บทที่ 911 : ทำลายสำนักกระบี่! (ต้น)
ณ ที่นั้น เหยี่ยหลานมองชายหนุ่มตรงหน้าเนิ่นนาน
เยี่ยฉวนท่าทางใจเย็นและไม่ได้พูดอะไร
ครู่ต่อมาเหยี่ยหลานถามอีกฝ่ายราวกับจะย้ำ “เยี่ยฉวน เจ้าแน่ใจนะว่าจะวางมือจากสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น?”
ชายหนุ่มตอบพลางยิ้ม “แม้นว่าข้าไม่วางมือแต่จะให้ทำอย่างไร? ถ้าขืนเวลานี้ยังเก็บสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นไว้ ในที่สุดคงไม่รอดอยู่ดี……จริงไหม?”
เสียงเหยี่ยหลานบอกขรึมๆ “เจ้าก็ทราบสถานการณ์ของตัวเองดีอยู่นี่!”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงขรึมปานกัน “ข้าถึงอยากทำลายสำนักกระบี่ให้สิ้นซาก!”
หลังจากที่ต่างเงียบงันไปชั่วขณะ เหยี่ยหลานเอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเราร่วมมือกับเจ้าก็ได้!”
เมื่อชายหนุ่มทำท่าจะอ้าปากพูดนั้น คนตรงข้ามรีบเอ่ยทำนองดักคอทันที “แต่อย่าเล่นไม่ซื่อก็แล้วกัน!”
ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ “ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ไม่ทำข้าก่อน……ข้าจะไม่ทำเจ้าเช่นกัน!”
เหยี่ยหลานมองเยี่ยฉวนตรงๆ “เจ้าจะให้พวกเราร่วมมืออย่างไร?”
ฝ่ายตรงข้ามพยักหน้าไปทางนครอานุภาพ “พวกเราจะเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจม ทำให้พวกมันตกใจโดยไม่ทันระวังตัว”
อีกฝ่ายถามเสียงขรึม “คอยดูพวกมันฆ่ากันเอง……ไม่ดีกว่าหรือ?”
เยี่ยฉวนเหยียดยิ้ม “เจ้าเคยเห็นการต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าหรือไม่?”
คนถูกถามนิ้วหน้าเล็กน้อย
อีกฝ่ายบอกต่อมา “ในนครอานุภาพการต่อสู้ของศิษย์รุ่นใหม่ระหว่างสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์ด้วยเรื่องหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ส่วนยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าไม่เคยออกโรงเองเลย เจ้าคิดว่าพลังของพวกเขาสักแค่ไหน?”
เหยี่ยหลานจ้องคนพูดเขม็ง “พูดมาตามตรงได้แล้ว!”
น้ำเสียงของเยี่ยฉวนจริงจังนัก “ลองคิดสิว่า สำนักกระบี่ได้สมบัติล้ำค่าไปแล้ว เหตุใดพวกเขาถึงกล้าเปิดศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์?”
ผู้ฟังครุ่นคิดพลางหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย “เจ้าจะบอกว่าพวกมันมีจุดมุ่งหมายอื่นสินะ?”
“ถูกต้อง!”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเหยี่ยหลานขณะพูดว่า “ถ้าความคิดของข้าก็ถูกต้อง พวกมันกำลังจงใจเล่นละครเพื่อตบตาเจ้า!”
คนตรงข้ามหันไปทางนครอานุภาพขณะที่แก้วตาบีบแคบลงเล็กน้อย “พวกเขาต้องการโยกย้ายหรือพิชิตสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น!”
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบเสริมไปทันที “ถูกต้อง! สุดยอดสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นเป็นของวิเศษ แม้แต่คนอย่างหลี่เสวียนเฟิงยังไม่สามารถพิชิตได้ในเวลารวดเร็ว และเวลานั่นเองที่เป็นจุดอ่อนของพวกเขา เมื่อใดที่หลี่เสวียนเฟิงพิชิตสมบัติล้ำค่าได้ สำนักกระบี่กับสมบัติล้ำค่านั่นจะ… ข้าเป็นห่วงจริงๆ ว่ามันจะเกิดขึ้น!”
เมื่อฟังอีกฝ่ายแล้ว แววตาของเหยี่ยหลานแปรเปลี่ยนแข็งกร้าว ขณะนั้นราวกับฉุกคิดขึ้นบางอย่างได้จึงหันมามองเยี่ยฉวน “เจ้าไม่ได้พิชิตสมบัติล้ำค่าแล้วงั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนบิดมุมเผยรอยยิ้มแห้งแล้ง “เจ้าคิดว่าพลังของข้าสามารถพิชิตได้งั้นหรือ?”
ว่าแล้วเจ้าตัวเบือนหน้าพลางพยักไปทางที่ตั้งสำนักกระบี่ “นี่ อย่ามัวชักช้าจะไม่ทันการ เมื่อใดที่หลี่เสวียนเฟิงพิชิตสมบัติล้ำค่า……เขากลายเป็นอมตะแล้วพวกเราจะตายกันหมด!”
ขณะสายตากำลังจับจ้องไปทางนครอานุภาพดูเหมือนเหยี่ยหลานมีความลังเล
เขาไม่ไว้ใจเยี่ยฉวน!
……ยังระแวงคนที่อยู่ตรงข้ามไม่น้อย
ทันใดนั้นชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมก่อนหน้านั้นข้าถึงประสบความสำเร็จในการใช้ทักษะกาลสังหารกำจัดคนขั้นไขว่คว้าเต๋าได้?”
เหยี่ยหลานมองเยี่ยฉวนนิ่งอย่างใจจดใจจ่อ ฝ่ายหลังยิ้มน้อยๆ ขณะพูดว่า “เพราะสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น พลังจากสมบัติล้ำค่าทำให้ทักษะกาลสังหารของข้าทรงพลังจนสามารถฆ่าคนพลังขั้นไขว่คว้าเต๋า! และเมื่อใดที่หลี่เสวียนเฟิงพิชิตสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นสำเร็จ……เอ่ออย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย……ต่อให้เป็นผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวก็อาจตายด้วยกาลสังหารของเขาก็เป็นได้!”
คนนิ่งฟังเงียบเสียงลง
พลันยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าคนหนึ่งซึ่งยืนขนาบข้างใช้พลังชี่เร้นลับกล่าวกับเขาว่า “แม้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้น่าจะมีเจตนาแฝงบางอย่างก็จริง แต่สิ่งที่พูดเป็นความจริง อย่างไรก็ตามเราไม่ควรปล่อยให้หลี่เสวียนเฟิงพิชิตสมบัติล้ำค่าได้เด็ดขาด!”
เหยี่ยหลานพยักหน้าอย่างเห็นตาม จากนั้นมองไปทางชายหนุ่ม “ถ้าพวกเราเข้าขัดขวางคนเหล่านั้น……เจ้าจะทำอะไร?”
เยี่ยฉวนตอบน้ำเสียงจริงจัง “ข้าจะลอบเข้าตลบหลังโดยที่ไม่ให้มันรู้ตัว!”
ลอบตลบหลัง!
เมื่อได้ยินดังนั้น เหยี่ยหลานรู้สึกว่าเปลือกตากระตุกถี่ เขาประจักษ์ต่อสมรรถนะของเยี่ยฉวนมาเป็นอย่างดีโดยเฉพาะทักษะกระบี่บิน ถ้าชายหนุ่มต้องต่อสู้แบบปะทะกันซึ่งหน้ากระบี่บินอาจไม่น่ากลัวนัก ทว่าเมื่อใดที่ลอบจู่โจมและใช้ทักษะกระบี่บินเป็นบางครั้งบางคราวเพื่อตอบโต้ศัตรู……เมื่อนั้นจะสร้างความหวาดผวาให้แก่อีกฝ่ายอย่างมาก!
ขณะนั้นมีเสียงถามมาจากเยี่ยฉวน “ถ้าเช่นนั้นพวกเราลงมือกันได้หรือยัง?”
เหยี่ยหลานพยักหน้า “เจ้าคอยซุ่มหาจังหวะใช้หมัดเด็ดจู่โจมยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋า! โดยเฉพาะเจ้าหลี่เสวียนเฟิง ถ้าฆ่ามันได้ก็จัดการมันเสียเลย!”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย “เอาล่ะพวกเจ้า ข้าจะล่วงหน้าเข้าเมืองไปคอยอยู่ที่นั่น!”
จากนั้นเขาหายวับไปทันที
หลังจากที่เยี่ยฉวนลับกายไป คนขั้นไขว่คว้าเต๋าคนหนึ่งที่ยืนข้างๆ เหยี่ยหลานเอ่ยอย่างระมัดระวัง “พวกเราอย่าได้วางใจคนคนนี้เป็นอันขาด!”
เหยี่ยหลานพยักหน้า “ถ้าเขาทำเพื่อต้องการจะแก้แค้นและไม่ต้องการสุดยอดสมบัติล้ำค่าอย่างที่บอกจริง ถึงเวลานั้นเราไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน แต่ถ้าเขามาเพราะมีจุดประสงค์อย่างอื่น……”
ว่าแล้ว แววตาเย็นชาแฝงด้วยความอาฆาตมาดร้ายฉายวาบ “ข้าหวังว่ามันจะฉลาดพอและไม่คิดทำอะไรโง่ๆ! เอาล่ะ ไปกัน!”
จากนั้นคนทั้งกลุ่มหายไปหมดสิ้นในเวลาไม่นาน
ณ สำนักกระบี่ ในนครอานุภาพ
ภายในหอโถง หลี่เสวียนเฟิงนั่งเงียบๆ เบื้องหน้ามีกระบี่วางอยู่เล่มหนึ่ง!
ต่อมาชายชราสวมชุดดำปรากฏตัวขึ้นที่ในหอโถงแห่งนั้น
หลี่เสวียนเฟิงลืมตาขึ้นทันที “เจอมันไหม?”
คนสวมดำสั่นศีรษะ “เจ้าสำนัก ไร้วี่แววขอรับราวกับเจ้าหนุ่มนั่นจะสูญสลายไปจากโลกนี้แล้ว……”
“ไอ้พวกปัญญาอ่อน!”
หลี่เสวียนเฟิงตวาดลั่นสีหน้าโกรธจัด “สำนักกระบี่ตามหาคนทั้งคนไม่เจอได้อย่างไร!”
ชายสวมชุดดำก้มหน้างุด นิ่งเงียบไม่กล้าออกปากอีก
คนเจ้าสำนักผุดลุกขึ้น เดินไปที่ประตูหอโถง ใบหน้ากว่าครึ่งถูกคลุมไว้อย่างมิดชิด “เยี่ยฉวน!”
เวลานี้เขาไม่มีใจนึกถึงสมบัติล้ำค่าใดๆ อีกแล้ว คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะสังหารเยี่ยฉวนอย่างไร!
ภายหลังจากร่างกายถูกทำลายไปกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ถ้าฟื้นสภาพทางกายกลับมาไม่ได้ การฝึกฝนบ่มเพาะพลังชี่จะไม่รุดหน้าต่อไปอีกเลยจนชั่วชีวิต!
เสียงหลี่เสวียนเฟิงบงการว่า “ตามหาต่อไป พวกเราต้องหามันให้พบ!”
คนสวมดำผงกศีรษะแล้วรีบกลับออกไปทันที
