ตอนที่ 418 หยิบยืมกันและกัน เครื่องมือต่างกัน
วันที่ 20 เดือนสิบเอ็ดแล้ว ผ่านหิมะใหญ่มาสามระลอกแล้ว เรือที่ไปเหลียวโจวยังไม่กลับมา แต่ท้าเร็วจากด่านซานไห่กวนกลับมาเทียนจิน
บอกว่าเพราะทุกคนมีสินค้ามาก ทางเหลียวโจวเข้าสู่ฤดูหนาวเร็วกว่าทุกปี พ่อค้าทางนั้นกว่าจะมากันได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย คิดจะจัดการของให้เสร็จก่อนซื้อของใหม่กลับมา คาดว่าน้ำบนทะเลคงเป็นน้ำแข็งแล้ว ดังนั้นรอปีหน้าค่อยกลับมา
หากมีสิ่งเพียงสิ่งเดียวที่มั่นใจก็คือ ไปเวลานี้ย่อมทำกำไรก้อนโต ตระกูลหลี่เฉิงเหลียงที่เหลียวโจวก็กวาดเอาสินค้าไปกองโต เพราะเรือและสินค้าที่มาครั้งนี้มีมาก ส่งผลดีต่อเมืองเหลียวโจวอย่างมาก เรือสินค้าที่มาจากเทียนจินยังมีหวังทงคอยหนุนหลัง ดังนั้นเพื่อแสดงถึงการให้ความสำคัญ หลี่เฉิงเหลียงจึงส่งบุตรชายคนโต หลี่หรูซงไปที่ศาลเจ้าแม่ริมปากอ่าวต้อนรับทุกคน
แน่นอนย่อมเป็นไปตามที่หวังทงคาดไว้ ซุนโส่วเหลียนนำกองเรือและไม้ใหญ่ไปเทียนจิน หากไม่ได้รับควมเห็นชอบจากกองกำลังที่เหลียวโจวย่อมไม่อาจทำได้
ไม้ที่ได้มาจากตอนเหนือของเหลียวโจวนั้นขายดีอย่างยิ่ง พวกที่มีหน้าที่ก่อสร้างหลายกองในเทียนจิน ต่างก็ซื้อหาไม้ที่สามารถซื้อหาได้ไปพอสมควร หลังร้านประกันภัยก่อตั้งขึ้น เงินก้อนโตที่จ่ายออกไปก็เพื่อซื้อของเหล่านี้ เพื่อการก่อสร้างพื้นฐานที่เทียนจิน
ขันทีจากสำนักเครื่องใช้ส่วนพระองค์และสำนักพระตำหนักในวัง หลังจากมาเทียนจินและได้เห็นไม้ท่อนหนา ถึงกับแทบร้องไห้ออกมา หลายปีนี้ในวังซ่อมแซมพระตำหนัก คานใหญ่และเสาค้ำยังหาท่อนไม้ใหญ่ไม่ได้ ได้แต่ใช้ไม้ต่อรวมกัน ทว่าอย่างไรก็ไม่ดีเท่า ความแข็งแรงย่อมมีจำกัด
เพราะกังวลเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้ให้หน่วยผลิตทำเครื่องเรือนอันใดมากนัก เมื่อไม่ผลิต ทุกคนก็ไม่มีโอกาสโกยเข้ากระเป๋า แต่ละวันจึงมีชีวิตอย่างยากลำบาก!
หวังทงเป็นใคร พวกเขารู้ดี จะกดราคาซื้อขาย หรือขู่บังคับย่อมไม่กล้าทำกับใต้เท้าท่านนี้ และก็ไม่มีความจำเป็น เพราะเงินซื้อหาไม้นั้นเป็นเงินในวัง เมื่อขนเข้าวัง ลงมือสร้างเมื่อใด ยังต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินทองผ่านมืออีกหรือ ตอนนี้ไม่ว่าจะราคาสูงเท่าไรก็ย่อมได้ ที่สำคัญก็คือได้ไม้ที่เหมาะกลับไป
ขอร้องกันมา หวังทงจะไม่ให้เกียรติคนในวังได้อย่างไร หลังเจรจาต่อรองจนได้ไม้มาส่วนหนึ่ง และรับปากว่าปีหน้าสินค้ามาจะเก็บส่วนหนึ่งไว้ให้
ก็ยิ่งทำให้ขันทีในวังดีใจอย่างมาก นายกองพันหวังช่างได้ดังใจเช่นนี้ มีน้ำใจรู้ธรรมเนียม ทุกคนก็ย่อมจ่ายเงินตามราคาแต่โดยดี ใต้เท้าหวังก็ส่งกลับคืนมาให้สองส่วนตามระเบียบปกติ แม้ว่าราคานี้จะสูงกว่าราคาตลาดหลายส่วน แต่เงินทองก็ไม่ใช่ของตน ไม่เกี่ยวอันใดกับตน ทุกคนพอใจก็พอ
************
แต่ก็มีเรื่องที่ไม่ไว้หน้ากันอยู่ ชื่อเฮยหัวหน้าโรงบ้านในจวนหวังทงไม่ค่อยพอใจ เขาออกไปพร้อมกับหัวหน้าช่างฝีมือหลายคนที่เชี่ยวชาญในการทำรถม้า
“นายท่านเป็นคนชอบของใหม่ๆ ข้าไม่เชื่อว่า เจ้าผีหัวแดงพวกนั้นจะสามารถมีอะไรเด็ดๆ อากาศหนาวอย่างนี้ น่าจะเอาเวลาไปดูแลม้าดีกว่า!”
ตอนนี้เมื่อดูจากการแต่งกายของชื่อเฮยแล้ว ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเป็นชาวมองโกล หากไม่คุ้นเคยกันยังคิดว่าเขาเป็นคหบดีใหญ่ อย่างเห็นว่าชื่อเฮยมีหน้าที่ดูแลม้า เพราอย่างไรก็เป็นถึงหัวหน้าโรงบ้านของนายพันหวัง ปกติกินดีอยู่ดี ออกไปติดต่องานกับบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการ ผู้ใดกล้าไม่เกรงใจ
เฉกเช่นยามนี้ ปกติหัวหน้าช่างที่มีสถานะอยู่ไม่น้อย ยามอยู่ต่อหน้าเขาก็มีท่าทางเกรงใจอย่างมาก เทียนจินตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในมือหวังทง การเลือกซื้อรถม้า กับงานไม้ต่างๆ นายท่านหวังให้ทุกคนได้เงินได้ทองไปไม่น้อย จะไม่เกรงใจได้อย่างไร
“พี่ชื่อกล่าวล้อเล่นแล้ว นายท่านหวังให้พวกเราไปดู ย่อมมีเหตุผล”
ชื่อเฮยเป็นคนในจวนหวังทง ย่อมบ่นได้ คนนอกไหนเลยจะกล้ารับคำ ทุกคนได้แต่ยิ้มตามเท่านั้น ชื่อเฮยกระแอมไอก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหยาบดังว่า
“นายท่านทำการใดย่อมมีเหตุผล ข้าไม่ยอมให้ผีหัวแดงมาหลอกเอาเงินหรอก ข้าดูแลม้าอยู่บนทุ่งหญ้า การต่อรถเทียม ทุกท่านก็ชำนาญ หรือว่าจะสู้เจ้าพวกผีหัวแดงไม่ได้”
ช่างบางคนที่มีฝีมือค่อนข้างอึดอัด ได้ยินชื่อเฮยเอ่ยเช่นนี้ ในใจทุกคนก็เห็นด้วย แต่ก็ได้แต่ยิ้มไม่กล้ารับคำ
*************
“มารดามันสิ สมองข้าทำไมจึงคิดไม่ถึง”
บนพื้นที่โล่งกว้างของโรงตีเหล็กทางตะวันตกของเมือง ทุกคนมองชื่อเฮยนกมือตบไปที่ช่างข้างๆ อย่างแรง ทุกวันเขาออกกำลังกาย ฝ่ามือนี้ย่อมตบเองช่างสะดุ้ง เจ็บจนต้องเบ้ปาก แต่ก็ไม่อาจใส่ใจ ได้แต่สะบัดศีรษะมองชาวโปรตุเกสเอาเชือกมัดไปที่ตัวสัตว์
ตอนมาถึงแรกๆ ช่างไม้กับช่างเหล็กได้เตรียมส่วนประกอบต่างๆ ของรถไว้พร้อมแล้ว ชาวต่างชาติสิบกว่าคนกำลังประกอบอย่างเอาจริงเอาจัง
รถใหญ่คันนี้ดูแล้วก็ไม่แปลกอันใด แม้จะกล่าวว่ารถม้าในสมัยหมิงนี้ส่วนใหญ่สองล้อ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสี่ล้อ นี่เป็นเรื่องแปลกอันใด
มีการเชื่อมต่อระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลัง วิธีการนี้ไม่เลว ตอนเลี้ยวเปลี่ยนทิศ เพลาหน้าและหลังจะรับแรงพร้อมกัน ย่อมไม่เอนไปด้านในด้านหนึ่งจนทำให้อีกด้านหนึ่งยกขึ้น แต่การออกแบบเช่นนี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะหากสองด้านถูกอะไรขวางไว้ ก็ย่อมยุ่งยาก
สิ่งที่ทำให้ผู้คนหัวเราะก็คือคานรถที่ใช้เชื่อมรถกับสัตว์เทียมลาก รถของช่างแผ่นดินหมิงล้วนเป็นไม้คานแข็ง ใช้ไม้กับเชือกร้อยคล้องรถให้สัตว์ลาก แต่ผีผมแดงเหล่านี้ไม่ใช้ไม้คาน แต่ใช้เชือกหนัง ห่วงเหล็กกับอานม้าประกอบกัน จากนั้นก็ใช้คอกสี่เหลี่ยมที่ทำจากไม้ไผ่หุ้มเหล็กล้อมม้าเอาไว้
ม้าวัวลากรถล้วนอาศัยเชือกหนัง เชือกหนังนิ่ม แรงลากรถใหญ่ก็ย่อมไม่เหมือนใช้คานไม้เชื่อมต่อรถมาลาก พอตอนวิ่ง หากเชือกหนังไม่รัดให้แน่น แรงก็ว่าน้อย หากม้าวัวใช่ว่าหนีไปเฉยๆ งั้นหรือ
สำหรับคอกสี่เหลี่ยมที่ล้อมม้าไว้ ไม้ไผ่ก็แค่หนาสามนิ้ว ซึ่งใช้ล้อมวัวและม้า ไม่ใช้เพื่อส่งแรง ดูแล้วไร้ประโยชน์ยิ่ง
หลังจากได้เห็นเช่นนี้ ชื่อเฮยและช่างหลายคนก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าดูแคลนได้อีกต่อไป พากันหัวเราะดังลั่น
ช่างไม้และช่างเหล็กที่ช่วยช่างต่างชาติทำงานอยู่ไม่ใช่พวกมือใหม่ แม้ว่าช่วย แต่ก็รู้สึกว่าพวกต่างชาตินี้ช่างเหลวไหล เป็นเพราะนายท่านสั่งมา ว่าต้องคอยช่วยให้ดี ได้ยินว่า ต่างชาติพวกนี้ทำงานเสร็จก็จะได้รับรางวัล รถใหญ่พวกนี้พวกเราก็สร้างเป็น ย่อมสร้างได้ดีกว่าพวกต่างชาติพวกนี้ ทุกคนต่างคิดเช่นนี้
เมื่อได้ยินพวกชื่อเฮยหัวเราะดัง พวกเขาเองก็มีรอยยิ้มเยาะ ช่างชาวโปรตุเกสแม้ว่าส่วนใหญ่จะฟังภาษาจีนไม่ออก แต่ก็รู้ว่าคนรอบๆ พากันหัวเราะเยาะ แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ ได้แต่กัมหน้าทำงานต่อ
เอาม้าสองตัวมาเทียมเข้ากับรถก่อน ใส่เครื่องเทียม ชื่อเฮยตบหน้าตัวเอง วันอากาศหนาวเหน็บ ดูอยู่นาน เรื่องตลกน่าขันดูพอแล้ว เตรียมจะเรียกช่างหลายคนกลับเข้าไปในห้องผิงไฟ
แต่งานของพวกต่างชาติยังทำไม่เสร็จ พวกเขายังไปลากม้ามาอีกสองตัว ใส่เครื่องเทียมลงไป จากนั้นใช้ห่วงเหล็กกับแผ่นหนังรัด การจัดการรอบนี้ซับซ้อนกว่า ม้ากับม้า ม้ากับรถ ใช้เชือกโยงกันไว้
พอเห็นเช่นนี้ บรรดาช่างก็พากันอึ้งไป ฝูงคนที่เริ่มกระจายกลับก็ล้อมวงเข้ามาใหม่ ช่างชาวโปรตุเกสเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจและเริ่มได้ใจ การเคลื่อนไหวก็เริ่มไวขึ้น นำม้าอีกสองตัวมาผูกกับรถม้า
เสียงปรบมือดังและเสียงอุทานตกใจก็ดังขึ้น รวมทั้งชื่อเฮยและบรรดาช่างฝีมือก็เช่นกัน การกระทำเช่นนี้ของพวกต่างชาติ ไม่ใช่ล้ำเลิศเทวดาอันใด ไม่ใช่ความลับที่ไม่อาจบอกต่อ แต่ทุกคนกลับคิดไม่ถึง
บรรพบุรุษสืบทอดกันมาแต่ละรุ่น รถล้วนใช้ไม้แข็งเป็นคานเชื่อม แต่การทำเช่นนี้สามารถทำให้พวกสัตว์ได้ออกแรงอย่างเต็มที่ เพราะไม้แข็งเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ดังนั้นความยาวกับช่องว่างจึงมีจำกัด ปกติรถก็มักจะใช้ม้าหนึ่งหรือวัวหนึ่ง มากที่สุดก็สองตัว รถทางการล้วนใช้ม้าแปดตัวลาก แต่เพื่อให้ม้าเรียงแถวไม่ชนกัน รถม้าก็ต้องมาขนาดหน้ากว้างมาก มากที่สุดก็จะใช้ม้าแปดตัวเรียงเป็นสองแถว ไม่อาจเพิ่มสัตว์ลากเข้าไปอีกแล้ว และเพราะว่ามีขนาดใหญ่ ทางหลวงปกติจึงใช้ไม่ได้ จึงไม่อาจนำมาใช้การได้บ่อยนัก
**********
พวกชื่อเฮยดูอยู่นั้น พวกหวังทงอยู่ที่ค่าย กำลังดูปืนทองแดงสองกระบอกที่วางอยู่
ได้เห็นปากกระบอกปืนใหญ่ หวังทงรู้ว่าปืนกระบอกนี้กระสุนไม่ถึงสามชั่ง ปืนพวกนี้ย่อมปากกระบอกใหญ่เท่าไรก็ยิ่งมีอานุภาพ แต่ช่างชาวโปรตุเกส 50 คนกับเงินที่ใช้ไป 6,400 ตำลึง แรงงานช่างโรงตีเหล็กอีก 260 คนทำออกมาได้แค่นี้หรือ
หวังทงขมวดคิ้วมอง ช่างต่างชาติรีบเข้ามจัดการกับปืนใหญ่ เติมดินปืน หวังทงไม่พูดอันใด
เหรินย่วนกับช่างฝีมือจ้องมองเขม็ง ไม่นานก็เตรียมการเสร็จ จุดไฟยิง
‘ปัง’ ดังขึ้น ทุกอย่างไม่ต่างอันใดกับปกติ กระสุนตกพื้น มีช่างรีบวิ่งไปดู ไม่นานก็กลับมารายงาน
“กระสุนน้ำหนักเก้าเหลี่ยง[1] ยิงไกล 160 ก้าว!”
ได้ยินดังนั้น หวังทงก็อึ้งไป กระสุนปืนหนึ่งจิน อย่างมากก็ไปได้ไกลแค่ 110 ก้าว ต่างชาติพวกนี้ทำได้อย่างไร
ไม่รอให้หวังทงถาม เหรินย่วนก็ส่ายหน้าเดินเข้าไป คำนับก่อน จากนั้นก็กล่าวว่า
“ใต้เท้าหวัง หลายวันนี้ได้เปิดหูเปิดตาหลายสิ่ง หลายอย่างใช่ว่าไม่เป็น แต่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน ครั้งนี้ได้เห็นก็เข้าใจทันที เส้นผมบังภูเขาเป็นเช่นนี้เอง เส้นผมบังภูเขาจริงๆ !”
หวังทงยิ้มพยักหน้า ในยุคนี้ของตะวันตกกับตะวันออกยังต่างกันไม่เท่าไร ก็แค่แนวคิดต่างกันเท่านั้น แต่อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ระยะห่างก็จะค่อยๆ ห่างออก
———————-
[1] น้ำหนักแปดเหลี่ยง เท่ากับ ครึ่งจิน หนึ่งจิน เท่ากับ 500 กรัม