Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 914


บทที่ 914 : สังหารยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋า! (ปลาย)

ครานี้ทั้งเหยี่ยหลานและคนอื่นไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง ดังนั้นจึงออกไปจากสถานที่

เหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขากล้าบุกข้ามาจู่โจมสำนักกระบี่……เป็นเพราะคิดว่าตนมีผู้อาวุโสเยว่อยู่ทั้งคน ด้วยสำนักกระบี่มีเทพกระบี่ หากจัดการเทพกระบี่ไม่ได้และขืนยังมาอีก……มีแต่ตายกับตาย!

ทันทีที่หลี่เสวียนเฟิงมองเห็นเหยี่ยหลานและพวกทำท่าจะออกไปจริงๆ จึงตวาดเสียงดังอย่างโกรธเคือง “พวกเจ้าคิดจะหนีงั้นหรือ? ไป……ตามมันไป!”

ทางด้านหลัง บรรดายอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าแห่งสำนักกระบี่เตรียมตั้งท่าจะไล่ติดตามเหยี่ยหลานและพวกไปทันที ทันใดนั้น เสียงเฉียบขาดของหมู่เฟิงเฉินดังขึ้นว่า “ไม่ต้อง!! กลับมา!”

เมื่อได้ยินประกาศิตของหมู่เฟิงเฉิน พลันกลุ่มคนขั้นไขว่คว้าเต๋าต่างชะงักฝีเท้าพากันหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม

หลี่เสวียนเฟิงมองหมู่เฟิงเฉินด้วยแววตาฉงนใจยิ่ง “อาจารย์!”

ขณะเดียวกันหมู่เฟิงเฉินมองคนที่ยืนอยู่พลางส่ายศีรษะไปมา “ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก!”

อีกฝ่ายกลับแสดงสีหน้าเรียบเฉยตอบกลับ “อาจารย์ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

หมู่เฟิงเฉินพึมพำเสียงแผ่ว “เป็นถึงผู้นำของสำนัก เจ้ากลับแสดงปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้น! ตอบมาสิว่า……สำนักกระบี่ทำศึกกับสถาบันฝึกยุทธ์แล้วได้อะไรขึ้นมา?”

หลี่เสวียนเฟิงตอบเสียงเคร่ง “เยี่ยหลิงอยู่ที่สถาบันฝึกยุทธ์……”

คนถามสวนกลับโดยไม่ฟังอีกฝ่ายจบประโยค “เยี่ยฉวนเป็นศัตรูของเราทว่าเจ้ากลับจะตามหาคนน้อง? คนอื่นจะคิดว่าสำนักกระบี่เป็นอย่างไร? คนอื่นจะคิดว่าพวกเราไร้ความสามารถ!”

ทันใดนั้นคนพูดเหลือบมองไปยังหลี่เสวียนเฟิงทันที “เจ้าคิดว่าตัวเองไร้ความสามารถสินะ?”

คำพูดที่ได้ยินได้ฟัง ส่งให้หลี่เสวียนเฟิงสีหน้าเผือดซีดอีกทั้งรู้สึกละอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

หมู่เฟิงเฉินสั่นศีรษะอย่างระอา “แม้ว่าสำนักกระบี่ปรารถนาที่จะออกสู่โลกภายนอกแค่ไหน หรือมีชื่อเสียงขจรขจายทั่วโลก แต่เกียรติยศศักดิ์ศรีก็สำคัญเช่นกัน ถ้าผู้ฝึกฝนกระบี่คิดได้เพียงว่าจะจับตัวน้องของศัตรูเพื่อบีบบังคับอีกฝ่ายให้ยอมจำนน……แทนที่จะเอาชนะด้วยฝีมือกระบี่ปราบอีกฝ่าย คนผู้นั้นสมควรได้ชื่อว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่งั้นหรือ? ไม่เลย คนอย่างนั้นไม่สมควรเรียกว่าผู้ฝึกกระบี่ ยิ่งไปกว่านั้น……ไม่เพียงไร้ความสามารถ ทว่ายังเป็นคนที่น่าละอายสิ้นดี”

ยามนี้คนฟังใบหน้าซีดเซียวและเกิดความอับอายจนสุดที่จะกล่าว

เสียงพูดของหมู่เฟิงเฉินกล่าวต่อมา “ตอนนี้เจ้าปล่อยให้อารมณ์โกรธครอบงำความมีเหตุผลจนสิ้น และไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าสำนักกระบี่อีกต่อไป นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะเข้ามาทำหน้าที่เจ้าสำนักกระบี่เป็นการชั่วคราว”

ใบหน้าของหลี่เสวียนเฟิงซีดขาวราวกระดาษ “อาจารย์……”

หมู่เฟิงเฉินพูดกับอีกฝ่ายว่า “กลับไปเสียแล้วลองทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง”

หลังจากนิ่งเงียบด้วยกล่าวอะไรไม่ออกอยู่เป็นครู่ หลี่เสวียนเฟิงจำต้องหันกลับจากไป

ขณะที่หมู่เฟิงเฉินมองไปรอบข้างพลางส่ายหน้า

พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเหยี่ยหลานจะยกพวกมาจู่โจมสำนักกระบี่ทันทีอย่างนี้!

หลายปีมานี้สำนักกระบี่เคยมีแต่ความสงบสุข! ไม่มีกองกำลังแห่งใดกระทำจู่โจมโดยเปิดเผยมาก่อน!

นั่นเองที่เป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่!

ทำให้ผู้ฝึกกระบี่พลังขั้นไขว่คว้าเต๋าต้องถูกสังหาร!

นับเป็นความสูญเสียที่ส่งผลกระทบต่อสำนักกระบี่อย่างใหญ่หลวง!

หมู่เฟิงเฉินเอ่ยเสียงกร้าว “ประกาศคำสั่งของข้า เรียกศิษย์ทุกคนที่อยู่ในเมืองกลับสำนักให้หมดและสั่งให้ยุติการปะทะกับสถาบันฝึกยุทธ์ทันที”

คนที่อยู่ข้างหลัง ผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าคนหนึ่งค่อยถอยออกไปเงียบๆ

เสียงคนสั่งการย้ำมาอีกว่า “ระวังเยี่ยฉวนให้ดี!”

ผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าอีกคนเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านเจ้าสำนัก เยี่ยฉวน… ถ้าเขายังซุ่มจู่โจม พวกเราจะ…”

หมู่เฟิงเฉินจึงว่า “ข้าจะหาวิธีบีบให้เขาเปิดเผยตัวให้ได้ พวกเจ้าคอยอยู่ในสำนัก ถ้าข้าอยู่แถวนี้เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าออกมาปรากฏตัวแน่!”

จากนั้น คนพูดหายวับไปอย่างเงียบเชียบ

ณ สถานที่นั้น ผู้ฝึกกระบี่หลายคนหันมองหน้ากันไปมา แววตาแฝงรอยอับจนหนทางอย่างเด่นชัด

ทุกคนไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นยุ่งยากซับซ้อนเสียแล้ว!

สูญเสียมากมายอะไรเช่นนี้!

ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง หลี่เสวียนเฟิงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ที่เบื้องหน้ามีกระบี่วางอยู่เล่มหนึ่ง! หลังกระบี่เป็นรูปปั้นอนุสาวรีย์

รูปปั้นนั้นคือผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่!

ขณะนั้น หมู่เฟิงเฉินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหลี่เสวียนเฟิง

จากนั้น กล่าวกับอีกฝ่ายว่า “เวลานี้ศัตรูของสำนักกระบี่ปรากฏอยู่รอบข้าง ไม่เพียงเท่านั้น เราไม่ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่า……ทว่าทุกคนคิดว่าสิ่งนั้นอยู่กับสำนักกระบี่เรา ต่อไปคนพวกนี้จะมุ่งมาอย่างเอาเป็นเอาตาย!”

หลี่เสวียนเฟิงลืมตาขึ้นทันควัน “ทั้งหมดเป็นความผิดข้าเอง!”

หมู่เฟิงเฉินกล่าวเบาๆ “แต่เดิมสำนักกระบี่อยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม เพราะความโลภโมโทสันของเจ้าแท้ๆ สำนักกระบี่จึงตกที่นั่งเสียเปรียบไปเสียทุกด้าน”

คนที่นั่งบนพื้นสั่นหน้า “ข้าไม่คิดเลยว่าสมบัติล้ำค่าจะหนีไปได้!”

หมู่เฟิงเฉินมองคนพูดแน่วนิ่ง “ตอนที่ได้สมบัติล้ำค่ามา เจ้าไม่รีบนำมาให้ข้าทันที ทว่ากลับอยากพิชิตมันด้วยตัวเอง ถึงกระนั้น ก็พลาดตรงที่ประมาทพลังของสิ่งนั้นเกินไป”

หลี่เสวียนเฟิงเงียบเสียง

ตั้งใจฟังหมู่เฟิงเฉินกล่าวต่อมา “สาเหตุเป็นเพราะเจ้ามีความโลภ ตอนนี้จึงได้รับบทเรียนอย่างสาสม”

คนตรงหน้าเงยมองหมู่เฟิงเฉิน “เราจะจัดการกับเยี่ยฉวนอย่างไรขอรับ?”

ฝ่ายที่ถูกถามบอกว่า “ข้าจะลองหาวิธีจัดการกับเจ้านั่น เจ้าเข้าฌานสมาธิอยู่ที่นี่และเมื่อสำนึกตัวแล้วจริงๆ จึงค่อยกลับไป!”

หลังจากนั้นครู่หนึ่งหมู่เฟิงเฉินหมุนตัวแล้วหายลับไป

บริเวณนั้น คงมีเพียงหลี่เสวียนเฟิงนั่งนิ่งคอตกอยู่เพียงลำพัง ในที่สุดเขาค่อยเบือนหน้ามองไปทางอนุสาวรีย์รูปปั้นทางเบื้องหน้า

รูปปั้นของหนุ่มน้อยที่เอวเหน็บด้วยกระบี่เล่มหนึ่ง

ชั่วครู่ต่อมาหลี่เสวียนเฟิงขยับเข้าไปใกล้รูปปั้น แววตาที่จ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสาดประกายเย็นชายิ่ง “เมื่อก่อนท่านออกกฎว่าคนของสำนักกระบี่จะออกนอกอาณาเขตนครอานุภาพไม่ได้……ท่านรู้ไหมว่าสำนักกระบี่มีโอกาสตั้งมากมายที่จะได้ครองโลกทั้งใบ? ทว่าเป็นเพราะกฎห่าเหวอะไรนั่น คนสำนักกระบี่จึงมุดหัวอยู่แต่ในเมืองนี้!”

เมื่อคำพูดหลุดออกไปแล้ว สีหน้าของเจ้าตัวพลันเปลี่ยนเป็นถมึงทึง “ในโลกนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะเป็นที่เคารพศรัทธา ทว่าเจ้าเป็นคนตั้งกฎเกณฑ์ห่าเหว……เป็นคนบาปที่ก่อกรรมทำเข็ญกับสำนักกระบี่!”

ว่าแล้วตวัดกระบี่ที่ถือในมือฟาดออกไป

หึ่มมม!

รูปปั้นที่ตั้งอยู่ตรงหน้าขาดออกเป็นสองท่อน และหล่นลงกระแทกพื้นแตกกระจัดกระจาย!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version