บทที่ 597 ประกาศศึก! (ปลาย)
ทำลาย?
ชายหนุ่มสั่นศีรษะโดยเร็ว “ไม่ได้ขอรับ!”
เมื่อคิดว่าต้องทำลายเด็กน้อยอาหลิง เยี่ยฉวนรับไม่ได้และทำไม่ได้ด้วย ถึงแม้บางครั้งนางจะมีนิสัยแก่นซนไปบ้าง แต่นางก็ไม่ใช่คนเลวร้าย
เจ้าสำนักมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาแน่วนิ่ง “ถ้าไม่ทำลายเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าต่อไปจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา!”
คนตรงข้างฝืนยิ้มเศร้า “เจ้าสำนักขอรับ เหตุที่หัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานมาอยู่ที่ข้าก็เพราะข้าได้รับปากว่าจะปกป้องนาง ถ้าท่านจะให้ข้าทำลายนางเสีย ข้าทำไม่ได้จริงๆ มนุษย์เราพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น มิใช่หรือขอรับ?”
เฉินเป่ยฮั่นนิ่งไปด้วยกำลังไตร่ตรอง จากนั้นจึงถามว่า “นางอยากมาอยู่กับเจ้าเองงั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนผงกศีรษะรับ
อีกฝ่ายเมื่อได้ยินถึงกับถอนใจเฮือก “เจ้านี่……”
เอาเข้าจริงพอได้ยินอีกฝ่ายบอกเช่นนั้นเขาถึงกับผงะในใจอย่างตกตะลึง ด้วยตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานจะเป็นฝ่ายตามเยี่ยฉวนออกมา!
ต้องบอกว่าโดยทั่วไปวัตถุทางจิตวิญญาณมักต่อต้านสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์!
ลึกลับชวนพิศวง!
ดูหรือชายหนุ่มเยี่ยฉวนคนนี้มักมีเรื่องชวนพิศวงอยู่เสมอ
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เฉินเป่ยฮั่นบอกกับอีกฝ่ายว่า “สำนักผู้ตรวจการเขตแดนต้องคิดว่ามันอยู่กับเจ้าแน่ พวกนั้นจะไม่ยอมล้มเลิกง่ายๆ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องกลับไปสำนักชางเจี้ยนพร้อมกับพวกข้า!”
เยว่ฉีพยักหน้าเห็นด้วยมาจากอีกด้าน “กลับไปเสีย!”
เสียงของคนเจ้าสำนักพูดมาอีกว่า “ถ้าขืนอยู่ที่แผ่นดินชิงต่อไป เจ้าจะไม่สามารถดูแลตนเองได้ เราจะให้เวลาเจ้าไปจัดการธุระปะปังในแผ่นดินชิงเสียให้เรียบร้อย และทางที่ดีบอกให้สหายของเจ้าหาที่ซ่อนหรือไม่ก็ไปที่สำนักชางเจี้ยนพร้อมกับข้า”
ขณะพูดความกังวลใจฉายชัดอยู่ในแววตาคู่นั้น “สำนักผู้ตรวจการเขตแดนทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐาน!”
เยี่ยฉวนนิ่งไปอึดใจจากนั้นจึงตอบว่า “ถ้าข้ากลับไปที่สำนักชางเจี้ยน สำนักผู้ตรวจการเขตแดนก็จะพุ่งเป้าโจมตีสำนักชางเจี้ยนของพวกท่านอย่างบ้าคลั่ง นี่มัน..”
เฉินเป่ยฮั่นส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นศิษย์สำนักชางเจี้ยนแล้ว ฉะนั้นเรื่องของศิษย์ก็เหมือนเรื่องของสำนัก นอกจากนั้นถึงแม้ไม่มีเจ้าอยู่ที่นั่น เมื่อพวกมันบรรลุตามเป้าประสงค์พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยสำนักชางเจี้ยนเราอยู่ดี เจ้ารีบไปจัดการธุระให้เสร็จเสีย และอีกไม่เกินครึ่งวันเราจะเดินทางกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน”
พลันอีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยปากคัดค้าน ทว่าเยว่ฉีรีบพูดตัดบทขึ้นเสียก่อน “รีบไปเร็วเข้า อย่ามัวโอ้เอ้!”
ชายหนุ่มบิดยกมุมปาก ก่อนจะหันกลับไป
หลังจากเยี่ยฉวนลับกายแล้ว เฉินเป่ยฮั่นพูดกับสตรีว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานจะอยู่ในมือของเขา!”
เยว่ฉีหันไปมองคนพูด “อย่าหลอกใช้เขาเป็นอันขาด!”
อีกฝ่ายเหยียดมุมปากยกยิ้มพลางส่ายหน้า “ศิษย์น้อง เห็นข้าเป็นคนใจไม้ไส้ระกำตั้งแต่เมื่อไร?”
คนตอบพูดเสียงต่ำ “คนคนนี้ไม่เลวเลย ถ้าเขาอยากจะอยู่กับสำนักชางเจี้ยน ต่อไปข้างหน้าความสำเร็จของเขาจะไม่ด้อยกว่าศิษย์พี่ใหญ่”
เฉินเป่ยฮั่นพยักหน้าเห็นด้วย “ข้ารู้ ปัญหาใหญ่ของเขามีเพียงเรื่องที่มักทำตามอำเภอใจของตนเอง ถ้าไม่ต้องรับภาระอย่างอื่นและมุ่งใส่ใจกับการฝึกบ่มเพาะพลังอย่างเดียว อนาคตข้างหน้าจะประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่าศิษย์พี่ใหญ่เราเลย ทว่าถ้าให้เขาเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป เกรงว่าเขาจะชักศึกเข้าสำนักชางเจี้ยนไม่เว้นแต่ละวัน!”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดยืดยาวเยว่ฉีถึงกับส่ายหน้า นางรู้จักนิสัยของเยี่ยฉวนดี ชายหนุ่มเป็นคนมีนิสัยมุทะลุสุดขั้ว
แม้ว่าดูภายนอกจะไม่ใช่คนเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็หน้าเป็นและบางทีอาจมีเล่ห์เหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าใครทำให้โกรธก็อาจระเบิดเป็นภูเขาไฟพ่นลาวาเลยก็เป็นได้!
ขณะนั้นเสียงคนอีกฝ่ายตัดบททันที “ช่างเถอะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน พูดตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์!”
พูดพลางเบนสายตามองเยว่ฉี “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นใครที่มาลอบจู่โจม?”
สตรีสั่นหน้าปฏิเสธแทนคำตอบ
คนเจ้าสำนักพยักหน้าน้อยๆ พลางถอนใจหากมิได้เอ่ยอะไรอีก
ทว่าเยว่ฉีชำเลืองตามองไปยังทิศที่เยี่ยฉวนลับสายตาไป
ภายหลังออกจากหุบเขากันดาร เยี่ยฉวนจึงมุ่งหน้าไปยังแคว้นหนิงในทันที
ในห้องบรรทมของฮ่องเต้ทัวป้าเหยียน
หญิงสาวมองเยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าขณะหัวคิ้วขมวดมุ่น “ซ่อนตัวงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เจ้าสองคนต้องหาที่ซ่อน หรือจะไปอยู่กับข้าที่สำนักชางเจี้ยน!”
ทัวป้าเหยียนหันไปสบตากับจี้อันซื่อ และเป็นทัวป้าเหยียนที่เป็นฝ่ายถามเสียงแหบต่ำ “สถานการณ์เลวร้ายมากเลยหรือ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าเบาๆ “เลวร้ายมาก เวลานี้สำนักผู้ตรวจการเขตแดนตามล่าเพื่อหวังจะฆ่าข้าอย่างไม่คิดชีวิต!”
อย่างที่เฉินเป่ยฮั่นเคยบอก เขารู้สึกว่าสำนักผู้ตรวจการเขตแดนตามหาหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานอย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย ฉะนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เยี่ยฉวนจะยอมให้หัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานตกอยู่ในมือของสำนักผู้ตรวจการเขตแดน เพราะถึงแม้ฝ่ายนั้นจะได้ไป ก็ใช่ว่าสำนักผู้ตรวจการเขตแดนจะยอมปล่อยเขาและสำนักชางเจี้ยนไปแต่โดยดี!
อีกอย่างถ้ายกให้สำนักผู้ตรวจการเขตแดนไป ก็ยังไม่รู้ว่าพวกมันจะนำหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานไปทำเรื่องชั่วร้ายอะไรอีกบ้าง!
เพราะฉะนั้นเยี่ยฉวนต้องพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะยับยั้งการกระทำของสำนักผู้ตรวจการเขตแดน!
สตรีฮ่องเต้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าอยากจะอยู่ที่นี่ แต่จะพาแม่นางจี้อันซื่อไปหาที่ซ่อนก็ย่อมได้”
ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงอ่อนเบา “พวกเจ้าไม่อยากไปอยู่กับข้าที่สำนักชางเจี้ยนงั้นหรือ?”
ทัวป้าเหยียนสั่นศีรษะ “ถ้าข้าหนีไปเสียแคว้นหนิงจะเป็นอย่างไร? ถ้าข้าอยู่ที่นี่ถึงแม้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็สามารถดูแลแคว้นหนิงได้”
เยี่ยฉวนนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ถ้างั้นก็ตกลง แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าห้ามออกจากที่ซ่อน ส่งข่าวพวกฉางหลานด้วยว่าห้ามเปิดเผยตัวเด็ดขาด”
สตรีรับคำและทอดสายตามองคนพูด “เจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้ดี เข้าใจไหม?”
เยี่ยฉวนยิ้มกว้าง “สบายใจเถอะ ข้าไม่ยอมตายแน่!”
จากนั้นก็เอื้อมมือไปดึงอีกฝ่ายมากอดไว้ทั้งตัว “คอยข้าอยู่ที่นี่!”
พลันทำท่าฉุกคิดขึ้นได้จึงหันไปกอดจี้อันซื่อด้วย จากนั้นก็หันหลังเตรียมที่จะออกจากห้องไป
“เจ้ามั่นใจว่าจะได้กลับมาใช่ไหม?” ทัวป้าเหยียนถามเสียงแผ่ว
คนที่กำลังจะไปหยุดชะงักหันกลับมาส่งยิ้ม “คอยข้าล่ะ!”
พูดจบร่างคนก็หายวับไป
ภายในห้องบรรทมฮ่องเต้ทัวป้าเหยียนยืนอยู่ที่ประตูและไม่ยอมขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน
ราวครึ่งวันถัดมาเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในแผ่นดินชิง
สำนักผู้ตรวจการเขตแดนประกาศศึกกับสำนักชางเจี้ยนอย่างเป็นทางการ!
