บทที่ 401 อาการข้างเคียง! (ปลาย)
……
หลังจากทั่วปาเซียวเหยาออกจากห้องไปแล้ว เยี่ยฉวนเริ่มการสำรวจสภาพร่างกายของตนเองเสียที……
……
ก่อนหน้าที่มีการต่อสู้กับอุปทูตฝ่ายซ้ายเยี่ยฉวนได้รับบาดเจ็บหนักเอาการ ซ้ำกระบี่หลิงซิ่วก็ถูกทำลาย ในเวลานั้นเขาจึงไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา ถึงกระนั้นช่ายหนุ่มได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความรู้สึกเมื่อสูญเสียพลังปราณ……
..
ถ้าผู้ฝึกกระบี่ไร้ซึ่งกระบี่ เขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่อย่างนั้นหรือ?
คำถามนี้สตรีลึกลับเป็นคนเขาเอง ซึ่งเขาได้ตอบนางไปแล้ว ทว่าเขารู้ดีว่าคำตอบที่ให้เป็นได้ชัดว่าเป็นความเข้าใจเพียงส่วนหนึ่งของประโยคนี้เท่านั้น ประโยคนั้นมิใช่ประโยคคำถามพื้นๆ และมีความหมายเคลือบแฝง บางทีอาจมิได้มีความหมายอย่างที่เยี่ยฉวนเข้าใจก็ได้
เพราะพลังอำนาจของสตรีลึกลับ ชายหนุ่มจึงไม่สามารถสรรหาคำพูดใดมาอธิบาย อีกอย่าง……นางสามารใช้พลังอำนาจโดยไม่ต้องอาศัยกระบี่!
ณ เวลานี้เยี่ยฉวนตระหนักแล้วว่าผู้ฝึกปราณนั่นเองคือกุญแจสำคัญ หากผู้ฝึกปราณกล้าแกร่ง กระบี่ก็จะกล้าแกร่งและแม้แต่เส้นผมสามารถใช้แทนกระบี่ชั้นยอด แต่ถ้าหากผู้ฝึกปราณอ่อนด้อย ต่อให้กระบี่ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถใช้งานได้ อีกทั้งยังไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง!
ไม่ว่าการฝึกปราณชนิดใด ความจริงก็คือการฝึกจิตใจของตนเองนั่นเอง รู้จักใจตน ทำตามใจตนและพ่ายแก่ใจตน! แน่ละคำพูดนี้ง่ายต่อการฟัง ทว่ายากต่อการปฏิบัติ!
คนที่นอนบนเตียง เยี่ยฉวนได้แต่ส่ายหน้าไปมาและทอดถอนใจ ชั่วขณะหนึ่งเขายอมรับกับตนเองว่ากฎแห่งกระบี่เต๋านั้นซับซ้อนเกินจินตนาการและยากเกินเข้าใจ
สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้คือไม่ต้องคิดถึงอนาคต ทว่าก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคง นั่นคือสิ่งที่สำคัญ!
ทันใดนั้นเหลียนว่านลี่เดินเข้ามาภายในห้อง สายตามองตรงมาที่คนบนเตียงพลางส่งยิ้มกว้าง “ผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ย รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
เยี่ยฉวนขยับลุกขึ้นนั่งพลางใช้มือกดลงไปตามท่อนขาที่ยังมีอาการชาของตน “ถ้าแม่นางมีอะไร ก็ขอเชิญแม่นางเหลียนพูดได้เลย!” สตรีเดินตรงไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้เบาะนุ่มฝั่งตรงข้ามเยี่ยฉวน หลังจากนั่งประจำที่เรียบร้อยจึงประสานฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนจะวางลงบนหัวเข่า ท่าทางงามสง่ายิ่ง!
คนเป็นสตรีเงยหน้ามองตรงพลางอมยิ้มบาง “อาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ชายหนุ่มถามคำถามกลับไป “เชิญพูดมาตามตรงเถอะแม่นางเหลียน”
เยี่ยฉวนตระหนักแน่แก่ใจว่าสตรีตรงหน้าไม่ธรรมดา แม้ว่านางจะแสดงท่าทีเป็นมิตร หากซุกซ่อนความเหี้ยมเกรียมและทะเยอทะยานไว้ภายใน
เหลียนว่านลี่เอ่ยมาอีก “ผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ย ข้ารู้สึกเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจข้าผิด!”
“ไม่ ไม่เลย!”
ชายหนุ่มบนเตียงส่ายหน้าน้อยๆ “แม่นางเหลียนเจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าจะเข้าใจผิดอย่างไรได้?……ถ้าเจ้าอยากจะพูดอะไรก็ว่ามา”
หญิงสาวเหยียดมุมปาก “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่อ้อมค้อม ระหว่างที่เจ้านอนแบบอาการเป็นตายเท่ากันอยู่ที่นี่ ช่วงนั้นเจ้าคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในแผ่นดินชิง ข้าจะบอกให้ฟัง ในเวลานี้แหล่งวัตถุชั้นเลิศแห่งพลังชี่จิตวิญญาณในแผ่นดินชิงได้ถูกทำลายไปแล้ว และทั่วทั้งแผ่นดินเรียกได้ว่าไร้พลังชี่จิตวิญญาณแล้วอย่างสิ้นเชิง เท่าที่ข้ารู้ พลังชี่จิตวิญญาณที่พบได้ในเมืองบางเมืองของแคว้นเจียงก็สูญสลายเหือดแห้งเช่นกัน ซึ่งนั่นทำให้หลายเมืองทั้งน้อยใหญ่กำลังเกิดความสับสนวุ่นวาย”
เยี่ยฉวนนิ่งฟังเงียบเชียบ
เหตุแหล่งวัตถุชั้นเลิศสูญสิ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะกระบี่ของสตรีลึกลับ
ความคิดที่จะทำลายโลกของนาง หาใช่เรื่องตลกขบขันเสียแล้ว!
ชายหนุ่มก้มศีรษะส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อนึกถึงภาพนั้นคราใดความกลัวยังแล่นเข้าจับขั้วหัวใจอยู่นั่นเอง ถ้าเขาไม่ขอร้องไว้ แผ่นดินชิงคงล่มสลายด้วยน้ำมือกระบี่ของนางเป็นแน่!
อารมณ์ของเซียนกระบี่หญิง ช่างรุนแรงน่ากลัวนัก!
ฉับพลันนั้นเหลียนว่านลี่ผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินตรงมาหาเยี่ยฉวน “ผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ย เวลานี้ทั่วทั้งแผ่นดินชิงบรรยากาศเริ่มแปรปรวนและเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ถ้าขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงเกิดการจลาจลมากมาย ในสถานการณ์วิกฤตเจ้าเป็นคนที่ลุกขึ้นมาและยื่นมือเข้าช่วยเหลือโลกใบนี้ ในฐานะของคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินชิง ข้าอยากขอบใจมากที่เจ้า……”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ ขณะเอ่ยขัดจังหวะคนที่กำลังพูด “ช่วยโลกใบนี้? แม่นางเหลียน ข้าเคยบอกหรือว่าข้าต้องการช่วยเหลือโลก?”
เหลียนว่านลี่มองคนตรงหน้าพลางกระพริบตาปริบ “เจ้าไม่ได้อยากช่วยโลกหรอกหรือ?”
อีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ “แม่นางเหลียน ข้าเป็นผู้ฝึกกระบี่เล็กๆ ที่เพิ่งบรรลุขั้นสันโดษ ไม่เคยคิดที่จะช่วยโลกอะไรทั้งนั้น เมื่ออาการของข้าหายดีแล้วข้าก็จะกลับแคว้นเจียง หากมีเรื่องวุ่นวายพวกเราจะจัดการเอง! ไม่ต้องเป็นห่วง!”
สตรีถอยหลังทรุดนั่งลงไปที่เดิม หากมิได้พูดอะไรและยกมือขึ้นโบกเบาๆ พลันผลแอปเปิ้ลที่จัดวางในถาดด้านนอกห้องลอยวูบเข้ามาหล่นลงกลางฝ่ามือ เหลียนว่านลี่กัดผลไม้เคี้ยวคำหนึ่งก่อนเสียงพูดแผ่วเบายิ่ง “ข้าว่าเจ้าทำเช่นนี้ ไม่สมควรได้ชื่อว่าผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเอาเสียเลย!”
เยี่ยฉวนได้ยินเข้าถึงกับอมยิ้ม “ข้าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเจียง ไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งดินแดนต้าอวิ๋นสักหน่อย”
หญิงสาวมองสบตาเยี่ยฉวนชะงักงัน “การที่แผ่นดินชิงต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าเองก็มีส่วน จะไม่มีแก่ใจให้ความช่วยเหลือบ้างเลยเชียวหรือ?”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ “เรื่องที่เกิดเพราะสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลเป็นต้นเหตุ เหตุใดเจ้าจึงไม่กล่าวโทษพวกเขาด้วยเล่า?”
เหลียนว่าลี่ทำท่าจะโต้ตอบต่อไป ทว่าชายหนุ่มโบกมือเป็นเชิงห้ามไว้ “แม่นางเหลียน ข้าใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าเจ้ายังขืนพูดต่อไป มีแต่จะทำให้ข้าดูแคลนเจ้ามากขึ้นเท่านั้น”
สตรีลุกพรวดขึ้นทันทีพร้อมเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าเยี่ยฉวน “ไม่เพียงแค่แผ่นดินชิงเท่านั้น แต่ทั้งโลกชิงฉางกำลังสับสนวุ่นวาย ข้าได้รับข่าวว่ามีกองกำลังผู้รับจ้างและกลุ่มอำนาจจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังมาที่แผ่นดินชิง คนพวกนี้มาเพื่อปล้นสะดม”
เมื่อพูดถึงตอนนี้นางได้เอื้อมแขนมาโอบบ่าเยี่ยฉวนไว้ด้วยท่าทางร้อนรน “ในเมื่อพวกมันจะมาปล้นเรา ไฉนเราไม่ปล้นมันกลับไปบ้างเล่า? จากนั้นพวกเราควรมาร่วมมือกันและไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ รวมแผ่นดินในโลกชิงฉางให้เป็นหนึ่งเดียว”
ขณะที่เยี่ยฉวนกำลังนึกที่จะพูดบางอย่าง ฉับพลันความรู้สึกบ่งบอกว่าหลอดเลือดทั่วร่างกายกำลังเริ่มขยายโป่งพอง!
ภายในกายพลุ่งพล่านอย่างประหลาด!
ชั่วขณะนั้นครามรับรู้พลันว่างเปล่า และเสื้อผ้าที่ห่มกายพลันถูกความร้อนจากรังสี ซึ่งกระจายแผ่ซ่านออกจากกายเผาไหม้กลายเป็นจุณในทันที!
