Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 135

ตอนที่ 135 ผู้กล้าสายบู๊ย่อมมีช่วงเวลาสังหารผู้คน

พอวิ่งหนีกันเช่นนี้ ทุกอย่างก็ไม่ต้องกล่าวให้มากความ พวกหวังทงใช้ขากระแทกสีข้างม้าก่อนตะโกนเสียงดังให้บุก

แม้ว่าบ้านเรือนสี่ห้าหลังนี้จะตั้งห่างจากวัดฮุ่นหยวนไม่ไกลนัก แต่มาตั้งอยู่ที่ตรงนี้ หากมีประสบการณ์มาก ใครก็ย่อมคิดได้ว่ามีทางออกลับอยู่

พวกตัวหัวหน้าวัดฮุ่นหยวนก็คงคิดไม่แตกต่างกัน ใช้กลวิธีกระตุ้นให้พวกพระบ้าคลั่งกัน ให้ในวัดวุ่นวายอลหม่าน รั้งกำลังของกองทหารไว้ จากนั้นก็หลบหนีออกมาทางช่องทางลับ

แผนการคิดไว้หมด พอออกจากช่องทางลับก็พบว่ามีทหารดักรออยู่ ความกลัวลนลานก็ยิ่งทวีมากยิ่งขึ้น การวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงอย่างเร็วก็เป็นปฏิกิริยาที่ควรจะเป็น

คนวิ่งได้เร็วเพียงไรก็มิสู้ม้า ม้าของพวกหวังทงยังวิ่งอุ่นกำลังกันมาก่อนหน้าแล้ว กำลังมีพละกำลังแรงพอดี

เมื่อคนมากต่อคนน้อย 12 คนที่แบกห่อผ้าก็วิ่งเตลิดไปได้ระยะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงม้าไล่ตามมา เห็นทหารตามมาติดๆ มีคนตะโกนขึ้นสองสามคำ คนพวกนี้ก็รีบกระจายตัว วิ่งแยกเตลิดออกไปสี่ทิศทันที

ม้าสามไล่ตามหนึ่ง แม้แยกกันหนีก็ไม่มีเหตุที่จะหนีพ้น และพวกถานเจียงยังนั่งกันอยู่บนหลังม้าอย่างมั่นคง หยิบธนูขึ้นมาน้าวเล็งไป

ทันใดนั้นก็มีเสียงคนร้องโหยหวนกลิ้งไปกับพื้น ขาท่อนบนและท่อนล่างล้วนถูกธนูปักทะลุ ถานเจียงและหลี่เหวิน หย่วนยังคงอยู่ข้างกายหวังทง ไล่ตามหลายคนด้านหน้าทันได้อย่างไม่เร่งไม่รีบ

เทียบกับคนอื่นๆ แล้ว หวังทงกับบรรดาผู้ช่วยงานอายุน้อยพวกนั้นมีความตื่นตะหนกกันเล็กน้อย สำหรับหวังทง นี่เป็นครั้งแรกที่ควบม้าวิ่ง ยังคงจัดระเบียบตัวเองบนหลังม้าได้ไม่ดีนัก ผู้ช่วยงานที่พามาด้วยก็เพราะบังคับม้าได้ไม่ดีจึงร่วงหล่นลงจากหลังม้า

การไล่ตามจับในยามนี้ก็เป็นดังเกมส์แมวไล่จับหนูแล้ว กำลังของหวังทงติดตามมาไม่ไกลนัก สี่คนที่วิ่งอยู่ด้านหน้ามีสามคนหันหลังกลับมาตะโกน พร้อมกับเงื้ออาวุธในมือเข้าใส่

‘ฟึ่บ’ เสียงสายธนูดังขึ้น ธนูของถานเจียงยิงออกไป ปักกลางคอของคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นแม้แต่เสียงร้องก็ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาก็ล้มลงกับพื้นทันที

หลี่เหวินหย่วนกระดุกบังเหียน ม้าก็ทะยานออกไป หอกยาวในมือก็ฉกเข้าใส่ราวกับงูพิษ คนที่ถูกเขาแทงก็กุมหน้าอกทันที เดินส่ายไปสองสามก้าวก็ล้มลง

ความหมายของทั้งสอง หวังทงย่อมเข้าใจ นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุด เขาทำตามที่หลี่เหวินหย่วนสอนมา ยกดาบยาวพลิกหงายคมดาบขึ้นบน ลู่ดาบลง ก่อนจะเร่งทะยานม้าขึ้นหน้าไป

คนที่บุกเข้ามาไม่รู้ว่าเหตุใด ไม่ยอมปล่อยห่อผ้าที่อยู่บนหลัง การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ถือดาบสั้นในมือเล่มหนึ่ง ตะโกนดังก่อนจะปรี่เข้าใส่

ก่อนจะมาถึงด้านหน้า หวังทงก็เบี่ยงออกข้าง ม้าก็ตามออกด้านข้าง ดาบยาวในมือตวัดขึ้น แรงคนผสมแรงม้า โจรผู้นั้นก็ยกแขนขึ้นกันไว้ แขนครึ่งท่อนและแขนที่กันหน้าอกไว้ถูกหวังทงฟันขาดสะบั้น ของข้างในห่อผ้ากระจายออกมาพร้อมโลหิตพวยพุ่ง

โลหิตพุ่งกระเด็นใส่หวังทงจำนวนมาก ผิวหนังด้านนอกที่ไม่มีอะไรคลุมไว้ก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนของโลหิต ตอนมีเรื่องวิวาทกัน เขาก็เป็นพวกใจกล้า แต่การฆ่าคนนั้นนับเป็นครั้งแรก พอคิดว่ามีคนตายด้วยน้ำมือตนเอง ก็รู้สึกแตกตื่นอยู่บ้าง

หวังทงบุกขึ้นหน้ามากไป สองคนข้างกายยังเปิดที่ว่างไว้ คนที่วิ่งหน้าสุดรูปร่างอ้วนใหญ่ แต่กลับวิ่งได้เร็วสุด พอเห็นพวกของตนล้มตายไป ก็ไม่สนใจอะไรต่อ รีบหันหลังกลับมา แกะปมผูกห่อผ้าบนตัวที่ไม่เล็กนักออก ขว้างมาทางหวังทง

ห่อผ้านั้นลอยมากลางอากาศ เห็นได้ว่ามีน้ำหนักไม่น้อย หวังทงเพิ่งจะเสียหลัก กำลังจะตั้งหลัก ของก็ลอยมา จึงรีบกระตุกบังเหียนหลบ คนหลบทัน แต่ม้าหลบไม่ทัน ห่อผ้ากระแทกใส่แผงคอม้าอย่างแรง ม้ารู้สึกเจ็บปวด จึงทะยานสะบัดตัวไปมา

หวังทงบังคับม้าไม่อยู่แล้ว ถูกม้าสะบัดร่วงลงมา ยังดีที่ตอนตกลงมายังพอทันที่จะสลัดบังโกลนม้าทิ้งทัน แต่ดาบใหญ่ในมือกระชับไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่ากระเด็นไปไหนแล้ว

คนทั้งคนก็ร่วงหล่นจากหลังม้า หลังกระแทกพื้นทำเอาสะดุ้งไปทั้งตัว ขยับตัวไม่ได้ไปครู่หนึ่ง ผ้าดำปิดหน้าของเจ้าโจรอ้วนผู้นั้นก็ร่วงลงพื้น เห็นชัดว่าเป็นพวกหัวโล้นใสวับ ใบหน้าบิดเบี้ยว ดาบในมือนั้นกว้างราวหนึ่งฝ่ามือ ยาวราวท่อนแขน เขาตะโกนร้องดังก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่

ถานเจียงและหลี่เหวินหย่วนมัวแต่ล่าสังหารโจรกัน พอหันมาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตามมาไม่ทันแล้ว เห็นชัดว่าคนเยอะสู้กับคนน้อย แต่ตอนนี้กลับทำเอาหวังทงต้องเผชิญหน้ากับโจรแบบตัวต่อตัว

อีกสองสามก้าวก็จะถึงตัว หวังทงเกร็งไปทั้งตัว หรือว่าตนต้องจบชีวิตลงที่นี่ กว่าจะมีชีวิตใหม่เช่นนี้ได้ กว่าจะมีชีวิตที่รุ่งโรจน์เช่นนี้ได้ มีคนมากมายฝากชีวิตไว้กับเขา ไม่รู้ว่าวันหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์เพียงใด หรือว่าวันจะต้องจบทุกอย่างที่นี่!

ห่างกันอีกก้าวเดียว ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งออกมา ปักลงบนหน้าอกของเจ้าโจรอ้วนนั้นพอดี แทงทะลุตรงกลาง พอยิงออกไป ถานเจียงก็ทิ้งคันธนูในมือลง รีบกระโจนเข้ามาพร้อมกับหลี่เหวินหย่วนทันที

“ใต้เท้า ใต้เท้า…”

สองคนยังไม่ทันลงจากหลังม้า ร่างเจ้าโจรอ้วนนั่นก็ล้มหงายลงกับพื้นไปแล้ว กระแทกกับพื้นอย่างแรง เป็นหวังทงที่ผลักเขาล้มลง ที่หน้าอกของโจรอ้วนนั่น ยังมีด้ามมีดสั้นปักอยู่ด้านนอก แต่คมมีดนั้นแทงมิดลงเข้าไปแล้ว

ครั้งนี้ทำเอาถานเจียงและหลี่เหวินหย่วนถึงกับตะลึงงัน หวังทงเดินไปดึงมีดสั้นขึ้นจากอกของเจ้าโจรอ้วนนั่นด้วยอาการมั่นคง ดึงออกมาในครั้งเดียว

แรงดันในหน้าอกเมื่อไม่ได้ถูกมีดสั้นกดไว้ ทุกอย่างจึงพุ่งออกมา ทำเอาตัวหวังทงเต็มไปด้วยโลหิตสด หวังทงยกมือขึ้นเช็ด ก่อนจะนั่งยองลงเปิดเข็มขัดของเจ้าโจรอ้วน เจ้าโจรอ้วนที่เอวยังมีห่อผ้าเล็กๆ อีกห่อหนึ่ง หวังทงนั่งลงแก้ปมห่อผ้าที่เอวนั่น

เพชรนิลจินดาแวววาวหลายสิบเม็ด ยังมีหยกแกะสลักประณีตงดงามอีกสองชิ้น ของเหล่านี้ถือเป็นของสะสมล้ำค่าอย่างแท้จริง ชิ้นเดี่ยวๆ ก็มีค่ามากมายมหาศาลแล้ว สามารถขายเป็นเงินเป็นทองได้มากมาย

“ข้าว่าละ ตอนกระแทกใส่ โดนหน้าอกเจ็บขนาดนี้ ที่แท้ของพวกนี้เอง!”

เสียงของหวังทงนิ่งสงบ เก็บของพวกนี้ไปก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ในสายตาของถานเจียงและหลี่เหวินหย่วนกลับไม่ใช่เช่นนั้น ใต้เท้าของตนยามปกติวางตัวสงบนิ่งเป็นผู้ใหญ่ แต่การสังหารคนครั้งแรกดูเหมือนจะสะเทือนจิตใจอยู่บ้าง

หลี่เหวินหย่วนเงียบงันลง กลับเป็นถานเจียงที่หัวเราะฮาดัง ก่อนจะปลอบว่า

“นายท่าน ปีนั้นที่ข้าน้อยฆ่าคน นอนไม่หลับทั้งคืน ต่อมาฆ่าเยอะขึ้น ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ…”

“ไม่มีอะไรต้องนอนไม่หลับ ข้าไม่ฆ่ามัน ที่ต้องตายก็คือตัวข้า โลหิตเปรอะหน้าช่างน่ารำคาญ เอากาน้ำมาให้ข้า!!”

หวังทงพูดอย่างสงบนิ่ง ถานเจียงรีบปลดถุงน้ำจากกระเป๋าข้างอานม้ายื่นให้หวังทง หวังทงเปิดจุกออก กะระยะที่หน้า จากนั้นก็เทน้ำพรวดเดียวล้างคราบโลหิตออกจนหมด จากนั้นก็ดื่มไปอึกใหญ่ ก่อนจะโยนถุงน้ำกลับไป จากนั้นก็เดินไปที่ห่อผ้าที่ขว้างมาเมื่อสักครู่ หยิบดาบสั้นกรีดออกดู

ของในห่อผ้าเป็นประกายสีทองภายใต้แสงตะวัน กีบม้าทองคำหลายอัน สีหน้าไร้ความรู้สึกของหวังทงในที่สุดก็ยิ้มออก ทำให้ผู้ติดตามทั้งสองคนรู้สึกโล่งใจ หวังทงลุกยืนขึ้นกล่าวเสียงดังว่า

“โจรพวกนี้ไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย ต้องค้นห่อผ้าและค้นทั่วทั้งตัวให้ละเอียด ถ้ามีของชิ้นใหญ่ ของที่รวบมาได้ให้ใส่ไว้ที่ถุงข้างอานม้าของพวกเรา รีบไปจัดการ หากรอให้คนอื่นมา ก็ไม่ใช่ของเราแล้ว!”

เห็นในมือหวังทงมีกีบม้าทองคำออกมา ถานเจียงกับหลี่เหวินหย่วนก็รีบออกคำสั่ง โจรที่ทุกคนไล่ล่าถูกสังหารไปเจ็ด ที่เหลืออีกห้าถูกจัดการหมอบอยู่ที่พื้น กำลังคุกเข่าร้องขอชีวิต

คำสั่งมาถึง โจรพวกนี้ไม่เป็นหรือตายก็ถูกค้นตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ของที่หวังทงค้นได้จากเจ้าโจรอ้วนนั่นค่อนข้างมีระดับกว่า บนตัวคนที่เหลือนั้นมีแค่ทอง เพชรนิลจินดาและหยก ในห่อผ้ามีแค่ตำลึงเงินและเศษก้อนทองอีกจำนวนหนึ่ง

แต่เมื่อนับรวมกันคร่าวๆ บนตัวสิบกว่าคนนี้ก็เป็นจำนวนเกือบหมื่นตำลึง ทำเอาอ้าปากค้างกันไป แน่นอน ต้องดูด้วยว่าหยกและเพชรนิลจินดานั่นจะสามารถขายได้ราคาที่เหมาะสมหรือไม่

อานม้าสองด้านของบุคคลระดับแกนนำก็ตุงไปหมด เพิ่งจะรวบรวมคนมากองกันได้ เซวียจานเยี่ยก็นำคนวิ่งมา พอมาถึงตรงหน้า ยังไม่ทันได้ลงจากหลังม้าก็บ่นอยู่บนหลังม้าว่า

“ใต้เท้าหวัง ที่นั่งทองคำปลอดภัยไม่นั่ง หากท่านบาดเจ็บอะไรไป ข้ารับไม่ไหวนะ!”

พอเห็นตัวหวังทงเต็มไปด้วยคราบโลหิต ก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะจากหลังม้ามากล่าวเสียงค่อยๆ ว่า

“ใต้เท้าวัง สถานะระดับท่าน เรื่องเสี่ยงภัยเช่นนี้ไยต้องลงมือเอง เสี่ยงไป เสี่ยงไปแล้ว!”

หากเกิดอะไรกับหวังทง คงไม่อาจรายงานฮ่องเต้ว่านลี่กับจางเฉิงกงกงได้ ไม่อาจตำหนิที่เขาจะตกอกตกใจเช่นนี้ หวังทงเหมือนกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว ประสานมือกล่าวว่า

“ขอบคุณใต้เท้าเซวีย ข้าแค่เปื้อนโลหิตเล็กน้อย ไม่ได้บาดเจ็บอะไร รีบนำตัวพวกมันมา จะได้ร่วมสอบปากคำพร้อมใต้เท้าเซวีย”

สองคนที่นำขึ้นมาก็เริ่มเข้ามาคุกเข่าขอร้องก่อน ถูกคนของหวังทงมาดึงลากออกไปกองอยู่ที่พื้น พอลุกขึ้นมาได้ก็รีบโขกศีรษะ หวังทงถามทันทีอย่างไม่ต้องเกรงใจเซวียจานเยี่ยว่า

“หัวหน้าหวังตั๋ว เจ้าสำนักไตรสุริยันฟ้าดินอยู่ในกลุ่มพวกเจ้าไหม?”

เจ้าคนที่โขกศีรษะอยู่ก็ชะเง้อมองไปรอบทิศ มองเห็นร่างโจรอ้วนผู้นั้นที่อยู่ไม่ไกลนัก ทั้งตัวเหมือนกับลมที่รั่วออก แฟบกองอยู่กับพื้น ตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้ว่า

“เรียนใต้เท้า พุทธะเรา ไม่ ไม่ เจ้าโจรชั่วหวังตั๋วถูกใต้เท้าสังหารไปแล้ว…”

เป็นเจ้าอ้วนหัวล้านนี่จริงๆ หวังทงไม่แปลกใจอันใด ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงคนที่ถูกจับกระทืบเท้าตะโกนด่าดังว่า

“เจ้าลูกเต่าชั่ว เดรัจฉานสมควรตาย ข้าเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้า หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าขโมยม้าไป พวกเราไหนเลยจะถูกจับได้!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version