บทที่ 321 มีหรือข้าจะยอมเสียหน้า? (ปลาย)
เมื่อเห็นปฏิกิริยา คนสวมผ้าขาวกลับยังคงพูดเนิบต่อไป “หัวหน้าหลี เยี่ยฉวนมันสังหารคนของฉางมู่ตายเป็นเบืออย่างนี้ แสดงว่ามันเกรงกลัวอาณาจักรต้าอวิ๋นงั้นหรือ? เขาเป็นสุดยอดฝีมือ อีกทั้งมีเซียนกระบี่อยู่เบื้องหลัง ก่อนหน้าก็มีอันหลานซิ่วกลับมาช่วยเหลืออีกคน ฉะนั้น ก่อนที่เราจะสืบรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นอันหลานซิ่ว ท่านจงอย่าได้ทำอะไรโดยพละการ มิเช่นนั้น ท่านนั่นแหละจะถูกลงโทษทางวินัยทหาร!” หลีเฟิงที่ได้ฟังกำหมัดเม้มปากแน่น บัดนี้ เขาโกรธจนหน้าดำหน้าเขียว ทว่าก็ต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
ชายชราสวมผ้าคลุมขาวก็มีสีหน้าโกรธขึ้งไม่แตกต่าง เพราะการมาของอันหลานซิ่วทำให้พวกตนราวกับถูกตรึงไว้กับที่ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหว หากยังไม่สามารถสืบภูมิหลังของสตรีที่ชื่ออันหลานซิ่ว ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดา ก็คงจะดีไม่น้อย สิ่งสำคัญที่พวกเขากลัวนักกลัวหนา คือกองกำลังที่อันหลานซิ่วเข้าไปมีส่วนร่วมนั่นเอง!
เพียงเพราะสาเหตุนี้ ฉางมู่และดินแดนอันธการจึงไม่กล้ากระทำการผลีผลาม! ถึงกระนั้น ความกังวลใจยังมีอยู่มาก! กังวลใจว่าจะทำให้เยี่ยฉวนมีเวลา! การปะทะกันหน้าเมืองไค่หยางก่อนหน้า เยี่ยฉวนเกือบจะเข้าใจถ่องแท้ในแรงพลักดันจนเกือบจะได้เป็นจ้าวกระบี่มาแล้วครั้งหนึ่ง!
เรื่องนี้ทำให้เขาเกิดความหวาดหวั่น! เพราะเมื่อเยี่ยฉวนสำเร็จเป็นจ้าวกระบี่ นั่นหมายความว่าดินแดนอันธการและสถานศึกษาฉางมู่จะหมดโอกาสสังหารคนคนนั้น ด้วยพวกเขาทำได้แค่เรียกระดมบรรดายอดฝีมือแห่งทำเนียบยอดคนที่มีขั้นอันดับต่ำกว่ายี่สิบได้เท่านั้น หากต้องการระดมกำลังคนที่มีขั้นสูงกว่านี้ ค่าใช้จ่ายค่าจ้างย่อมแพงมหาศาลขึ้นไปอีก!
ถ้าเยี่ยฉวนเป็นจ้าวกระบี่ คงต้องจ้างยอดฝีมือที่สูงกว่าอันดับสิบขึ้นไปจึงสามารถสังหารเยี่ยฉวนได้! แต่ถึงอยากจ้างบรรดายอดฝีมือสิบอันดับแรกใช่ว่าจะมีให้จ้าง เพราะยอดฝีมือพวกนั้นไม่ได้ยากจนข้นแค้น คนพวกนั้นติดอันดับสูงทั้งหมดแล้ว!
ดังนั้น เมื่อใดที่เยี่ยฉวนสำเร็จเป็นจ้าวกระบี่ เมื่อนั้นสถานการณ์ของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการจะเลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม หากยอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์ยังถูกกีดกันมิให้เข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้! ต้องขอบใจที่เยี่ยฉวนทำไม่สำเร็จในตอนนั้น!
เหตุการณ์ในตอนนั้น เขาเองยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจไม่น้อยทีเดียวที่เห็นเยี่ยฉวนล้มเหลวในการดึง “แรงพลักดัน”
ตราบใดที่ชายหนุ่มเยี่ยฉวนยังไม่สำเร็จขั้นจ้าวกระบี่ พวกเขาก็จะมีโอกาสสังหารเยี่ยฉวนด้วยทรัพยากรเพียงน้อยนิด แต่ตอนนี้เพิ่มอันหลานซิ่วขึ้นมาอีกคนนี่สิ เมื่อคิดถึงสตรีที่มีนามว่าอันหลานซิ่ว สีหน้าคนสวมผ้าคลุมขาวพลันเหือดแห้ง นางเป็นสุดยอดฝีมือที่แท้จริง!
คำถามที่ผุดขึ้นมาในใจตอนนี้ ทำไมเยี่ยฉวนจึงสนิทสนมกับยอดฝีมือผู้นี้? ตอนนั้น มีเสียงจ้าวทมิฬถามขึ้นมาว่า “พี่หลีมู่ พวกเราควรเรียกขุนศึกแห่งเต๋ามาด้วยดีไหม?”
ขุนศึกแห่งเต๋า! ชายผู้สวมผ้าคลุมสีขาวซึ่งมีนามว่าหลีมู่พ่นลมออกจมูก “ถ้าเรียกพวกเขามา ข้าเกรงว่ามันจะโขกค่าจ้างจนยับน่ะสิ!” จ้าวทมิฬจึงว่า “มีเพียงคนพวกนี้เท่านั้นที่จะสามารถสืบได้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร” หลีมู่นิ่งเงียบลงทันที
ขณะนั้นเอง ชายชราสวมชุดดำทั้งชุดปรากฏตัวออกต่อหน้าทุกคนในค่ายพัก เมื่อเห็นผู้ที่เพิ่งเข้ามา พลันหลีมู่หรี่ตาลงเล็กน้อยท่าทางระแวดระวังขึ้นมาทันที ด้วยคนผู้นี้คือคนที่ปรากฏกายยืนอยู่ด้านหลังอันหลานซิ่วนั่นเอง
ชายชราสวมชุดดำชำเลืองหางตาไปทางจ้าวทมิฬซึ่งเห็นเพียงเงาทะมึนหลบมุมอีกด้านหนึ่ง “ทำลับๆ ล่อๆ หน้าขายหน้า!” ขาดคำดังกล่าวเขากระแทกฝ่าเท้าลงบนพื้นเต็มแรง
ตู้ม! พลันผนังค่ายซึ่งห่างไม่มากนักราวสี่จั้งเกิดสั่นสะเทือน และเมื่อเสียงอึงอลจากแรงระเบิดจางหาย ขณะนั้น โฉมหน้าของชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมดำก็ถูกเปิดเผยออกสู่สายตาของทุกคน!
เพียงหนึ่งกระบวนท่า สามารถเปิดโปงโฉมหน้าของเขา! จ้าวทมิฬจ้องมองคนสวมชุดดำด้วยสายตาฉายแววหวาดหวั่นเต็มที่
ชายชราสวมชุดดำไม่ใส่ใจคนที่มุมอีกต่อไป จึงเบนสายตามาทางคนสวมชุดขาว “ข้าเข้าใจสิ่งที่พวกเจ้ากำลังเป็นกังวล วางใจได้ทางเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างเจ้ากับเยี่ยฉวนอย่างแน่นอน”
หลีมู่นิ่วหน้าพลางถามทันที “ทำไม?” อีกฝ่ายบิดยกมุมปาก น้ำเสียงเจือแววเยาะเย้ย “เพราะเราก็อยากให้มันตายไงล่ะ! แต่เพราะมีแม่นางอัน ทำให้พวกเราไม่อาจเคลื่อนไหวไม่ว่าจะในที่มืดหรือที่แจ้ง แต่เชื่อเถอะว่านางจะไม่ออกปะทะอีกแล้ว”
หลีมู่อดใจไม่ไหว ถามเสียงเครียด “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?!” ชายชราสวมชุดดำพูดท่าทีเมินเฉย “เราจะเป็นใครไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ข้ามาเพื่อจะบอกว่าพวกเจ้าอยากทำอะไรกับเยี่ยฉวนก็เชิญทำได้ตามสบาย คนผู้นั้นเป็นขั้นสันโดษเท่านั้น แม้ว่าจะมีอาจารย์เป็นเซียนกระบี่ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ”
จากนั้น เขาขยับออกเดิน “ข้าจะบอกให้ ถ้าพวกเจ้าเคลื่อนไหวอีกครั้ง จงใช้อำนาจที่มีและสังหารมันให้ได้อย่างเด็ดขาด อย่าให้มันมีโอกาสฝึกปรือพลังขึ้นไปได้อีก” หลีมู่จ้องหน้าคนสวมชุดดำพลางว่า “การจัดการคนผู้นี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก!”
อีกฝ่ายพ่นลมออกจมูก ท่าทีเย็นชา “ถ้าไม่เห็นแก่แม่นางอัน การจะให้มันตายก็ง่ายแค่ชั่วกระพริบตา สิ่งที่พวกเจ้าทำมาทั้งหมดมันโง่เง่าสิ้นดี ถ้าเพียงมุ่งทุมเทพลังอำนาจ การสังหารจะไม่ง่ายกว่าหรือ?”
พูดจบพลันหันหลังเดินออกไป ทว่าพลันคนหยุดชะงักฝีเท้า “กำลังมีคนมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกไม่นานก็จะมาถึงที่นี่ เขาจะมาช่วยพวกเจ้าอีกแรง ถึงเวลานั้นหวังว่าพวกเจ้าจะทำเต็มที่ งัดเอาไม้ตายที่มีออกมากำจัดคนผู้นี้ให้สิ้นซากไปเสียที!” จากนั้น ร่างกายคนสั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะหายวาบไปจากสถานที่
คนที่ยังอยู่ในค่ายพัก หลีมู่และจ้าวทมิฬหันมองหน้ากัน หลังจากนิ่งเงียบกันไปพักใหญ่ ที่สุดเป็นหลีมู่เอ่ยขึ้นว่า “จ้าวทมิฬ เจ้าสั่งรวมพลขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธการ หัวหน้าหลีเจ้าสั่งรวมพลกองพันทหารม้าต้าอวิ๋นและให้พวกมันเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา ทันทีที่เยี่ยฉวนถูกสังหาร เราจะบุกเข้าเมืองและเดินทัพไปบดขยี้แคว้นเจียงหลังการตายของเยี่ยฉวนทันที!”
เมื่อพูดจบเขาค่อยหลับตาลง “คราวนี้มาดูกันสิว่า มันหรือเรา ใครจะอยู่ใครจะตาย!”
