Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 80



HH

บทที่ 80 จัดการหรือไม่? (ปลาย)

พื้นที่กว้างใหญ่บริเวณสันเขาด้านหลังสถานศึกษาฉางหลาน มีอาคารที่ถูกทิ้งร้างหลายหลัง ขณะนั้นเองร่างของคนสองคนกำลังไล่ติดตามกันมาอย่างไม่ลดละ ทั้งคู่บุกตะลุยเข้าไปในป่าบนสันเขา

โม่อวิ๋นฉีวิ่งนำเบื้องหน้า ที่เท้าทั้งสองข้างของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วด้วยลมบ่าวิถี อิทธิฤทธิ์ของมันจะช่วยสร้างแรงผลักของลมส่งให้เท้าทั้งสองข้างลอยเหนือพื้นดินและเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลมพายุ ส่วนที่ตามติดมาด้านหลังติดๆ ก็คือเยี่ยฉวนซึ่งในมือกำกระบี่หลิงเซี่ยวไว้แน่น

ชายหนุ่มในเวลานี้อารมณ์เดือดดาลพุ่งถึงขีดสุด ทุกที่ที่เขาผ่านไปทั้งไม้ดอก ทั้งต้นไม้ต่างถูกตัดถูกฟันอย่างชนิดถอนรากถอนโคน

หลังจากที่วิ่งไล่กันจนผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม โม่อวิ๋นฉีจำต้องหันกลับมาต่อสู้กับเยี่ยฉวนอย่างไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตาม ด้วยทักษะวิชาเพลงกระบี่อันทรงอานุภาพของเยี่ยฉวนอย่าง ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เขาจึงต้องกลับหลังวิ่งหนีอีกครั้ง

เหตุเพราะอาวุธหนึ่งเดียวคือไม้เท้าเหล็กกลับถูกตัดขาดด้วยรัศมีกระบี่จากกระบี่หลิงเซี่ยวของเยี่ยฉวน!

ไม้เท้าเหล็กถูกทำลาย!

คู่ต่อสู้จึงเลิกต้าน!

โม่อวิ๋นฉีวิ่งหลบหนีลึกเข้าไปในป่า โดยมีเยี่ยฉวนไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด……

หนึ่งคนหนี หนึ่งคนตาม เป็นเช่นนี้ตั้งแต่กลางคืนจวบจนรุ่งสาง

รุ่งสางของวันใหม่ ในขณะที่โม่อวิ๋นฉีย้อนกลับมาที่ด้านหน้าหอประชุมสถานศึกษาฉางหลาน เขาพลันหยุดชะงัก เยี่ยฉวนที่ตามเข้ามาทางเบื้องหลังพลันทะยานเข้าหาอีกฝ่าย ทว่านั่นกลับเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เยี่ยหลิงซึ่งนั่งคอยอยู่ที่เชิงบันไดมาตลอดทั้งคืนวิ่งถลาเข้ามาหาพี่ชายของตนพร้อมโอบกอดไว้จนแน่น “ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ เขาทำร้ายท่านหรือไม่เจ้าคะ?”

ร่างของอีกคนหนึ่งที่นอนแผ่อยู่บนพื้นดิน หายใจหอบเหนื่อย โม่อวิ๋นฉีที่ได้ยินเข้าถึงกับพ่นลมหายใจพรืดด้วยความฉุนเฉียว “ข้า……ข้า……”

เยี่ยฉวนหันมองสำรวจน้องสาว ทว่ากลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงเอ่ยถามพร้อมลูบศีรษะอย่างปลอบโยน “เจ้าเป็นอย่างไร?”

น้องสาวส่ายหน้าดิก “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

เยี่ยฉวนเห็นเช่นนั้นพลันเหลือบตาไปทางชายอีกคนที่นอนแผ่อยู่กลางลาน เขารีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าสีตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “หยุดวิ่งไล่ข้าเสียที ข้าไม่ได้รังแกอะไรน้องสาวของเจ้าสักหน่อย ไม่เชื่อก็ลองถามนางเองสิ!”

พี่ชายละสายตาจากอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะก้มลงถามน้อง “เกิดอะไรขึ้น?”

เยี่ยหลิงได้แต่ก้มหน้าโดยปราศจากคำพูด

“เป็นอะไร?” เยี่ยฉวนถามคาดคั้นน้ำเสียงอ่อนโยน

เสียงอู้อี้พึมพำ “ข้าจำได้ ตอนที่อยู่บ้านตระกูลเยี่ย ในเวลาที่ท่านพี่ไม่อยู่ด้วย หรือครั้งที่ท่านพี่ได้หมั่นโถวมาแต่ไม่ยอมกินเองกลับนำมาให้ข้า ครั้งนั้นทำให้ท่านหิวจนแสบท้องเจียนตาย ข้า……”

เสียงขาดหายกลับมีหยาดน้ำใสไหลเปรอะเปื้อนแก้มทั้งสอง

ชายหนุ่มโอบศีรษะไว้เบาๆ “เด็กโง่! เรื่องมันผ่านแล้วก็ให้ผ่านเลยไป ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องเป็นทุกข์อีกแล้ว!”

น้องสาวกอดตอบพี่ชาย “ท่านพี่ก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ด้วยเหมือนกันนะเจ้าคะ ได้หรือไม่?”

เยี่ยฉวนยิ้มรับ “ได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราต้องพยายามทำให้ความเป็นอยู่สุขสบายขึ้น ตกลงไหม?”

เยี่ยหลิงเงยหน้ามอง ใบหน้าเผยรอยยิ้มทั้งน้ำตา “ตกลงเจ้าค่ะ”

ไม่นานให้หลัง เยี่ยหลิงก็ได้ผล็อยหลับภายในอ้อมกอดของพี่ชายอันเป็นที่รัก

หลังจากที่อุ้มน้องสาวเข้าที่นอนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินกลับออกมาบริเวณหอประชุม ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนม้านั่งที่มีโม่อวิ๋นฉีนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อหันไปก็เห็นชายหนุ่มที่มองมาด้วยสายตาเชือดเฉือน

เยี่ยฉวนฉวยภาชนะน้ำเต้าใส่เหล้าหมักและเหวี่ยงมาทางโม่อวิ๋นฉี “ข้าขอโทษ!”

ชายหนุ่มเหลือบตามอง เอื้อมมือคว้าขวดเหล้าก่อนยกขึ้นจิบครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงหันมาถามเยี่ยฉวน “ทักษะกระบี่ที่เจ้าใช้มีชื่อว่าอะไร?”

“หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!” เยี่ยฉวนตอบหน้าเฉย

โม่อวิ๋นฉีพยักหน้า “พลังกล้าแกร่งไม่น้อย แม้แต่ข้าก็ไม่อาจต้านทาน!”

ชายหนุ่มหันมามองหน้าคู่สนทนา “เจ้าใช้ลมบ่าวิถีอุดหนุนฝ่าเท้า นั่นคือศิลปะการต่อสู้หรือไม่?”

คู่สนทนาพยักหน้าน้อยๆ “นั่นคือวิชาหนึ่งลมขับล้านพายุ มันเป็นทักษะขั้นลึกลับระดับต้น”

เมื่อพูดจบ ผู้พูดพลันล้มตัวลงนอนเหยียดยาวที่ขั้นบันได “หากไม่ใช่เป็นเพราะวิทยายุทธ์นี่ ข้าเห็นทีคงตายด้วยกระบี่ของเจ้าเป็นแน่”

เห็นดังนั้นเยี่ยฉวนจึงล้มตัวลงบ้าง เขาใช้ฝ่ามือรองศีรษะ สายตาเหม่อมองท้องฟ้า “ข้าขอโทษแล้วกัน!”

ทว่าโม่อวิ๋นฉีกลับสั่นหน้า “ข้าโทษที่ตัวเองทำไม่ดี เห็นน้องสาวของเจ้านั่งร้องไห้ จึงนึกแกล้งนางด้วยการบอกว่าข้าทำร้ายเจ้า เท่านั้นละ นางก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นๆ ไปอีก……”

ชายหนุ่มนึกหาคำพูดไม่ออก “……”

ในตอนนั้น พลันสายตาของคนทั้งสองก็ได้ปะทะเข้ากับบุรุษผมสั้นเกรียนติดหนังศีรษะผู้หนึ่งที่กำลังเดินตรงเข้ามา

ชายรุ่นหนุ่มอายุราวสิบแปดสิบเก้า หัวเกรียนมีรูปร่างล่ำสันแข็งแรง เปรียบเทียบกันคนผู้นี้มีร่างกายใหญ่โตกว่าสักสองเท่า ท่อนบนเปลือยเปล่าเปิดเผยมัดกล้ามน่าเกรงขาม

ที่ลำคอล้อมรอบไว้ด้วยกระดูกซึ่งถูกร้อยเป็นพวง บางชิ้นยังมีโลหิตของผู้เป็นเจ้าของติดแห้งเกรอะอยู่ด้วยซ้ำไป!

โม่อวิ๋นฉีพูดเสียงกระซิบ “ข้าขอเดาว่านี่คือศิษย์อีกคน”

พูดจบเขาหันหน้ามามองเยี่ยฉวน “จัดการหรือไม่?”

เยี่ยฉวนหยุดคิดและหันมาตอบ “เชิญก่อน?”

โม่อวิ๋นฉียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “แน่อยู่แล้ว!”

กล่าวดังนั้นแล้ว เขาพลันยกเท้าขวาแตะพื้นส่งร่างลอยขึ้นสู่อากาศทันที พลังเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนี้ แม้แต่เยี่ยฉวนยังต้องอาย!

โดยไม่รอช้า โม่อวิ๋นฉีปราฏอยู่เบื้องหน้าชายหัวเกรียนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขากดปลายเท้าข้างขวาลงบนบ่าของบุรุษผู้มาใหม่

ซึ่งเขาผู้นั้นหาได้หลบหลีกไม่

เปรี้ยง!

เสียงจากแรงปะทะอื้ออึง โม่อวิ๋นฉีล่าถอยออกไปหลายจั้ง ขาข้างขวาสั่นระริกแต่ยังคงยืนปักหลักอย่างมั่นคง

ส่วนชายมาใหม่ก็ได้เขม็นมองด้วยสายตาปราศจากแววแห่งมิตร

โม่อวิ๋นฉีสีหน้าเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย เขาเหลือบตามองเยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล “พร้อมกัน!”

เยี่ยฉวนพุ่งตัวออกไปยืนขวางหน้าชายผู้มาใหม่ซึ่งตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ทันใดชายหนุ่มกลับกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือพร้อมกล่าวเสียงดัง “ยินดีต้อนรับสู่สถานศึกษาฉางหลาน!”

โม่อวิ๋นฉีหันมามองด้วยความประหลาดใจ “เจ้า……”

ชายผมเกรียนกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือ แสดงคารวะตอบ “ขอบใจ!”

หลังจากนั้นเขาจึงหันมองไปทางโม่อวิ๋นฉี ซึ่งรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มเกือบไม่ทัน “พวกเราเข้าใจผิด เข้าใจผิดจริงๆ……”

ทว่าชายหัวเกรียนไม่ฟัง เขากลับพุ่งตัวเข้าหาโม่อวิ๋นฉีอย่างรวดเร็ว เห็นเช่นนั้นด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงรีบหันหลังกลับออกวิ่งหลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว ปากร้องด่าทอเยี่ยฉวนให้ลั่น “เยี่ยฉวน ไอ้ลูกหมา เจ้าหักหลังข้า……!!”

— จบตอน —

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version