Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 406

ตอนที่ 406 ไม้ใหญ่นอกด่าน

ผู้ที่ส่งเสียงทักทายก็คือซุนโส่วเหลียนแห่งกองกำลังเหลียวหนิง หน่วยตรวจการประจำเขตเหลียวเป่ย เมืองเหลียวโจว หวังทงหันไปมอง เห็นซุนโส่วเหลียนยืนอยู่ริมแม่น้ำ คำนับยิ้มทักทาย

ซุนโส่วเหลียนครั้งก่อนยังสวมชุดเกราะแบบทหาร แต่ครั้งนี้กลับดูเหมือนพ่อค้าร่ำรวยด้วยชุดยาวกระดุมเรียงเม็ดลายเงินทอง ทั้งตัวส่องประกาย แต่มือไม้หน้ำตาก็ยังคงเหมือนเดิม ยังคงเป็นแบบคนฝึกยุทธ์

ซุนโส่วเหลียนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกล่าวว่า

“เมื่อเดือนสิบสอง ปีที่แล้วจากกันไป วันนี้ข้าเพิ่งจะมา ไม่รู้ว่าใต้เท้าหวังรอจนร้อนใจหรือไม่?”

“ที่ไหนกันๆ หากไม่ใช่ใต้เท้าซุนเชิญข้ามา เรื่องนอกด่านพวกนั้น ข้าเองก็เกือบลืมไปแล้ว”

สองฝ่ายสัพยอกกัน ก่อนจะหัวเราะดังลั่น พากันเดินไปริมแม่น้ำ คนงานขนถ่ายสินค้ามาพร้อมแล้ว เริ่มขนสินค้าลงจากเรือ

หวังทงกับซุนโส่วเหลียนยืนมอง ซุนโส่วเหลียนถอนหายใจกล่าวว่า

“วันนี้เรือเข้ามาในแม่น้ำทะเล ได้เห็นสองฝั่งรุ่งเรือง ข้ายังคิดว่าตนเองมาผิดที่ เดือนสิบสองปีก่อนที่นี่เป็นเพียงพื้นที่รกร้าง ตอนนี้ไม่ถึงปี กลายเป็นตลาดรุ่งเรืองเช่นนี้ได้ หากไม่ใช่ข้ามาเห็นด้วยตา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อ”

สถานการณ์การนำสินค้านอกด่านมาขายในด่านนั้น หวังทงเคยส่งคนไปเมืองหลวงสำรวจแล้ว พบว่าไม่ได้กำไรมากมายอันใด กลับเป็นสินค้าในด่านออกไปขายนอกด่านจึงจะได้กำไรมหาศาล แต่หากทำเช่นนี้ การค้าส่งที่เทียนจินก็จะยิ่งดี กำไรจะยิ่งมาก

“สินค้าเมืองเหลียวโจวล้วนอยู่ในอำนาจจัดการของตระกูลท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าไม่อาจเข้าข้องเกี่ยว มีแต่นำหนังกวางและขนสัตว์เล็กน้อยพวกนี้มา ยังมีพวกกระดูกเสือ โสมคน เขากวาง ตัวยากับของป่าพวกนี้”

ได้ยินคำพูดซุนโส่วเหลียน หวังทงอดยิ้มไม่ได้กล่าวว่า

“ใต้เท้าซุนรู้ว่าสินค้าใดขายดี!”

หนังกวางและขนสัตว์เป็นสินค้ามีราคาที่เทียนจิน แต่เทียนจินก็เป็นแค่ทางผ่าน ขนสัตว์หนังสัตว์ล้วนส่งออกไปขายข้ามทะเลทำกำไร หากออกทะเลภาษีสูง ราคาก็สูง กำไรก็ย่อมสูง ส่วนกระดูกเสือ โสมคน เขากวางกับบรรดาของป่ามีค่าต่างๆ เหนือใต้ล้วนมีผู้ร่ำรวยเงินทอง ร้านขายยาต่างต้องการ ซุนโส่วเหลียนนำของพวกนี้มา แม้ถูกเก็บภาษี ก็ยังกำไรไม่น้อย

ซุนโส่วเหลียนยิ้มอย่างภูมิใจกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง แม้ว่าจะเพิ่งมาเอาป่านนี้ แต่เดือนสี่ข้าก็เปิดร้านที่เทียนจิน ข่าวสารการค้าก็รู้หมด อะไรทำกำไรก็รู้!” ,

นี่เป็นเรื่องที่หวังทงคาดไว้แล้ว ซุนโส่วเหลียนกล่าวต่อว่า

“ใต้เท้าหวัง ทางข้าขอน้ำใจจากท่านสักหน่อย หนังกวางแม้ขายราคาสูง แต่ภาษีก็นับว่าสูงเกินไป ลดให้สักหน่อยได้หรือไม่ เงินที่ลดไปก็เป็นของใต้เท้า ใช่ว่าเป็นผลดีกับท่านและข้างั้นหรือ”

หวังทงยิ้มส่ายหน้าเอ่ยว่า

“เงินทองพวกนี้ข้าเก็บเข้าวัง หลายวันก่อนขันทีจากสำนักอาชาหลวงไม่ยอมจ่ายภาษี ข้าใช้ปืนถล่มเรือจมไปลำ แตะต้องไม่ได้จริงๆ”

ได้ยินหวังทงพูดอย่างนี้ ซุนโส่วเหลียนก็อึ้งไป จ้องมองหวังทงครู่หนึ่ง เห็นหวังทงท่าทางปกติ ไม่เหมือนว่ากล่าววาจาเกินจริง รู้สึกเก้กัง เงียบไปครู่หนึ่งก็ประสานมือยิ้มเฝื่อนๆ ว่า

“ใต้เท้าหวังช่างยืนหยัดไม่เห็นแก่พวกพ้อง ข้าขอนับถือ”

เรือทะเลไม่ใหญ่มาก หนังสัตว์และยาสมุนไพรบนเรือขนถ่ายลงหมดอย่างรวดเร็ว หวังทงตอนนี้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มาก แค่ของพวกนี้ ซุนโส่วเหลียนที่เป็นถึงขุนพลใหญ่แห่งเขตเหลียวเป่ยที่อยู่ตอนเหนือของเหลียวโจว ไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง

เมืองเหลียวโจวต่างจากเมืองอื่นๆ เพราะที่นั่นมีพื้นที่ใหญ่เท่ากับหลายมณฑล และปกครองโดยทหาร เมืองเหลียวโจวมีขุนพลประจำเขตแต่ละทิศ คุมกองกำลังไปพร้อมกับการดูแลประชาชนในพื้นที่ ในความเป็นจริงก็เท่ากับว่าอำนาจอยู่ในมือผู้เดียว ภาษีที่ดิน การค้าม้าวัว ภาษีเกลือ ภาษีชา ภาษีการค้าก็ล้วนแบ่งกันตามระดับชั้นลงไป ความร่ำรวยย่อมน่าตกใจ หากเทียบกันแล้ว การขนของพวกนี้มาเทียนจิน แม้ว่ากำไรไม่น้อย แต่เทียบกันแล้วก็ไม่น่าอะไรเท่าไร

ขณะหวังทงกำลังงุนงงอยู่นั้น ซุนโส่วเหลียนก็มีสีหน้ายินดี ยิ้มเอ่ยว่า

“ใต้เท้าหวัง ไม่ทราบว่าเทียนจินการค้าไม้เป็นอย่างไรบ้าง!?”

อยู่ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา หวังทงอึ้งไป ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ทหารข้างๆ กลับไวกว่า รีบไปที่โกดังที่ใกล้ที่สุดตะโกนเรียกเถ้าแก่ร้านคนหนึ่งออกมา

พอได้ยินว่าหวังทงเรียกหา ผู้ที่ถูกตามออกมาก็ตื่นตระหนก พอเห็นสีหน้าหวังทงไม่ดุดันก็รู้สึกผ่อนคลาย ได้ยินคำถามหวังทง ก็ตอบไปว่า

“นายท่าน ตอนนี้ไม้ที่เทียนจินเป็นสินค้าที่ต้องการอันดับหนึ่ง”

“หืม?”

ไม้เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไป ทำไมจึงกล่าวว่าเป็นที่ต้องการ หวังทงรู้สึกตกใจเล็กน้อย ซุนโส่วเหลียนข้างๆ ก็มีสีหน้าจริงจัง เถ้าแก่ผู้นั้นรีบอธิบายต่อว่า

“ด้วยบารมีใต้เท้า ทุกคนการค้าดี ก็คิดจะเปิดร้าน เปิดหน้าร้านค้าขาย นายท่านก็ก่อสร้างทั้งในและนอกเมือง ชาวบ้านในเทียนจินก็สร้างบ้านเรือนกันทั้งในและนอกเมืองไม่หยุด ปรับปรุงอาคารร้านเก่าอีก การก่อสร้างนั้นอันไหนไม่ต้องใช้ไม้ ยังมีเรือแต่ละลำบนคลองส่งน้ำบนแม่น้ำทะเล ทั้งสร้างทั้งซ่อม ก็ต้องใช้ไม้ โรงปืนไฟนอกเมืองนั้น ใช้ไม้ก็มากเช่นกัน ที่กล่าวมานี้ไม่รู้ว่าต้องใช้เท่าไรแล้ว และเขตปกครองเหนือของเราแต่ไรมาก็ขาดแคลนไม้ ไม่ต้องพูดถึงเทียนจินที่เพิ่งเจริญขึ้นมาใหม่เช่นนี้……”

ได้ยินเช่นนี้ หวังทงก็เข้าใจทันที เถ้าแก่ผู้นั้นกล่าวต่อว่า

“ใช้มาก ต้องการมาก ราคาก็ค่อยๆ สูงขึ้นลิบลิ่ว ทุกคนยังทำการค้าได้กำไรมาก ต่างก็มีเงินซื้อ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไม่หยุด ตอนนี้ทางเมืองหลวง เมืองเป่าติ้ง ยังมีหลายเมืองที่ซานตงต่างก็มาเปิดร้านค้าไม้ที่เทียนจินเรา ทุกวันราคาซื้อขายเปลี่ยนแปลงเร็วราวสายน้ำก็ยังไม่พอขาย กล่าวอย่างไม่กลัวนายท่านหัวเราะเยาะ หลายวันก่อน ร้านข้าน้อยมีไม้หน้าต่างพังไปหนึ่งแผ่น ไปซื้อหาก็หาซื้อไม่ได้ สุดท้ายจึงได้หาไม้เศษๆ ตอกปิดแทน โอย อย่าว่าแต่ไม้เลย แม้แต่ช่างไม้ก็ขาดแคลน ตอนนี้เงินค่าจ้างเพิ่มขึ้นสามเท่า ยังหาคนไม่ได้เลย แม้แต่ช่างไม้เมืองเหอเจียน เมืองซุ่นเทียนก็ล้วนพากันมาเทียนจิน……”

พร่ำบ่นพูดไปไม่หยุด แต่หวังทงนั้นเข้าใจเรื่องราวพอแล้ว จึงได้ยิ้มออกคำสั่งให้ทหารติดตามจ่ายเงินเถ้าแก่ผู้นั้นไปห้าตำลึง เถ้าแก่ผู้นั้นรับแล้วก็ขอบคุณก่อนจากไป หวังทงหันไปทางซุนโส่วเหลียนกล่าวว่า

“พี่ซุนอย่าได้อ้อมค้อม ทางท่านยังวิธีการใดรับมือสภาพขาดไม้เช่นนี้บ้าง?”

การขาดแคลนไม้ จะเป็นข้อจำกัดต่อการเจริญเติบโตของการก่อสร้างในเทียนจิน เป็นการเพิ่มต้นทุนการก่อสร้างในเทียนจิน หากใช้คำในโลกก่อนมากล่าว ก็คงใช้คำว่า คอขวด ซุนโส่วเหลียนหน้ำตาภูมิใจยิ่ง ดูแล้วน่าจะมีวิธี

“ใต้เท้าหวัง นอกด่านนั้นไม่มีอะไรนน่าสนใจ หากไม่ขาดแคลนไม้ใหญ่ ภูเขาลึกป่าไม้ไม่รู้มากมายเท่าไร พวกเขานอกด่านมี ใต้เท้าขาด ใช่ว่าเป็นการเสริมกันและกันหรือ?”

ได้ยินซุนโส่วเหลียนกล่าวเช่นนี้ หวังทงก็ยิ้ม ซุนโส่วเหลียนถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน กล่าวต่อว่า

“ใต้เท้าหวัง ตอนนี้ไม้ขาดแคลน ข้าเองก็จะให้คนส่งมาจากนอกด่านอย่างยากลำบาก หากไม่อำนวยความสะดวกล่ะก็ การค้านี้ก็ไม่น่าสนใจเท่าไร!”

หากขาดอันใด ก็ควรจะใช้เงื่อนไขพิเศษเพื่อดึงดูดให้นำเข้ามา นี่เป็นหลักการที่หวังทงเรียนรู้มาจากโลกก่อน หวังทงเงียบไปก่อนจะเอ่ยว่า

“การค้าไม้ มาเทียนจินสามารถเว้นภาษี ร้านค้าที่เกี่ยวข้องสามารถไม่ต้องแขวนป้ายสงบสุข ค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายก็เจรจาหารือกันได้”

เงื่อนไขนี้พิเศษมาก ดูสถานการณ์ปัจจุบันของเทียนจินแล้ว เท่ากับว่าหากขนมาได้ก็จะทำกำไรใหญ่ แน่นอน เทียนจินเองก็จะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน

แต่สิ่งที่ทำให้หวังทงตัดสินใจเช่นนี้กลับเป็นคำพูดของเจ้าพนักงานที่ว่า ‘เรือบนแม่น้ำและคลองส่งน้ำ’ ตอนนี้หากต่อเรือก็ต้องใช้ไม้ชั้นดี ดูท่าตอนนี้คงมีแต่นอกด่านที่จะจัดหามาให้ได้

ได้ยินหวังทงรับปากเช่นนี้ ซุนโส่วเหลียนก็พยักหน้ายิ้มกล่าวว่า

“ด้วยคำพูดของใต้เท้าหวังเช่นนี้ พี่น้องเราก็สบายใจแล้ว พี่น้องเราไม่ใช่ว่าทำงานไม่เป็น การค้าที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเรา ขาดทุนก็แล้วไป หากกำไรก็จะต้องแบ่งให้ใต้เท้าสองส่วน”

หวังทงพยักหน้าขอบคุณ การมอบของกำนัลกันไปมา อีกฝ่ายให้ผลประโยชน์ หากตนเองปฏิเสธก็เท่ากับหาเรื่องให้อีกฝ่ายไม่พอใจสงสัย

กล่าวถึงตรงนี้ หวังทงก็เอ่ยถามว่า

“พี่ซุน ไม้ทางพี่จะมาถึงเมื่อไร เทียนจินห่างจากเมืองเหลียวโจวมาก นี่ก็เดือนแปดแล้ว ท่านกลับไปแล้วค่อยมา เกรงว่าทะเลคงปิดแล้ว จะมาทันได้อย่างไร?”

ได้ยินคำถามหวังทง ซุนโส่วเหลียนก็หัวเราะดังลั่น สองฝ่ายคุยกันอยู่นานก็ค่อนข้างคุ้นเคยไม่น้อย ซุนโส่วเหลียนยกมือตบบ่าหวังทง ยิ้มกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง เงาใต้เสาไฟ เงาใต้แสงไฟ!!”

โดนว่าเช่นนี้ หวังทงก็อึ้งไป ก่อนจะได้สติ อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ซุนโส่วเหลียนมาครั้งนี้จะต้องนำไม้ใหญ่มาด้วยแน่นอน ด้านหลังเรือทุกลำมีแพไม้ใหญ่ มัดแพใหญ่นั้นไม่ใช่ไม้แล้วจะเป็นอันใด

การปรับตัวเข้าหากันได้เช่นนี้ ทำให้สองฝ่ายยิ่งสนิทสนมกันขึ้น ซุนโส่วเหลียนเอ่ยว่า

“หากใช้เส้นทางด่านซานไห่กวนเข้าทางเมืองหย่งผิง เส้นทางไปเมืองหลวงนั้นจะว่าไกลไม่ไกล จะว่าใกล้ไม่ใกล้ หนังสัตว์ขนสัตว์และสมุนไพรพวกนี้ขนไปมาไม่ได้เงินเท่าไร แต่ไม้ใหญ่หากไม่มาทางน้ำไหนเลยจะขนส่งได้ง่าย ไม้เป็นสินค้าที่เทียนจินต้องการ แต่ไม้ใหญ่ ทางเขตปกครองเหนือ และมณฑลโดยรอบก็ล้วนเป็นของมีราคามาก”

หวังทงพยักหน้า เมืองหลวงและพื้นที่ไฟไหม้ ต่างต้องการไม้ไปสร้างเสา แต่หลายปีมานี้ไม้ใหญ่ในมณฑลเหนือใต้นั้นถูกตัดไปหมดแล้ว บางแห่งมี แต่ก็ขนส่งออกมาไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่ใช้ไม้ประกบกันไปก่อน ยามนี้ไม้ใหญ่พวกนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเทียนจินเองต้องการ ที่อื่นๆ เกรงว่าก็ล้วนแย่งกันราวกับของล้ำค่า

“พี่ซุน ในเมื่อขนมายาก เช่นนี้ไม้ใหญ่ลงทะเลมาได้อย่างไร?”

หวังทงอยู่ๆ ก็คิดประเด็นนี้ขึ้นมา พอเอ่ยถาม ซุนโส่วเหลียนก็มีสีหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มกล่าวว่า

“ตัดไม้จากป้อมควนเตี้ยน จากนั้นก็ผลักลงมาตามลาดเขาลงแม่น้ำ มัดรวมกันในน้ำ ลอยออกมาปากทะเล แขวนขึ้นเรือทะเล ก็เท่านั้น สะดวกมาก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version