Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 303


บทที่ 303 สุดยอดฝีมือแห่งทำเนียบยอดคนทั้งสาม! (ต้น)

หลังจากนั้นไม่เกินหนึ่งก้านธูป เจียงจิ่วก็นำกำลังทหารเมืองชายแดนออกจากเมือง พร้อมด้วยองครักษ์ดาบทมิฬและกองกำลังมัจจุราชแห่งแคว้นถังเป็นขบวนทัพติดตาม

ตอนนี้เมืองชายแดนอยู่ในสภาพว่างเปล่า หากแคว้นถังคิดกระทำการซุ่มโจมตี พวกเขาก็คงจะยึดเมืองได้โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารมากนัก อย่างไรก็ตามแคว้นถังจะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด แคว้นถังและแคว้นเจียงเป็นแคว้นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร ความจงชังซึ่งฝังรากหยั่งลึกมาช้านาน ทว่าบัดนี้ความเกลียดชังได้ถูกถ่ายเทไปให้สถานศึกษาฉางมู่แทนแล้ว

จากประสบการณ์อันเลวร้ายที่สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลแสดงความไร้สัจจะกับแคว้นถัง อีกทั้งการทำกับพวกเขาเป็นแค่หมากบนกระดาน ซึ่งจะทิ้งเสียเมื่อไรย่อมทำได้! มหาอำนาจทั้งสองไม่เคยคำนึงว่าแคว้นถังจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร! แน่นอนความช่วยเหลือของแคว้นถังต่อแคว้นเจียงครั้งนี้มีเหตุผลอื่นประกอบด้วย นั่นก็คือ เพราะมีเยี่ยฉวนอยู่! ตราบใดที่คนคนนี้ยังอยู่ เขาจะดูแลแคว้นถังและแคว้นถังจะหักหลังด้วยการคิดเป็นอื่น

นอกเมืองชายแดน

เยี่ยฉวนยืนอยู่เบื้องหน้าหลิงฮั่นและคนอื่นๆ ซึ่งบัดนี้ล้อมรอบกายของคนทั้งกลุ่มปรากฏแสงสว่างเรืองรองหนาแน่นขึ้นทุกขณะ แสงสว่างนั้นเจิดจรัสยิ่งกว่าแสงในขั้นสันโดษ ขั้นผสานเทพ! ขณะนั้นเยี่ยฉวนยืนพิจารณาหลิงฮั่นและกลุ่ม เสียงพึมพำแผ่วเบาเล็ดลอดจากริมฝีปาก “เร็วเข้า พี่น้องของข้า!”

สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลมุ่งเป้าจู่โจมที่ตัวเขา ส่วนอาณาจักรต้าอวิ๋นแยกจู่โจมแคว้นเจียง! ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยฉวนเองหรือแคว้นเจียงต่างกำลังตกในที่นั่งลำบาก สตรีเสื้อเขียวเอ่ยขึ้นว่า “ทำอย่างนี้เหมือนรนหาที่ตายชัดๆ”

เยี่ยฉวนเหลือบมองทางผู้พูด ซึ่งยังพูดต่อมาอีกว่า “ยอดฝีมืออย่างเจ้าถ้าได้ฝึกฝนโดยไร้สิ่งรบกวน ต่อไปคงได้สำเร็จขั้นพลังสูงขึ้นไม่น้อยทีเดียว การที่เจ้าพาตัวเองเข้ามาพัวกันกับความขัดแย้งยุ่งเหยิงเช่นนี้ ไม่เกิดผลดีกับตัวเองเลย!”

เยี่ยฉวนฟังแล้วได้แต่ยิ้ม “ความรับผิดชอบไงล่ะ!” ฝ่ายหญิงขมวดคิ้ว “ความรับผิดชอบงั้นหรือ?” ชายหนุ่มพยักหน้า “คนควรมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเป็นคนก่อและไม่ควรปัดความรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าการปัดความรับผิดชอบนั้นจะง่ายกว่า แต่เมื่อทำแล้วคนอื่นต้องลำบากขณะที่ตัวเองนอนตีพุงสบาย” ขณะพูดสายตาเหม่อมองไปไกล

ถ้าเขาหนีไปเสีย โม่อวิ๋นฉี ไป่เจ๋อ จี้อันซื่อรวมทั้งสถานศึกษาฉางหลาน ยังมีเจียงจิ่ว……คนทั้งหมดจะเป็นอย่างไร? ไหนจะหลิงฮั่นและคนอื่นๆ อีก! คนเสื้อเขียวชำเลืองมองเยี่ยฉวนแว่บหนึ่งและเงียบไป

ผ่านไปอีกไม่นาน ความมืดเข้ามาเยือน! เวลานี้เมืองชายแดนไร้ผู้คน จึงมีแต่ความเงียบสงบเช่นกันกับบรรยากาศนอกกำแพงเมือง รอบตัวเยี่ยฉวนและคนอื่นมีแต่ความมืดสนิท แม้แต่กางนิ้วมือของตนเองออกไปเบื้องหน้ายังแทบมองไม่เห็น เยี่ยฉวนฉวยกระบี่มาถือไว้ในมือพลางนั่งลงตรงเบื้องหน้าหลิงฮั่นและคนอื่น สีหน้านิ่งเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดทั้งสิ้น กระบี่ของคนก็เฉกเช่นนั้น

ไม่ห่างออกไป ลู่ป้านจวงนั่งอยู่บนโขดหินปากเคี้ยวขนมป่างเปี๊ยะหงุบหงับ สตรีเสื้อเขียวนอนเอกเขนกศีรษะพาดบนตักของลู่ป้านจวง กำลังกินขนมเหมือนกัน……ด้านหนึ่งมีหลิงเยว่นั่งสมาธิ สอดมือทั้งสองข้างไว้ในแขนเสื้อท่าทางเหมือนนักพรตกำลังเข้าฌานสมาธิ

ไร้เสียงพูดคุย มีแต่ความเงียบ! พลันสตรีเสื้อเขียวเอียงหน้าไปมองหลิงฮั่นและกลุ่ม “จวนได้เวลาแล้ว!” เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ แสงสว่างเรืองรองเป็นประกายบ่งชี้ว่าหลิงฮั่นและทุกคนกำลังอยู่ในขั้นตอนทะลวงผ่านส่วนคอขวดที่เป็นช่วงติดขัด เมื่อใดที่พวกเขาสามารถทะลวงจุดสำคัญผ่านพ้น เมื่อนั้นเขาก็จะสำเร็จขั้นผสานเทพ!

เมื่อใดที่พวกเขาบรรลุผสานเทพ จะเกิดการสลับกระแสพลังจากของล้ำค่าศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นประกายแสงที่ทุกคนมี! ซึ่งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลต่างก็รู้เช่นกัน ดังนั้นการต่อสู้ในค่ำคืนนี้จะยิ่งดุเดือดเลือดพล่าน!

เวลายังคงเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้า อีกไม่นานจะเช้ามืดแล้ว! ตอนนี้ความมืดสนิทกว่าที่เคยครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ ทันใดนั้น มีเสียงประหลาดดังแหวกอากาศท่ามกลางความมืดมิดตรงมา พลันเยี่ยฉวนกระแทกกระบี่พุ่งออกเบื้องหน้า ปลายกระบี่แหลมคมเสียบถูกกลางลูกศรสีดำดอกหนึ่ง หากแทนที่ลูกศรจะแตกกระจายมันกลับหมุนคว้างรวดเร็ว ด้วยพลังแข็งแกร่งส่งผลให้กระบี่หลิงซิ่วสะเทือนรุนแรง

ฉับพลันนั้นสตรีเสื้อเขียวกระโจนพรวดออกไป จากนั้นนางๆ ได้ปรากฏขึ้นในที่ไกลไปหลายจั้ง จากนั้นจึงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าพร้อมกับผลักฝ่ามือขวากระแทกใส่เบื้องหน้าอย่างแรง

ตู้ม! สิ้นเสียงระเบิดดังสนั่นร่างของคนสวมเสื้อเขียวผงะถอยกลับไปยังจุดตั้งต้น แต่ตอนที่ร่างคนทะยานลงบนพื้นพลันผิวในรัศมี 15 จั้ง เกิดแรงสั่นไหวกับรอยแตกร้าวโยงใยรอบบริเวณ นางหรี่ตาลงขณะเบนหน้าหันไปมอง “สุดยอดผสานเทพ……ถึงแม้ระดับขั้นนี้ ก็ไม่ง่ายที่จะใช้กับพลังรุนแรงเช่นนี้!”

ขณะนั้น ชายคนหนึ่งเผยตัวออกมาท่ามกลางความมืด คนผู้สวมใส่เครื่องแต่งกายสีดำล้วน ที่แขนเสื้อทั้งสองข้างใช้ผ้าลินินพันไขว้สลับไปมา เช่นเดียวกับฝ่าเท้าถูกพันทับด้วยผ้าลินินแต่ไม่ได้สวมรองเท้าจึงเปิดเผยให้เห็นส่วนปลายนิ้วเท้า ทันทีที่เห็นหน้าค่าตาคนชัดเจน สตรีสวมเสื้อเขียวพลันหัวคิ้วขมวดเข้าหากันทันที “เหลียนจ้าน ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมากับเขาด้วย!”

เหลียนจ้าน! หนึ่งในสุดยอดฝีมือแห่งทำเนียบยอดคน!

ชายคนที่ถูกเอ่ยนามว่าเหลียนจ้านเขม้นมองสตรีสวมเสื้อเขียวพลันโต้ตอบกลับ “เมื่อใดที่สยบเจ้าได้ ข้าจะได้รางวัลค่าหัวเป็นเหรียญทองสองร้อยเหรียญ และสุดยอดศิลาจิตวิญญาณอีกห้าแสน เจ้าว่ามันคุ้มไหมล่ะ?”

ฝ่ายคนเสื้อเขียวบิดยิ้มมุมปาก “ดี ข้าคงต้องออกแรงเสียหน่อยแล้ว” เหลียนจ้านนิ่งเงียบตอนนั้นเขาแบมือขวาออกไปและค่อยกำเข้าหากันช้าๆ “ในเมื่ออยากสมหวังในเงินรางวัล จะต่อสู้ทั้งทีก็ย่อมต้องใช้ความพยายามกันบ้าง!” เสียงพูดขาดคำร่างคนพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามรวดเร็ว

ฉัวะ! เสียงฉีกขาดของอะไรบางอย่าง ทำให้หลายคนเสียวสันหลังวาบ! ริมฝีปากของสตรีเสื้อเขียวอ้าค้าง “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลย!” ขณะที่เปล่งเสียงออกไป ตัวคนได้ทะยานพุ่งเข้าหาอีกฝ่าย……

อีกฟากหนึ่งของลาน ลู่ป้านจวงยืนจังก้าด้วยขณะนั้นกำลังเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคน ร่างสูงโปร่งอีกทั้งรังสีที่แผ่ซ่านกระจายรอบแข็งแกร่งด้วยพลังครอบงำ ชายคนเดิมซึ่งลู่ป้านจวงเคยประมือด้วยคืนก่อนนั่นเอง

หญิงสาวจ้องเขม็งแน่แน่วพลางว่า “วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้!” ว่าแล้วก็จัดการเหวี่ยงขนมในมือเก็บเข้าที่ พลันร่างกายบังเกิดแรงสั่นขณะที่คนทะยานไปทางชายวัยกลางคนเบื้องหน้า ฝ่ายตรงข้ามหรี่ตาเขม้นมองแววตาเครียดเคร่งโดยไม่ปกปิด ครู่ต่อมาเขากระแทกเท้าขวากดพื้นหนักหน่วง พลันพลังจากพื้นดินส่งให้ร่างคนทะย่านพุ่งอย่างแรงราวลูกกระสุนเหล็กก็ปาน

ตู้ม!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version