงบศึกงั้นหรือ? พวกเรายอมทำได้ทุกอย่าง!” อีกฝ่ายแสยะปากอย่างขมขื่น “องค์ชายหก ท่านจะไปเจรจาสงบศึกจริงหรือ? หากท่านเสด็จไปแคว้นเจียง พวกเราจะเจรจากับทางโน้นได้หรือพะย่ะค่ะ? เวลานี้เราไม่เหลืออะไรจะไปต่อรองกับเขาได้อีกแล้ว สิ่งที่จะทำได้มีเพียงสิ่งที่ทางเขาต้องการให้เราทำเท่านั้น!”
เสียงของถังมู่แผ่วเบายิ่ง “ท่านเคยคิดไหมว่าเวลานี้แคว้นถังเหลือกำลังทหารกองหนุนอีกเท่าไร? ถ้าเราเลือกทำสงคราม กองกำลังแคว้นเจียงจะบุกเข้าแคว้นถังทันที เมื่อถึงตอนนั้นจะมีต้องคนตายอีกมากเท่าไร?”
เมื่อพูดถึงตอนนี้เขาเดินตรงไปหยุดที่เบื้องหน้าแม่ทัพเป่ย “เวลานี้แคว้นถังพ่ายแพ้แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับผลที่จะตามมาทุกอย่าง!”
“แคว้นถังแพ้!” ขณะนั้นเองหยาดน้ำใสไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของเป่ยเสี่ยวหู่ แม่ทัพผู้มีจิตใจเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ทว่ายามนี้เป่ยเสี่ยวหู่มิได้ร่ำไห้ให้กับตนเอง หากการร่ำไห้ครั้งนี้เพื่อแคว้นถัง!!!
— จบตอน —
