Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 315


บทที่ 315 เจ้าคนซื่อบื้อ! (ปลาย)

ในตอนนั้นเอง ชายชราสวมชุดขวาผลุนผลันหันกลับไปทันที พาให้กองทหารม้าแสนนายแห่งแคว้นชูหันหลังถอยกลับไปเช่นกัน! ขากลับออกไปพวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง!

อันหลานซิ่ว! ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้! เพราะผู้ที่มีนามว่าดังนี้เป็นถึงอันดับหกแห่งทำเนียบยอดคน! นางเคยใช้เวลาต่อสู้ไต่อันดับจากอันดับสามสิบเป็นอันดับหกภายในหนึ่งวัน!

อำนาจที่หนุนเบื้องหลังของคนคนนี้ยังเป็นปริศนาแม้แต่สถานศึกษาฉางมู่ก็จนปัญญา นั่นคือความน่าสะพรึงกลัวที่สุด! ฉางมู่เป็นหนึ่งในกองกำลังมหาอำนาจที่ใหญ่ยิ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ระบบของหน่วยสืบความลับถึงจะไม่ดีเลิศที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ใช่ว่าจะเลวร้าย!

แม้แต่สถานศึกษาฉางมู่ยังไม่สามารถสืบรู้ถึงที่มาของหญิงสาวที่ชื่ออันหลานซิ่ว!

ชายชราสวมชุดขาวจึงไม่กล้าคุกคามต่อฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาเผชิญหน้า ณ ขณะนี้ เพราะหากเขาต่อสู้เมื่อใด บางทีกลุ่มอำนาจเบื้องหลังอาจขานรับทันที! เพราะพวกเขาเกรงกลัวต่ออำนาจแท้จริงเบื้องหลัง……ดังนั้น ชายชราสวมชุดขาวจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายถอยออกมา

หลังจากที่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามถอนกำลังกลับไปหมดแล้ว อันหลานซิ่วหันหลังกลับ ซึ่งในตอนนั้นเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่ด้านหลังจัดการเก็บกระบี่หลิงซิ่วเรียบร้อยแล้วกำลังเดินตรงมาที่นางพอดี

อันหลานซิ่วสังเกตเห็นหน้าคนที่เข้ามาหยุดตรงหน้า นางชะงักงันไปก่อนกล่าวว่า “สะดุดเสียแล้วหรือ?” เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากออกเล็กน้อย “ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น!” หญิงสาวส่ายหน้า “แย่จริง!” ชายหนุ่มยิ้มแหย พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง “แม่นางน้อยอัน เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?”

แม่นางน้อยอัน!

อันหลานซิ่วนิ่งขึงอยู่กับที่ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินเยี่ยฉวนเรียกแทนชื่อของตนเองเช่นนี้ มีสหายที่สนิทชิดชอบสองสามคนเท่านั้นที่สามารถเรียกชื่อเล่นของนาง!

อีกคนหนึ่งที่มีท่าทางแปลกประหลาดไป ชายชราชุดดำขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเยี่ยฉวนเรียกชื่อเล่นของอันหลานซิ่ว เมื่อสังเกตว่าฝ่ายหญิงมิได้มีท่าทีผิดแปลก สีหน้าของชายชราหม่นมัววูบได้แต่เหลือบมองหน้าเยี่ยฉวนแววตาหมองเศร้า

อันหลานซิ่วมองชายหนุ่มตรงหน้า เสียงกล่าวแผ่วเบาราวกระซิบ “ไปเดินเล่นกันหน่อย!” เยี่ยฉวนพยักหน้าอย่างเต็มใจ จากนั้น คนทั้งสองก็เดินเคียงกันหลีกออกไปอีกทาง ชายชราสวมชุดดำได้แต่มองตามหน้าตาบูดบึ้ง ไม่มีใครจะสามารถล่วงรู้ความคิดภายในใจของเขา

คนที่แยกออกมาเดินเคียงกันไปต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยก่อน ในที่สุด เป็นเยี่ยฉวนทำลายความเงียบพูดขึ้นว่า “แม่นางน้อยอัน ทำไมเจ้าจึงมาที่นี่?” อีกฝ่ายยกมือปัดเส้นผมขึ้นทัดหลังใบหูก่อนตอบมาว่า “เรื่องที่สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการพุ่งเป้าหมายมาที่เจ้านั้น สำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเลย”

เยี่ยฉวนยิ้มกว้าง “เจ้าก็เลยมาสินะ!” อันหลานซิ่วหยุดเดิน นางหันควับมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนตรงๆ “ข้าไม่ได้อยากมาสักหน่อย!” ชายหนุ่มชะงักงัน

หญิงสาวตรงหน้าเขาสั่นศีรษะขณะพูดต่อไปว่า “ถ้าข้ามา จะมีปัญหาตามมาอีกไม่น้อยไปกว่าเรื่องของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ ดีไม่ดีอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า!”

จากนั้น นางหันกลับและออกเดินนำไปช้าๆ “ข้ามาพบเจ้าตอนนี้ อีกหน่อยจะต้องมีปัญหาตามมาอีกไม่รู้เท่าไร เวลานี้เจ้าก็แทบจะเอาตัวไม่รอด ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมามีเรื่องยุ่งเพิ่มอีก แต่ตอนนี้ เจ้าต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว แม้ว่าที่จริงเจ้าอาจจะไม่อยากก็ตาม”

เยี่ยฉวนถามเสียงเคร่งขรึม “ตระกูลของท่านน่ะหรือ?” อันหลานซิ่วพยักหน้า “นอกจากตระกูลของข้าแล้วยังมีตระกูลอื่นอีก” เมื่อพูดถึงตอนนี้ นางหันกลับมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนอีกครั้ง “ข้าต้องไปมารีบไป กลับไปครั้งนี้ ข้าจะพยายามหาทางยับยั้งตระกูลของข้าเท่าที่จะทำได้ แต่กับคนอื่นข้าคงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยว เจ้าเลือกที่จะเป็นสหายของข้า ดังนั้น จึงยากจะหลีกเลี่ยงปัญหาและหลายสิ่งที่จะตามมา เข้าใจไหม?”

เยี่ยฉวนพยักหน้าหงึก “เข้าใจขอรับ!” ฝ่ายหญิงสาวมองหน้าคนตรงหน้าพลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “อย่าเลย เจ้าไม่เข้าใจหรอก พวกคนในตระกูลสูงมักสนใจคนที่ภูมิหลังและชาติตระกูล เรื่องมันซับซ้อนข้า……” ชายหนุ่มหน้าเซียวพลางถามว่า “เจ้าจะขอยุติความสัมพันธ์ของพวกเรา ใช่ไหม?”

อันหลานซิ่วนิ่งคิดนิดหนึ่ง “ถ้าข้ารับปากกับประมุขของตระกูลว่าจะไม่มาพบกับเจ้าอีก ในวันพรุ่งนี้รับรองได้ว่าจะไม่มีสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการบนโลกนี้อีกต่อไป แต่ถ้าเลือกที่จะคบกับเจ้าต่อไป ศัตรูของเจ้ามิได้มีเพียงสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการเพียงเท่านั้น แต่จะมีกลุ่มอำนาจอื่นซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่า” เยี่ยฉวนนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

หญิงสาวหันกลับและสาวเท้าเดินตรงไปทางชายชราสวมชุดดำ ท่าทางนั้นบ่งบอกภาวะสงบนิ่งภายในใจ ในตอนนั้นเอง นางได้ยินเสียงของเยี่ยฉวนพูดไล่หลังมาพอได้ยินถนัดชัดถ้อยชัดคำ “ข้าเลือกอย่างหลังขอรับ!” อันหลานซิ่วถึงกับฝีเท้าชะงักหยุด

เยี่ยฉวนยืนยิ้มเผล่ “แม่นางน้อยอัน ข้ารู้ดีว่าการเลือกทำแบบนี้จะต้องเผชิญกับอะไรอีกมาก บางทีข้าอาจต้องตายเร็วแต่ข้าก็จะไม่เสียดายชีวิต อันที่จริง ข้ายังแยกไม่ออกระหว่างความรักกับความชอบ รู้แต่เพียงว่ามีความสุขที่ได้พบเจอกับเจ้า ดังนั้น ข้าจึงคิดจะใช้ชีวิตนี้ปกป้องเจ้าและรักษาความสัมพันธ์ของเราไว้ให้ได้”

พูดจบ คนก้าวยาวๆ เข้าไปใกล้อันหลานซิ่ว “ข้าไม่กลัวไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาฉางมู่หรือตระกูลของเจ้า ไม่ต้องพูดถึงความตาย แต่สิ่งที่กลัว……ข้ากลับกลัวว่าเจ้าจะกล้าแกร่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า จริงๆ นะ!”

หญิงสาวนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน สุดท้ายจึงได้ยินเสียงพึมพำดังเบาๆ “คนซื่อบื้อ!” จากนั้น นางพลันหันหลังกลับเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นริมฝีปากเรียวบางเหยียดยิ้มเบาบาง

ชายสวมชุดดำผู้ที่เดินตามมาห่างๆ เหลือบมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่เยี่ยฉวนกลับยิ้มแย้ม “จะว่าไป ข้าว่าข้าไม่ได้เลวร้ายหรอก เอ้าจริงนะ ตอนนี้เป็นถึงปรมาจารย์กระบี่และปรมาจารย์วิทยายุทธ์ แม้ว่าเพิ่งถึงขั้นสันโดษก็ตาม ทว่าข้าก็ได้ฆ่ายอดยุทธ์ผสานเทพเป็นผักปลามาแล้ว ท่านหาใครในแผ่นดินชิงจะดีกว่าข้านั้นไม่มีแล้วล่ะ!”

ตอนนี้ สีหน้าคนพูดเริ่มเคร่งขรึม น้ำเสียงจริงจัง “ท่านอย่ามีอคติกับข้านักเลยนะ ขอร้องล่ะ ลองรับข้าไว้พิจารณาสักคนข้าเชื่อว่าวันหนึ่งท่านจะยอมรับข้าแน่! เพราะข้าเนี่ย ดีเลิศประเสริฐ นับเป็นคนจริงที่แท้จริงยิ่ง!”

ชายชราสวมชุดดำ ถึงกับหน้ามุ่ยพูดไม่ออก “……”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version