Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 926


บทที่ 926 : ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือ?

เมื่อชายหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้น ไม่ใช่เพียงท้องฟ้าเท่านั้นที่ย้อมสีแดงฉาน ทว่าความกระหายเลือดยังกระจายไปทั่วสารทิศ ความกระหายเลือดนี้ครอบคลุมสติของทุกคนและค่อยๆ ย้อมให้ดวงตาเป็นสีแดง!

ฆ่าทิ้ง!

ยามนี้ ทุกคนต่างถูกความกระหายเลือดกลืนกิน!

แม้แต่ผู้ยอดฝีมืออย่างหมู่เฟิงเฉินยังไม่สามารถหักห้ามใจได้!

ทุกคนกำลังจะถูกครอบงำโดยสมบูรณ์ ชายในชุดสีฟ้าพลันปิดตาลง

ตอนนั้นเอง ความกระหายเลือดทั่วอาณาบริเวณเลือนหายไปราวคลื่น ท้องฟ้าและกลับเป็นปกติอีกครั้ง

ทุกคนต่างหันไปมองชายหนุ่มคนนั้น

เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ทว่ายามนี้สายตาเขาเป็นปกติแล้ว

ชายหนุ่มมองไปยังสถาบันฝึกยุทธ์ และสายตาหยุดอยู่ที่ผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์

เขายิ้มแล้วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อเผชิญหน้ากับนาง

ตอนนั้นเอง หมู่เฟิงเฉินและคนอื่นรีบโค้งคำนับ “ยินดีที่ได้พบขอรับ ท่านผู้ก่อตั้ง!”

ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าเหลือบมองสำนักกระบี่แล้วผงกหัวให้ จากนั้น หันไปมองหญิงสาวพร้อมอ้าปากจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าอีกฝ่ายกลับกล่าวเสียงต่ำออกมาเสียก่อน “ดูเหมือนว่าสำนักกระบี่เจ้าจะทำลายสถาบันฝึกยุทธ์ของข้าอยู่นะ!”

ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ชะงักไปเล็กน้อย เขาหันไปมองสำรวจรอบด้าน สักพักหน้าตึงขึ้นมา “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ไม่ไกลนัก สีหน้าของหมู่เฟิงเฉินเปลี่ยนไป เขาก้าวเท้าไปหาชายชุดสีฟ้าก่อนจะโค้งคำนับทันที “ท่านผู้ก่อตั้ง ไม่ใช่ว่าสำนักกระบี่จะทำลายสถาบันฝึกยุทธ์ นะขอรับ แต่สถาบันฝึกยุทธ์ ร่วมมือกับคนอื่นแล้วใส่ร้ายสำนักกระบี่ต่างหาก พวกเขาเข่นฆ่าผู้ฝึกกระบี่ไปมากมายเหลือเกิน”

ชายในชุดฟ้าพินิจมองอีกฝ่ายแล้วตอบ “เจ้าโกหกอยู่นี่!”

หมู่เฟิงเฉินหน้าซีดเผือด กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่กลับหันไปยังทิศทางของสำนักกระบี่ เขาปรือตาลง และแสงสีขาวพุ่งทะลุหว่างคิ้วของหมู่เฟิงเฉินไป!

ชายชรานิ่งไปราวกับถูกตรึงกับที่!

ทั่วบริเวณ ทุกคนในสำนักกระบี่กลับตื่นตกใจยิ่ง!

ไม่นานนัก ชายในชุดสีฟ้าเปิดตาขึ้นมา คราวนี้เขาทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว

อีกฝ่ายหันไปก้มมองที่ที่เยี่ยฉวนอยู่

เมื่อเห็นว่ากำลังโดนมอง เยี่ยฉวนถึงกับลนลานและแอบกรีดร้องอยู่ในใจ

ผ่านไปสักพัก สีหน้าของเขาอ่อนลงแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มานี่สิ!”

ชายหนุ่มลังเลแต่ยอมเดินไปหาแต่โดยดี ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ยิ้ม “เจ้ายังคิดมากอยู่หรือไร”

เยี่ยฉวนถึงกับงงไป “เกี่ยวกับอะไรหรือขอรับ”

ชายในชุดฟ้ากำลังจะเอ่ยต่อแต่กลับหยุดปากเสียก่อน ไม่นานนัก เขาแบมือออกมา กระบี่เล่มหนึ่งพลันบินออกมาจากยอดหอคอยแห่งเรือนจำ และถูกวางไว้บนมือของชายหนุ่มทันที!

กระบี่บนยอดหอคอยแห่งเรือนจำ!

สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไป ชายคนนี้มีบางอย่างข้องเกี่ยวกับกระบี่บนยอดหอคอยจริงๆ เสียด้วย!

ชายในชุดฟ้ามองกระบี่ในมือแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันนานนัก!”

กระบี่เล่มนั้นสั่นไหว และเสียงคร่ำครวญของมันสั่นไหวไปถึงท้องนภา!

ชายคนนั้นเอ่ยต่อ “คงลำบากเจ้าอีกสักพักเลยทีเดียวเชียว!”

มันสั่นระริกราวกับตอบรับกับบางสิ่ง

ตอนนั้นเอง กระบี่โลหิตพลันเหินมาหาชายชุดสีฟ้า เมื่อเขาเห็นกระบี่เล่มนั้น นัยน์ตาฉาบไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้านี่เอง…”

เมื่อเอ่ยจบเขายื่นปลายนิ้วไปแตะมัน

กระบี่โลหิตสั่นระริก

ไม่นานนัก เสียงหนึ่งดังออกมา “ไม่คิดเลยขอรับว่าจะได้เจอท่านแบบนี้!”

ชายในชุดฟ้ายิ้มออกมา “ข้าเองก็เช่นกัน หลายปีมานี้เป็นอย่างไรบ้าง”

กระบี่โลหิตตอบ “ไม่ค่อยดีเท่าไรเลยขอรับ! ข้าพบผู้หญิงที่มาผนึกสติเอาไว้ หากไม่ได้พบท่าน เกรงว่าคงไม่ได้สติกลับคืนมาเลยทั้งชีวิตนี้!”

เขาถามต่อ “ใครทำหรือ”

กระบี่โลหิตตอบ “ยัยผู้หญิงนั่น… เป็นความผิดข้าเองขอรับ ที่อวดดีเกินไป… เลยพบจุดจบเช่นนี้!”

ผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์ ยิ้ม “ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนักนี่!”

กระบี่โลหิตตอบ “ไม่ได้แย่เท่าไรจริงขอรับ ข้าตระหนักคิดหลายอย่างเลยระหว่างถูกผนึกเอาไว้”

ชายในชุดฟ้าถามยิ้มๆ “แผนเจ้าล่ะ?”

กระบี่โลหิตนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ข้าอยากท่องโลกอีกครั้งขอรับ!”

ชายชุดฟ้าพยักหน้าหงึกหงัก “เช่นนั้นไว้เจอกันใหม่!”

กระบี่โลหิตตอบกลับ “ไว้เจอกันขอรับ!”

มันเอ่ยจบ จากนั้นกลายเป็นแสงกระบี่ แล้วบินหายไปสุดขอบฟ้า

หลังจากกระบี่โลหิตหายไป ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่มองเยี่ยฉวนอีกครั้ง ผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์……ซึ่งอยู่ไม่ไกลกวาดตามองเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนซึ่งหาได้ยากยิ่ง

เยี่ยฉวนซึ่งสัมผัสถึงความรู้สึกสับสนถึงสายตาพวกนั้น

ตอนนี้บรรยากาศเริ่มอิหลักอิเหลื่อเกินไปหน่อยแล้ว!

พวกเขานึกว่า……หากผู้ก่อตั้งทั้งสองออกมาจะต้องห้ำหั่นกันแน่นอน ทว่ากลับไม่มีใครคิดเลยว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้

ยามนี้ผู้ทรงพลังแห่งสำนักกระบี่ต่างอับจนหนทางกันหมด

ชายในชุดฟ้าเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่ม เขาแบมืออีกครั้ง ไม่นานนัก กระบี่ในฝักพลันปรากฏอยู่ในมือ!

กระบี่ที่เยี่ยฉวนไม่สามารถดึงออกได้!

เขาก้มมองกระบี่ในมือ นัยน์ตาเจือความประหลาดใจเอาไว้ “เจ้านี่เอง…”

กระบี่เล่มนั้นสั่นไหวรุนแรงในมือของชายหนุ่ม

ชายในชุดสีฟ้าไม่เอ่ยคำใด เขาเก็บมันกลับไปยังหอคอยแห่งเรือนจำในตัวเยี่ยฉวน ชายหนุ่มจึงรีบฉวยโอกาสถาม “ท่านผู้อาวุโส กระบี่นี้คืออะไรหรือขอรับ”

ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ยิ้มออกมา “เป็นของสหายข้าน่ะ! กระบี่เล่มนี้ออกจะเกินตัวเจ้าไปสักหน่อย อย่าปลดผนึกมันเชียว เอาไว้ให้มีฝีมือพอแล้วค่อยทำแล้วกัน…”

ทันใดนั้น ชายชุดดำข้างกายหมู่เฟิงเฉินซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนักพลันแทรกขึ้นมา “พวกเราไม่ได้มาฟังเจ้าพล่ามสักหน่อย ข้ามา…”

ชายในชุดสีฟ้าหันไปมองผู้พูด พร้อมกันนั้น หัวของเขาลอยหลุดออกไปทันที

ทุกคนในที่นั้นต่างตื่นตกใจ!

สังหารชั่วพริบตา!

หมู่เฟิงเฉินเหงื่อแตกพลั่ก

ชายชุดดำคนนั้นฝีมือพอกันกับเขาแท้ๆ!

ทว่าโดนสังหารชั่วพริบตาง่ายๆ แค่นี้เลยหรือ?

ชายในชุดฟ้ากระซิบ “ตอนนี้ฟังข้าพล่ามไม่ได้แล้วล่ะ ต่อให้เจ้าอยากก็เถอะ”

เขากวาดตามองชายชุดดำคนอื่น “มีใครไม่อยากฟังข้าพูดต่อหรือไม่”

คนที่เหลือไม่หาญกล้าเอ่ยคำใด พวกเขาต่างหมุนตัวจากไปเงียบๆ

ชายในชุดฟ้าพลันเอ่ยขึ้นอีก “ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือ?”

ทั้งหมดชะงักฝีเท้า หนึ่งในนั้นหันไปมองผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ “นายท่าน พวกเรา…”

ยังไม่ทันเอ่ยจบ หัวของชายชุดดำทั้งหมดนอกเหนือจากคนพูดต่างหลุดออกจากบ่าทันที!

ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก

ชายชุดฟ้ามองเขา “เจ้าจะเอ่ยสิ่งใดหรือ ข้าพร้อมรับฟังเสมอ!”

ผ่านไปสักพัก ชายในชุดดำเอ่ยขึ้นมา “ท่านทำตัวไม่ต่างกับนักเลงหัวไม้ไล่รังแกคนอ่อนแอเลยขอรับ!”

ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ชี้ไปทางเยี่ยฉวนแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ได้รังแกเขาเช่นนี้หรอกหรือ”

ผ่านไปสักพัก ชายในชุดดำเอ่ยถาม “ท่านคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากนักหรือ”

ชายในชุดฟ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นสินะ… ข้าควรตอบคำถามนี้อย่างไรดี”

ชายในชุดดำยิ้มร้าย “พลังที่หนุนพวกเราไว้นั้นสุดยอดกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้เสียอีก และเกรงว่าอาจจะจินตนาการไม่ถึงจนวันตาย!”

เขาเอ่ยจบก็ถลาไปหาชายชุดสีฟ้าทันที!

ทว่าเพียงแค่ก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว หัวของเขาหลุดออกจากบ่าเสียแล้ว

สายเลือดหลั่งไหลออกมาจากคอราวกับน้ำพุ!

ทุกคนต่างเผยสีหน้าหวาดกลัวทั่วอาณาบริเวณ!

ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่จะทรงพลังเกินไปแล้ว!

ชายในชุดฟ้าหันไปมองเยี่ยฉวนแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ความจริงแล้ว ข้าอิจฉาเจ้านัก!”

ชายคนนี้อิจฉาเขาเช่นนั้นหรือ?

เยี่ยฉวนงุนงงยิ่ง “ทำไมหรือขอรับ”

ชายชุดฟ้าหัวเราะร่า “สมัยก่อนน่ะข้าดูไม่ได้เลยทีเดียว”

ชายหนุ่มงงเข้าไปใหญ่ เมื่อกำลังจะเอ่ยถาม ชายผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่หันไปมองเยี่ยหลิง ซึ่งปรากฏตัวข้างเยี่ยฉวนด้วยสายตาอ่อนโยน เขาประกบนิ้วเข้าหากันแล้วชี้ไปอย่างอ่อนโยน คลื่นพลังลำแสงแห่งกระบี่ทะลุเข้าไปในหว่างคิ้วของเยี่ยหลิงทันที!

เยี่ยหลิงสั่นไปเล็กน้อย ไม่นานนัก ปราณถูกปัดเป่าออกนอกกายนาง!

ชายในชุดฟ้าเอ่ยเสียงนุ่ม “ข้าจัดการปลดผนึกในร่างกายนางแล้ว และจะไม่ถูกสิ่งใดรั้งเอาไว้อีก! ปกป้องนางซะ!”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “ขอรับ!”

ชายชุดสีฟ้าพยักหน้าพอใจ ราวกับขบคิดบางสิ่ง เขามองไปยังใบหน้าของเยี่ยฉวนอีกครั้ง “ไม่ใช่ความผิดเขาที่เจ้าโดนขังเช่นนี้ หากไม่พอใจ จะลากเจ้าของหอคอยคนแรกมาเกี่ยวข้องก็ย่อมได้ หรือจะเอาข้าไปข้องเกี่ยวก็ได้เช่นกัน”

เงียบไปสักพัก เสียงของชายชั้นหกกล่าวออกมา “ข้ากับเขา……เราเข้าได้ดีอยู่นะขอรับ!”

ชายในชุดสีฟ้ามองเยี่ยฉวน ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ “เขาช่วยข้าไว้มากเลยขอรับ!”

ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่พยักหน้าเล็กน้อย “ดีมาก!”

ชายในชุดสีฟ้ามองไปยังผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์ นางผงกหัวเล็กน้อยแล้วมองไปยังอันหลานซิ่ว ยามนี้อันหลานซิ่วยังเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์อยู่

ผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์ รุดไปสำรวจอันหลานซิ่วแล้วพึมพำ “พวกเจ้าทำข้าประหลาดใจนัก!”

ชายในชุดฟ้ายิ้ม “ข้าเองก็เช่นกัน!”

ผู้ก่อตั้งสาวพยักหน้าพึงใจ “มารอจนนางเลื่อนขั้นพลังเสร็จกันดีกว่า!”

ชายชุดสีฟ้าพยักหน้า “เช่นนั้นข้าขอไปจัดการอะไรเสียก่อน!”

แล้วเขาหันไปมองชายชราสวมลินินกับคนอื่นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก คนในสำนักกระบี่ทุกคนรีบโค้งหัวให้ทันที!

ชายในชุดสีฟ้าเอ่ยเสียงนุ่ม “ข้าเคยบอกให้สำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์ อยู่เป็นมิตรไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย เจ้าจำมันได้ใช่ไหม”

หมู่เฟิงเฉินและหลีเสวียนเฟิงต่างเหงื่อแตกพลั่ก

ผู้ก่อตั้งหนุ่มมองหลีเสวียนเฟิง “วันนั้นเจ้าเอ่ยว่า……ข้าเป็นตัวการที่ทำให้สำนักกระบี่ต้องทนทุกข์ใช่หรือไม่”

หลีเสวียนเฟิงหน้าซีดเผือดโดยพลัน

ชายในชุดฟ้าส่ายหัวหน่ายใจ “ข้ารึอุตส่าห์ทิ้งอวตารไว้ที่นี่เพื่อช่วยสำนักกระบี่ให้ผ่านภัยพิบัติแห่งโลกห้ามิติแท้ๆ ไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าจะเอามาใช้กับเรื่องเช่นนี้ น่าปลื้มใจนัก”

หมู่เฟิงเฉินโค้งหัวโดยพลัน “ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยขอรับ!”

ชายหนุ่มโบกมือปัด “ช่างมันเถอะ!”

แล้วเขาหันไปมองเยี่ยฉวน “สนใจอยากถามอะไรไหม”

เยี่ยฉวนถามเสียงเข้ม “ทำไมหอคอยนี่ถึงมาอยู่กับข้าหรือขอรับ”

ผู้ก่อตั้งหนุ่มตอบ “มีเหตุผลมากมายนัก แต่สาเหตุหลักมาจากเจ้านั่นแหละ!”

เยี่ยฉวนหน้าตึงไปเล็กน้อยด้วยความสับสน

ชายในชุดฟ้าเอ่ยต่อ “ข้ากับนางนึกว่าเจ้าเป็นคนที่เรานึกว่าเป็น แต่เข้าใจผิดเอง บอกไปก็ออกจะไร้ประโยชน์เสียมากกว่า เอาเป็นว่าเมื่อขึ้นไปถึงชั้นเก้าได้……จะเข้าใจทุกอย่างเอง”

เยี่ยฉวนนิ่งไปเล็กน้อยแล้วถามต่อ “หอคอยนี้จะพาไปยังโลกห้ามิติหรือขอรับ?”

ชายชุดฟ้าพยักหน้า “ใช่แล้ว!”

เยี่ยฉวนถามอีก “แล้วท่านเคยไปเยือนโลกห้ามิติหรือไม่ขอรับ”

อีกฝ่ายส่ายหัว

ชายหนุ่มงงมากกว่าเดิม “เพราะเหตุใดหรือขอรับ”

ผู้ก่อตั้งหนุ่มถามเสียงนุ่ม “แล้วรู้หรือไม่ว่าทำไมเจ้าหอคอยนี่ถึงมาอยู่จักรวาลนี้ได้?”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า

ชายชุดสีฟ้ามองไปยังสุดขอบฟ้า “มันหนีมาน่ะสิ!”

เยี่ยฉวนถึงกับพูดไม่ออก

ชายในชุดสีฟ้าเอ่ยต่อเสียงนุ่ม “ใครบางคนกำลังเล่นเกมใหญ่โดยใช้สิ่งมีชีวิตเป็นหมากอยู่อย่างไรเล่า!”

เขาเอ่ยพลางยิ้มเหยียดเย้ยหยัน “แม้แต่พวกเราสามคนยังเป็นหมากของมันเลย!”

เยี่ยฉวนถาม “คนคนนั้นคือใครหรือขอรับ”

ผู้ก่อตั้งหนุ่มมองเยี่ยฉวน “ข้าไม่รู้เหมือนกัน หากรู้คงวิ่งไปฆ่ามันแล้ว!”

เยี่ยฉวนถึงกับอับจนคำพูด

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version