Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 59



HH

บทที่ 59 ยอดหญิงงามแห่งเมืองหลวง! (ปลาย)

ขณะที่กำลังสนทนากับโม่สุ่ยชิง สายตาของนางก็พลันสะดุดมองมาทางเยี่ยฉวน ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะอยู่ในงานเลี้ยงสังสรรค์ด้วยเช่นกัน

โม่สุ่ยชิงสังเกตเห็นว่าสายตาสหายของนาง ดังนั้นหญิงสาวจึงหันมองไปทางเยี่ยฉวนซึ่งนั่งห่างออกไป “เซียงเหมิง เจ้ารู้จักคนผู้นั้นด้วยหรือ?”

นางพยักหน้ารับ

โม่สุ่ยชิงหัวเราะออกมา “ข้าว่าเขาจะต้องเป็นคนสำคัญ ไม่งั้นเจ้าคงไม่ให้ความสนใจ ไหนลองบอกข้าสิว่าเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลใด?”

ฮั่นเซียงเหมิงสั่นศีรษะ “พวกเราเคยพบกันหนหนึ่งหรือสองหนเท่านั้น ไม่ได้มีความคุ้นเคยกันเป็นพิเศษ”

โม่สุ่ยชิงเหยียดยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยแต่ยังแอบมองไม่หยุดหย่อน หรือว่าเจ้าจะตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว?”

นางหันไปทางเยี่ยฉวนก่อนหันกลับมาพูดต่อไป “เขาหน้าตาดี นับว่าเจ้าตาถึง!”

ฮั่นเซียงเหมิงส่ายหน้าอย่างระอา “พูดอะไรไร้สาระ ข้าเคยพบเขาเพียงสองหน เพียงแค่ไม่นึกฝันว่าจะมาพบกันที่นี่เท่านั้น”

โม่สุ่ยชิงหันไปดูรอบกายก่อนหัวเราะออกมา “ไม่เห็นมีอะไรแปลกที่เขาจะมาที่นี่ งานนี้เป็นงานชุมนุมของบรรดาอัจฉริยะจากทุกเมืองในแคว้นเจียง พวกเขาต่างมาเพื่อทำความรู้จักกับผู้คนในแวดวงสังคมหรือผู้คนที่มีอำนาจเพื่อสร้างเครือข่ายมิใช่หรือ?

“เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขาได้โอภาปราศรัยกับใครเขาบ้าง?” เสียงของฮั่นเซียงเหมิงถามเรียบๆ

โม่สุ่ยชิงหยุดคิดขณะเดียวกันก็หันกลับไปทางเยี่ยฉวนอีกครั้ง “เมื่อได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ เขาก็ดูท่าทางจะมีบุคลิกโดดเด่นเป็นพิเศษนัก” นางเริ่มแปลกใจเล็กน้อย

แต่ทว่าฮั่นเซียงเหมิงกลับสั่นศีรษะปฏิเสธเด็ดขาด “หยุดพูดเรื่องของชายคนนี้เถอะ เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเราเสียหน่อย”

ทว่าโม่สุ่ยชิงกลับไม่เออออด้วย “ข้าชักสงสัยเสียแล้ว มาเถิด ไปด้วยกัน ไปทำความรู้จักให้มากขึ้น!”

ฮั่นเซียงเหมิงได้ยินเช่นนั้นพลันสีหน้าเปลี่ยนเป็นเจือความหวาดกลัวขณะพูดว่า “สุ่ยชิง อย่าทำให้เขาขุ่นเคืองใจ เขา……”

“ขุ่นเคืองใจ?”

โม่สุ่ยชิงกลับหัวเราะใส่ “เจ้าพูดจาแปลก ทำท่าราวกับว่าเกรงกลัวเขา แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ทว่ายังมิทันตอบโต้โม่สุ่ยชิง นางชิงตัดบทเสียก่อน “ช่างเถิด เขาทำให้ข้าอยากจะรู้อยากเห็น มาเถิด ตามข้ามา ข้าต้องการรู้จักเขาให้มากขึ้น!”

ในที่สุดนางก็ดึงตัวฮั่นเซียงเหมิงตรงไปที่โต๊ะของเยี่ยฉวนจนได้

ท่าทีของแม่นางโม่และแม่นางฮั่นเป็นที่สะดุดตาของทุกคน พวกเขาพากันมองตามหญิงสาวทั้งสองซึ่งกำลังเดินตรงไปที่โต๊ะ ก่อนที่สายตาจะพากันจับจ้องไปยังเยี่ยฉวน

คนเหล่านี้ล้วนแต่อยากรู้อยากเห็น!

แน่นอน ใครๆ ต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับสถานะของเยี่ยฉวน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถละความสนใจจากโม่สุ่ยชิงได้!

โม่สุ่ยชิงจ้องเขม็งก่อนส่งยิ้มให้เยี่ยฉวน “เมื่อไม่มีใครอีก ขอที่นั่งให้พวกเราสองพี่น้องจะได้หรือไม่?”

เยี่ยฉวนมองหญิงสาวทั้งสองอย่างพิเคราะห์ สำหรับฮั่นเซียงเหมิงนั้นเยี่ยฉวนจดจำนางได้ แต่ที่ทำให้เขารู้สึกพิศวงก็คือสิ่งที่พวกนางทำนี่สิ

โดยไม่รอคำตอบ โม่สุ่ยชิงพลันดึงฮั่นเซียงเหมิงทรุดนั่งลงข้างกัน “ว่าแต่ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไรเจ้าคะนายน้อย? ไม่ทราบว่าท่านมาจากตระกูลใด?”

เยี่ยฉวนวางตะเกียบในมือก่อนใช้ฝ่ามือหุ้มกำปั้นแสดงคารวะ “ข้าเยี่ยฉวน เป็นเพียงจอมยุทธพเนจรเท่านั้น!”

จอมยุทธพเนจร!

แววตาของโม่สุ่ยชิงส่องประกายแวววาว ความสนใจใคร่รู้ฉายอยู่อย่างเด่นชัด “ท่านเป็นเพียงจอมยุทธพเนจรหรือเจ้าค่ะ?”

ชายหนุ่มพยักหน้าเพื่อยืนยันคำตอบ

โม่สุ่ยชิงได้ยินดังนั้นถึงกับหัวเราะคิกคัก “แต่ถ้าเป็นแค่จอมยุทธพเนจรธรรมดา ก็เห็นทีจะเข้ามาในงานไม่ได้นะเจ้าคะ”

ถึงคราวเยี่ยฉวนหัวเราะบ้างแล้ว “พวกเรามากับขุนนางลู่เพื่อมารับประทานอาหารชั้นเลิศเท่านั้น!”

รับประทานอาหารชั้นเลิศ!

ฉับพลันลานกว้างก็ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ยินคำตอบ

ไม่เว้นแม้แต่โม่สุ่ยชิง นางเองยังอดหัวเราะในคำตอบเถรตรงไม่ได้ “เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนมาร่วมงานสังสรรค์เพื่อกินอาหารชั้นเลิศ”

เยี่ยฉวนรำพึงกับตนเองก่อนถามโพล่งออกมาว่า “คุณหนูโม่ ทำไมเจ้าไม่บอกข้ามาตามตรงว่าเจ้าต้องการสิ่งใด?”

ตอนนี้ทุกคนในที่นั้นต่างพุ่งความสนใจมาที่เยี่ยฉวน ชายหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ และเขาเองก็ไม่ต้องการสร้างศัตรูไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม!

โม่สุ่ยชิงหัวเราะก่อนตอบว่า “ไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงแวะมาสนุกๆ ไม่ได้หรือ? หรือท่านคิดว่าข้าไม่คู่ควรจะนั่งร่วมโต๊ะด้วย นายท่านเยี่ย?” สิ้นคำกล่าวก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากของนาง

ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวดังนั้น บรรดาบุรุษที่ห้อมล้อมอยู่พลันเริ่มมีความเคลื่อนไหว หนึ่งในนั้นเดินเข้ามายืนเคียงข้างโม่สุ่ยชิงและมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา “คุณหนูโม่ เขาทำอะไรท่านหรือไม่? คนเช่นเขาคู่ควรร่วมโต๊ะกับท่านได้อย่างไร?”

ปัง!

ลู่หมิงใช้ฝ่ามือตบโต๊ะอย่างแรง เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้าบุรุษนั้นอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมพูดว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? กล้าดีอย่างไรจึงพูดกับพี่ใหญ่ของข้าเช่นนี้?”

บุรุษคนนั้นหรี่ตามอง พร้อมตอบว่า “เจ้าอยากตายนักหรือไง?”

ก่อนที่ลู่หมิงจะพูดตอบ เยี่ยฉวนพลันดึงเขาไปด้านหลัง ก่อนจะหันไปทางโม่สุ่ยชิงและเอ่ยถาม “คุณหนูโม่ ข้าทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจตอนไหนกัน ทำไมเจ้าจึงยุยงให้เกิดความเกลียดชังเช่นนี้?”

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แสดงท่าเสมือนไม่รู้ไม่เห็น “ยุยงให้เกลียดชัง? ข้าเปล่า! ท่านกล่าวหาข้า!”

หญิงสาวพลันทำท่าทอดถอนใจก่อนพูดต่อไป “ข้าเพียงเห็นว่าท่านดูมีสง่าราศีเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากทำความรู้จักกับท่านให้มากขึ้น หาได้คิดว่าจะเป็นต้นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเรา เฮ้อ……ดูเหมือนว่าท่านคิดว่าข้าไม่คู่ควรเป็นมิตรกับท่านสินะ นายท่านเยี่ย”

เยี่ยฉวนเสียงกร้าวเอ่ยถาม “แต่ว่าเจ้าจงใจจะทำให้ข้ากลายเป็นเป้าหมายของทุกคน ใช่หรือไม่?”

คราวนี้โม่สุ่ยชิงแย้มริมฝีปากคลี่รอยยิ้มขณะตอบ “นั่นเป็นปัญหาของท่านเอง มิใช่หรือ?”

เยี่ยฉวนมองใบหน้างดงามและเข้าใจเรื่องทั้งหมดทั้งมวลในทันที ที่แท้ก็เป็นเพราะนางต้องการให้เกิดปัญหานี่เอง “กลับกันเถิด!” ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นพร้อมทั้งดึงลู่หมิงและเยี่ยหลิงพากันออกไป

เยี่ยหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หากไม่วายเอื้อมมือคว้าลูกแอปเปิลหย่อนลงกระเป๋าด้วยนึกถึงพี่ชายที่ชอบกินผลไม้หลังอาหารมื้อเย็น

เมื่อมองเห็นว่าคนทั้งหมดกำลังจะกลับไปจริง โม่สุ่ยชิงก็ถึงกับมีสีหน้าเย็นชา “ท่านไม่คิดเห็นแก่หน้าของข้าเลยนะ ท่านพี่เยี่ย! ทำไม หรือท่านคิดว่าข้าต่ำต้อย?”

พลันเสียงหัวเราะของบุรุษดังขึ้น “คุณหนูโม่ ท่านอย่าไปใส่ใจกับคนพวกนั้นเลย”

ชายผู้นั้นหันมาทางเยี่ยหลิงก่อนจะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียๆ หายๆ ต่อไปว่า “เจ้ามากินอาหารของที่นี่น่าจะพอแล้ว แต่นี่ยังแอบหยิบเอากลับไปด้วย บอกตรงๆ ว่าข้าไม่เคยพบเห็นใครมีพฤติกรรมเช่นเจ้ามาก่อน ช่างเถอะ พวกคนชั้นต่ำจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”

ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ใบหน้าน้อยๆ ของเยี่ยหลิงพลันซีดเผือด นางรีบวางลูกแอปเปิลกลับลงบนโต๊ะทันที

ฮั่นเซียงเหมิงเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน ด้วยเหตุการณ์เลวร้ายรุนแรงบนเรือเหาะล้วนเกิดขึ้นเพราะแม่เด็กน้อยคนนี้!

ชั่วพริบตา เยี่ยฉวนพลันหายออกจากจุดเดิมที่เคยอยู่อย่างรวดเร็วราวกับลมพัดผ่าน……และในทันทีที่เสียงพูดจบลง ชายหนุ่มก็ได้มาปรากฏตัวต่อหน้ากับเจ้าคนวาจาสามหาวแล้ว! ซึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว กำปั้นของเยี่ยฉวนก็ได้กระแทกปากของชายผู้นั้นเข้าอย่างจัง!!!

เปรี้ยง!

ร่างของคนที่กล่าววาจาสามหาวลอยกระเด็นออกไปหลายจั้ง ฟันร่วงจนเกือบหมดทั้งปาก โลหิตทะลักสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

สีหน้าของทุกคนในที่นั้นพลันเปลี่ยนไป!

ตีกัน!

กล้าเข้ามาตีกันในนี้!

โม่สุ่ยชิงไม่คิดมาก่อนว่าชายหนุ่มจะอาจหาญเข้ามาตีกับใครในงานสังสรรค์ หญิงสาวมองไปทางชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชา พูดขึ้นว่า “เก่งนี่!”

เยี่ยฉวนก้าวออกมายืนเบื้องหน้าหญิงสาวภายหลังจากซัดปากเจ้าคนปากพล่อยด้วยกำปั้นจนลงไปกอง “สตรีเช่นเจ้านอกจากจะไม่ใส่ใจความรู้สึก ทั้งยังไม่ให้ความเคารพต่อผู้อื่น เพราะหลงตนคิดว่ามีรูปเป็นทรัพย์ คิดพอใจที่มีบุรุษมาคอยห้อมล้อมเอาอกเอาใจแล้ว ข้าก็ขอเดาว่าคนอย่างเจ้าคงมีความสุขที่เห็นคนอื่นเชื่อฟังเจ้าทุกคำพูดและยอมทำอะไรโง่ๆ ใช่หรือไม่? แต่เสียใจด้วย ต่อให้สตรีเช่นเจ้าเปลื้องอาภารณ์จนหมดสิ้นมานอนอยู่ต่อหน้า ข้าคนนี้ก็ไม่ขอแตะต้องเลยแม้แต่น้อย!!!”

สิ้นคำ เยี่ยฉวนก็หันไปหยิบลูกแอปเปิลบนโต๊ะก่อนหันไปคว้ามือน้องสาวออกมาพร้อมกับลู่หมิง แล้วทั้งหมดก็พากันเดินออกไป

— จบตอน —

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version