Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 700


บทที่ 700 สวรรค์แลปฐพีแทนดวงตา!

ท่ามกลางท้องฟ้าแห่งจักรวาลดารา ปรากฏเรือเหาะจักรวาลดาราลำหนึ่งกำลังมุ่งตรงเข้าสู่ความมืดมิดแห่งจักรวาลดารา

เยี่ยฉวนยืนตัวตรงอยู่บริเวณหัวเรือและหันหน้าไปยังดินแดนจักรวาลดวงดาว เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามนุษย์เปรียบได้ดั่งเถ้าธุลี

ชั่วขณะหนึ่งพานคำนึงถึงสตรีลึกลับ

ในจักรวาลที่แสนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ทว่าศักยภาพของมนุษย์ก็ไร้ขีดจำกัดเช่นเดียวกัน

ถ้าบุคคลที่กล้าแกร่งเช่นสตรีสวมชุดเรียบมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ดูท่าจักรวาลดาราคงจะเล็กลงไปถนัดตา

ชายหนุ่มนึกถึงเมื่อครั้งอาศัยอยู่ที่เมืองชิง เขาคิดอยู่เพียงว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้น้องมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายและหาวิธีที่จะรักษานาง

ถึงตอนนี้ความตั้งใจแต่เก่าก่อนยังคงอยู่เคยไม่ผันแปร

อย่างก็ตามเขาได้พบว่าการจะไปสู่จุดหมายดูเหมือนจะลำบากขึ้นและประสบความสำเร็จได้ยากขึ้น

ยิ่งเขาพัฒนาความสามารถมากขึ้น ยิ่งได้พบคนที่มีความกล้าแกร่งเพิ่มขึ้นและพานพบกับสิ่งที่ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก

ชายหนุ่มหัวเราะขณะรำพึงกับตนเองว่า “การจะอยู่บนโลกนี้ว่ายากแล้ว แม้แต่จะมีชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยก็ยากกว่า!”

ทันใดนั้นมีเสียงของเจียนจื่อไจ้พูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้ารู้สึกลำบากใจข้าจะแนะนำให้เจ้าล้มเลิกเรื่องหอคอยแห่งเรือนจำเสียและกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงเซียนกระบี่ในโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งที่เป็นอยู่บวกกับสมบัติล้ำค่าที่เจ้ามี ก็น่าจะทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างสุขสบาย”

เยี่ยฉวนถามกลับ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้เจ้าแค่ต่อสู้กับมนุษย์และคนพวกนั้นก็มดปลวกดีๆ นี่เอง ต่อไปเมื่อเจ้าได้พบกับบรรดาประมุขแห่งดินแดนจักรวาลดวงดาว เจ้าจะมีชีวิตที่ยากลำบากยิ่งกว่า และเบื้องหลังของพวกเขาเหล่านี้ยังมีสวรรค์ ตราบใดที่เจ้ายังดำรงความแข็งแกร่งและมีชีวิตอยู่ เจ้าไม่เพียงจะต้องต่อสู้กับพวกเขาเหล่านี้เท่านั้นทว่าจะต้องรับมือกับสวรรค์ด้วย”

เยี่ยฉวนนิ่งฟังเงียบงัน

จะว่าไปสตรีสวมชุดเรียบได้เคยบอกเขาทำนองนี้เช่นกัน

ต่อสู้กับความเป็นมนุษย์และรับมือกับสวรรค์

ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อยว่า “เหตุใดคนเราต้องต่อสู้? การเป็นมิตรกันจะไม่ดีกว่างั้นหรือ?”

เจียนจื่อไจ้ตอบกลับทำนองเยาะหยัน “เจ้านี่มันช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมเหลือเกิน! เด็กอาหลิงยังไม่ไร้เดียงสาเท่านี้”

เยี่ยฉวน “……”

อีกฝ่ายจึงส่งเสียงพูดมาอีกว่า “ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมและคนที่จะทำเช่นนี้ได้จึงต้องใช้พลังสยบฟ้าดิน อีกอย่างหนึ่งยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้น เจ้ายิ่งต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามนานาชนิดที่มีในโลกมากขึ้น เหมือนกับเจ้าในเวลานี้ ตระกูลตู๋กูและตระกูลอวิ๋นไม่มีทางปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไป เพราะคนพวกนั้นไม่อาจยอมให้มีอัจฉริยะเติบใหญ่ซึ่งจะกลายเป็นขวากหนามของพวกมันในภายหน้า”

ถึงตอนนี้จู่ๆ ผู้พูดหยุดนิดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “เจ้ามีหอคอยอยู่กับตัว ต่อไปศัตรูของเจ้าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นข้าขอแนะนำด้วยใจจริง เจ้ามอบหอคอยให้แก่ข้าเสียและข้าจะรับปัญหาทุกอย่างไว้เองด้วยความเต็มใจ”

เยี่ยฉวนนิ่งฟัง กลายเป็นว่านางคำนึงถึงเรื่องนี้เสียเอง

เจียนจื่อไจ้เอ่ยถาม “ไม่เห็นด้วยกับข้า งั้นสิ?”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว “แม่นางเจียนข้ามีคำถามที่อยากจะถาม บางทีอาจดูเหมือนไม่ค่อยเกรงใจ……ทว่าข้ายังอยากถามอยู่ดี เหตุใดคนที่กล้าแกร่งอย่างเจ้าจึงมาถูกจองจำอยู่ในหอคอยแห่งนี้?”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป

เยี่ยฉวนจึงเป็นฝ่ายพูด “แม่นางเจียน เจ้าอยู่มานานกว่าข้า เป็นธรรมดาอยู่เองที่เจ้าจะได้พบเจอคนและเรื่องราวหลายอย่างมากกว่าข้า เรื่องความเป็นจริงของชีวิตเจ้าย่อมมีความรู้มากกว่าข้าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามข้ามีคำพูดหนึ่งที่อยากบอก คนเราอย่าละโมบให้มากและไม่ควรหยิบฉวยอะไรที่ไม่ใช่ของ ตนเอง”

ละโมบ!

ชายหนุ่มประจักษ์ชัดว่ามีคนที่ต้องตายเหตุเพราะความละโมบมานักต่อนัก

อย่างเช่นนักพนันที่ชนะพนันแล้ว ทว่าพวกเขายังอยากที่จะชนะอีกและในที่สุดพวกเขาก็ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

เสียงหัวเราะของเจียนจื่อไจ้ดังขึ้น “ละโมบงั้นหรือ? ไม่ใช่เพราะความละโมบของเจ้างั้นหรือจึงได้ออกตามหายันต์ผนึกพิภพอย่างนี้? ถ้าไม่พนันขันแข่งเสียบ้างชีวิตก็คงจืดชืดสิ้นดี เข้าใจหรือยัง?”

เยี่ยฉวนนิ่งงัน

ก็อย่างที่สตรีบอกนั่นแหละบางครั้งคนเราก็ต้องพนันขันแข่ง!

เสียงอีกฝ่ายเสริมอีกว่า “เมื่อกี้เจ้าถามถึงสาเหตุที่ข้าถูกจองจำอยู่ที่นี่ และข้าอยากจะบอกว่ามิใช่เกิดจากความละโมบของข้าแต่เป็นเพราะข้าแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก”

คนฟัง “…”

“ที่นี่ล่ะ!”

มีเสียงของเจียนจื่อไจ้บอกมาทันที

ชายหนุ่มหยุดชะงักพร้อมกับหันไปมอง ในจักรวาลดาราซึ่งไม่ห่างออกไปนักปรากฏเป็นสายธารดวงดาวระยิบระยับอยู่เบื้องหน้า

เยี่ยฉวนพึมพำ “ไม่เห็นอะไรเลย!”

เจียนจื่อไจ้ไขความกระจ่างให้ว่า “การที่มองไม่เห็นเป็นเพราะสิ่งล้ำค่านั้นถูกนำออกไปนานแล้วก่อนที่เจ้าจะมา เอาล่ะ ต่อไปจงว่าตามข้า… สวรรค์แลปฐพีแทนดวงตา มุ่งมาหมายยลสวรรค์…”

ชายหนุ่มพึมพำตามสัญชาตญาณ “สวรรค์แลปฐพีแทนดวงตา มุ่งมาหมายยลสวรรค์…”

จบประโยคนั้นพลันเปลือกตาทั้งสองข้างของเยี่ยฉวนกระพือเปิดทันที ฉับพลันนั้นเองลำแสงสว่างเจิดจ้าพุ่งออกจากสองข้างดวงตา

ขณะที่ดินแดนจักรวาลดาราเบื้องหน้าเยี่ยฉวนได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ต่อมาปรากฏเป็นถนนเส้นทางสีทอง ทอดยาวลึกเข้าสู่ดินแดนจักรวาลดาราที่อยู่ข้างหน้า

ชายหนุ่มยืนตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยความรู้สึกบอกกับตนเองว่าสามารถสัมผัสต่อสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกสัมผัสทะยานถึงขีดสุดแม้แต่ฝีเท้าของมดที่กำลังเดินอยู่ในที่ห่างออกไปหลายพันจั้งยังรู้สึกได้

ในตอนนั้นเขารู้สึกราวกับว่ามีอำนาจเหนือทุกสิ่ง!

เยี่ยฉวนรีบหันไปถามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “เจียนจื่อไจ้ เวทมนตร์นี้คืออะไร? พลังอำนาจจึงมากมายเช่นนี้!”

อีกฝ่ายตอบเพียงว่า “อย่าถามมากนักเลย รีบๆ เข้าเถอะ”

ชายหนุ่มพูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าช่วยสอนให้ข้าที ได้หรือไม่?”

เสียงสตรีตอบว่า “ได้สิ! แต่เจ้าตอบแทนข้าได้นี่?”

เยี่ยฉวนถามกลับ “จะให้ข้าตอบแทนอย่างไร?”

เจียนจื่อไจ้พูดว่า “มอบหอคอยนี่ให้ข้าเสียก็สิ้นเรื่อง!”

คนฟังกลับสุ้มเสียงจริงจัง “หอคอยจะแสดงความจริงใจได้อย่างไร? ข้ายอมแต่งงานกับเจ้าเป็นไง!”

สตรีถึงกับสะอึก “เจ้าว่าไงนะ? เออแน่ะ……”

เสียงหัวเราะอย่างขบขันก่อนพูดขึ้นว่า “คิดจะล้อข้าเล่นหรือไง?”

เยี่ยฉวนเสียงขรึม “เจ้าไม่เห็นหรือไง? ตัวข้าออกจะเป็นคนดี”

เจียนจื่อไจ้พูดยิ้มๆ “เจ้าเป็นคนไร้ยางอายที่สุดในดินแดนสวรรค์แห่งนี้ บอกตรงๆ ข้าแนะนำให้เจ้าไปฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ‘หน้าด้าน’ ท่าจะดี อีกหน่อยเจ้าจะได้เหนือกว่าผู้ใดในโลกที่ไร้ยางอายขึ้นทุกวันของพวกเจ้าไงล่ะ!”

เยี่ยฉวน “……”

เขาไม่ได้ถือเอาคำพูดนั้นของอีกฝ่ายมาเป็นอารมณ์ จึงเดินลงไปบนถนนเส้นทางสีทอง

ขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นทางสีทองเยี่ยฉวนรับรู้ได้ทันทีถึงพลังงานสีทองที่ไหลบ่าท่วมท้น พลังงานสีทองนั้นบริสุทธิ์สะอาดอย่างยิ่ง บริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าพลังอัญมณีเพลิงอินทนิลที่เคยได้สัมผัส

เสียงของเจียนจื่อไจ้เอ่ยขึ้นมาว่า “นี่คือพลังชี่มังกรที่เปล่งออกมาจากเทพจักรพรรดิ ถ้าผู้ที่มีแหล่งกำเนิดมังกร ก็สามารถซึมซับเอาพลังงานที่ปรากฏได้ทั้งหมด โชคร้ายที่เจ้าไม่ใช่”

เยี่ยฉวนถามเสียงเคร่งขรึม “มีหนทางอื่นอีกหรือไม่?”

สตรีตอบทันควัน “มี!”

“ทางไหน?” อีกฝ่ายถามกลับ

“ไม่บอก!”

เยี่ยฉวนสะอึก “……”

เมื่อนางบอกว่าไม่ นางก็จะไม่ปริปากเลยจริงๆ เยี่ยฉวนรู้ดีว่าสตรีต้องการแก้เผ็ดเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น!

ถึงอย่างไรเขาจำต้องไปต่อ

ราวครึ่งชั่วยามเยี่ยฉวนหยุดเดิน เบื้องหน้าปรากฏบานประตูสีทอง

ชายหนุ่มหยุดยืนมองบานประตูเฉยอยู่พักใหญ่ทีเดียว

เจียนจื่อไจ้ถามดังมาว่า “กลัวหรือไง?”

เยี่ยฉวนถามกลับเสียงแผ่ว “นี่แม่นางเจียน ถามจริงเจ้าจะหลอกอะไรข้าอีก?”

เสียงตอบอย่างไม่แยแส “ถ้ากลัวก็หันหลังกลับเท่านั้นเอง”

ชายหนุ่มพลันยิ้มมุมปาก ขณะเดียวกันก็ก้าวเท้าเดินตรงไปโดยไม่พูดอะไร

ในขณะที่เท้าพาเยี่ยฉวนมุ่งเข้าสู่ประตูที่มีแสงสว่าง พลันถนนเส้นทางสีทองกลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ประดุจสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น และตลอดทั้งจักรวาลดารากลับมาสงัดเงียบลงอีกครา

ครู่ต่อมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเงียบสงัดรอบตัว เยี่ยฉวนหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ขณะนั้นเองก็พบว่าตนกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเมืองแห่งหนึ่ง

เมืองนี้มีความใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งนัก!

กำแพงเมืองสูงตระหง่านคะเนความสูงไม่น้อยกว่าร้อยจั้ง เลยไปมีมังกรสองตัวทอดยาวเฝ้าหน้าประตู ด้วยความที่ใหญ่โตมโหฬารทำให้มีขนาดรูปร่างประหนึ่งใบมีดคมกริบส่งประกายวาววับเย็นยะเยือก มองเพียงแวบเดียวก็รู้สึกว่ามันชัดเจนแจ่มแจ้งเหมือนจริงนัก

เยี่ยฉวนเดินเข้าไปใกล้ร่างมังกรทั้งสอง ขณะจับตามองอย่างพินิจพิจารณา “เหมือนของจริง……”

จากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปหมายสัมผัส

ทันใดนั้นเสียงตวาดแหวดังขึ้นภายในหัว “อยากตายนักหรือไงจึงยื่นมือเข้าไปจับน่ะ!”

ชายหนุ่มหน้าเหยเกชักมือกลับทันที “หมายความว่าอย่างไร?”

เจียนจื่อไจ้เอ็ดเสียงเขียว “แหกตาดูสิ!”

เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยฉวนหันกลับไปมองร่างมังกรทั้งสองร่างอีกครั้ง พลันสีหน้าแปรเปลี่ยนสิ้นเชิงขณะเดียวกันก็ถอยกรูดด้วยเขาเห็นถนัดว่ามังกรตรงหน้านั้นเป็นของจริง!

มังกรมีชีวิต!

ชายหนุ่มยอมรับว่าตกใจไม่น้อยด้วยเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมังกรใหญ่ยักษ์เช่นนี้ ที่ผ่านมาเคยได้ยินแค่ว่าสัตว์อสูรจึงมีขนาดใหญ่โตเท่านั้น

เจียนจื่อไจ้เสียงดังขึ้นอีกว่า “เข้าไปสิ!”

เยี่ยฉวนเอ่ยตอบเสียงในหัว “มังกรสองตัวที่นอนเฝ้านั่น……”

สตรีบอกมาว่า “พวกมันกำลังหลับสนิท ตราบใดที่เจ้าไม่จู่โจมสุ่มสี่สุ่มห้า พวกมันจะไม่มีทางตื่นขึ้นมา”

คนฟังพยักหน้าพลางถามเสียงแผ่ว “รู้แล้ว นี่แม่นางเจียน ข้าสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง เทพจักรพรรดิเป็นใครกันแน่?”

อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ “แต่ก่อนเขาเป็นประมุขแห่งดินแดนจักรวาลดาวเถียนชี่ เป็นผู้สร้างอาณาจักรเทพจักรพรรดิ และเรียกตัวเองว่าเทพจักรพรรดิ มีพลังอำนาจมากมหาศาล”

เยี่ยฉวนเอ่ยถาม “เขาตายแล้วงั้นหรือ?”

เจียนจื่อไจ้ตอบ “ใช่ ถ้าเขาไม่ตายดินแดนจักรวาลดาวเถียนชี่จะหายสูญไปได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มอดถามไม่ได้ “ใครเป็นคนฆ่าเขา?”

เสียงอีกฝ่ายบอกว่ากำลังจะเหลืออด “ทำไมจึงพูดมากนักนะ?”

เยี่ยฉวนเสียงออด “ข้าแค่ถามเฉยๆ!”

สตรีตัดบทเสียทันที “ช่างเถอะไม่มีอะไร ไปได้แล้ว”

ชายหนุ่มจึงหุบปากเงียบ ไม่อยากซักถามอีกและเดินตรงเข้าไปในตัวเมือง ภายในขณะนั้นบรรยากาศเงียบเหงาปราศจากสิ่งมีชีวิตทั้งปวง!

วิเวกวังเวง!

เยี่ยฉวนเดินไปตามเส้นทางและสังเกตเห็นภาพวาดเรียงรายสองข้างทางที่เดินผ่าน ภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นชายวัยกลางคน ซึ่งจากเท่าที่ดูเค้าโครงใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ปรากฏนั้นหล่อเหลาเอาการ ด้วยท่าทีบ่งบอกถึงพลังอำนาจที่อยู่ภายใน

เขาหยุดที่ภาพหนึ่งขณะพึมพำกับตนเอง “นี่สินะเทพจักรพรรดิ!”

เสียงเจียนจื่อไจ้กล่าวว่า “เขาบรรลุพลังขั้นยอดอาณาจักร ตอนอายุได้เพียงสิบสามขวบ พออายุสิบหกก็สามารถฝึกเต๋าแห่งวิทยายุทธ์จนถึงขั้นเซียน และกลายเป็นความหมายที่แท้จริงของเต๋าแห่งวิทยายุทธ์ในเวลาต่อมา ตอนนั้นที่ดินแดนจักรวาลดาวเถียนชี่ในกระบวนคนรุ่นราวคราวเดียวกัน คนผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษไร้เทียมทาน นอกจากคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แม้แต่คนที่อายุมากกว่าก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้”

ฟังแล้วเยี่ยฉวนให้รู้สึกอดสูใจนักเปรียบไปก็ออกจะน่าทุเรศ! เขาบรรลุขั้นเทพเซียนกระบี่ตอนอายุสิบเก้าเทียบกับเทพจักรพรรดิคนนี้ ดูเหมือนของตนเองด้อยไปเลย!

เสียงของเจียนจื่อไจ้ขัดจังหวะขึ้นว่า “ไม่ต้องตกใจ คนที่มีความสามารถย่อมมีคนที่สามารถกว่าอยู่เบื้องหลังมากมาย เขาเป็นอัจฉริยะก็จริงทว่ามีอีกมากที่อัจฉริยะยิ่งกว่า”

เยี่ยฉวนพยักหน้าน้อยๆ เบื้องหลังคนที่มีความสามารถมีคนที่สามารถยิ่งกว่าเสมอ

ไม่มีอัจฉริยะที่สุดมีแต่อัจฉริยะยิ่งกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า

ชายหนุ่มเดินหน้าต่อไป ฉับพลันนั้นสีหน้าของคนแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันด้วยบริเวณพื้นที่ตรงหน้า จู่ๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังปณิธานกระบี่

พลังปณิธานกระบี่มากมายมหาศาล!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version