ตอนที่ 456 วางท่าทางใหญ่โต
ป้ายพกแสดงสถานะปักอยู่ที่พื้น มีคนเข้าไปตรวจสอบจริงๆ หลักฐานพวกนี้ใช่ว่าไม่มีผู้ใดทำปลอม แต่การตะโกนด้วยเสียงดังกังวาน หากทำปลอมมาย่อมไม่โง่เง่าเช่นนี้
จะว่าไป ผู้คนริมแม่น้ำต่างเห็นว่าแม้แต่ผู้ว่ายังถอยกลับเข้าเมืองไป กองขนส่งเกลือฉางหลูที่ใกล้กับชางโจวมีทหารรักษาการอยู่ ไม่ไปขอกำลังมาช่วย หากหดหัวกลับไปเช่นนี้ ก็พอบอกได้ว่าจริงหรือปลอมแล้ว
ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีความกล้าเยี่ยงนี้ บรรดาพ่อค้าเรือสินค้าจึงต่างยินยอมให้ความช่วยเหลือ พากันมอบเสบียงอาหารให้ และไม่รับเงินพวกถานกงแม้แต่น้อย ไปเทียนจินทำการค้าก็ล้วนมีใต้เท้าหวังคอยดูแล ยามนี้มอบน้ำใจให้กันไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ
นับประสาอันใดกับนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรอ้วนกลมผู้นั้นที่รู้งานอย่างมาก ผู้ใดมอบเสบียงอาหารให้ก็จะจดชื่อเอาไว้ ซักถามอย่างละเอียด ทุกคนไม่เก็บเงินก็เพราะทุกคนไม่คิดเก็บ แต่พวกทางนั้นกลับควักเงินออกมาจริงๆ เห็นชัดว่าไม่ใช่ว่ากล่าวแค่เพียงลมปาก
ในเมื่อมีพฤติกรรมแสดงออกเช่นนี้ ทุกคนต่างย่อมยินดีให้ความช่วยเหลือ เสบียงอาหารกินล้วนไม่ต้องการราคำสามเท่า และพวกอาหารเลี้ยงสัตว์ก็ยอมไปช่วยซื้อหามาให้ บนเรือไม่มีก็จะไปหาจากชาวบ้านบนฝั่ง
เงินสามเท่าผู้ใดไม่หวั่นไหว แต่ด้วยเกรงกลัวทางการอีกฝั่ง ชาวบ้านไหนเลยจะกล้าขายให้ แต่พอพ่อค้าบนเรือมาซื้อ ก็ย่อมไม่ต้องเกรงกลัวอันใด
ฟ้ายังไม่ทันมืดสนิท ถานกงกับพวกอีกสิบกว่าคนก็ได้กินอาหารร้อนๆ ม้าก็ได้กินอาหารเรียบร้อย
***********
ประตูเมืองชางโจวเปิดแง้มไว้ตลอด เจ้าหน้าที่และคนในจวนผู้ว่าต่างก็ไปแอบดูไม่หยุด จากนั้นก็กลับไปรายงาน พวกที่มาจากเทียนจินนั้นก็ดูมีเหตุผลอยู่ ไม่เข้าไปใกล้เกินไป ก็จะไม่ยกธนูขึ้นยิง
ได้ยินข่าวจากนอกเมืองมาราวกับสายน้ำ ผู้ว่าสวีกว่างกั๋วสีหน้าก็ยิ่งดำทะมึน พวกที่มาจากเทียนจินช่างไร้เหตุผล ไร้กฏหมายในสายตา
แต่จะลงมือโต้ก็ไม่กล้าพอ คนของตนที่พอต่อสู้เป็นอย่างเช่นมือปราบหลี่ก็เห็นอยู่ว่าเท้ายังพันผ้าหนาไว้หลายชั้น อย่างน้อยต้องสองเดือนจึงจะเดินได้ ก็หวังแต่ว่านายทหารกองพันเมืองฉางหลูจะยอมมาช่วย คิดถึงเรื่องนี้ สวีกว่างกั๋วก็ตบโต๊ะอย่างแรง
หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ตนควรจะให้เกียรตินายกองพันนั่นมากอีกหน่อย ปกติก็เอาแต่แบ่งแยก คิดถึงแต่เรื่องบุ๋นสูงกว่าบู๊อะไรนั่น พอถึงตอนนี้ ก็ได้ยินเสียงรายงานดังมาว่า
“นายท่าน พวกที่ไปดูลาดเลานอกเมืองกลับมาแล้ว”
เสียงดังมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก คนงานในบ้านสองคนวิ่งเหยาะๆ เข้ามา คำนับก่อนจะมีผู้หนึ่งกล่าวว่า
“เรียนนายท่าน นอกเมืองสิบกว่าคนนั้นนำม้าเข้าคอกพักแล้ว มีสองสามคนขึ้นไปนอนบนเรือ ประตูเมืองปิดแล้ว ข้าน้อยจึงมารายงาน”
ผู้ว่าชางโจวสวีกว่างกั๋วเงียบไปก่อนจะถามว่า
“ดูท่าพวกมันและม้าคงเหน็ดเหนื่อย ยามนี้เข้านอนพัก คิดว่าคงหละหลวมอยู่ มือปราบหลี่ คนของที่ทำการเรากับคนในจวนข้าก็น่าจะรวมกันได้สักร้อย ยามนี้บุกเข้าโจมตีตอนมันไม่ระวัง……”
เขาเป็นเพียงขุนนางบุ๋น การรบบนกระดาษก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน พูดไปก็มองมือปราบหลี่ไป มือปราบหลี่ย่อมเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายดี ได้แต่ยิ้มเฝื่อนส่ายหน้าตอบว่า
“พวกข้างนอกเมืองนั้นเกรงว่าฝึกมาจากกองกำลังทหาร อย่างไรคงต้องเป็นทหารในกองกำลังส่วนตัวของผู้ใดเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นจะมีฝีมือยิงธนูขี่ม้าขนาดนี้ได้อย่างไร พวกเราไปกัน เกรงว่าแค่โดนธนูดอกแรกก็คงกระจัดกระจายกันหมด”
สวีกว่างกั๋วส่ายหน้า เขาก็แค่ถามไปอย่างนั้น ก็ไม่ได้หวังอันใดมาก หันกลับไปทางคนงานอีกคน คนงานผู้นั้นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก กระซิบเบาๆ ว่า
“นายท่าน นายกองพันหลิวทางนั้นบอกว่าทหารไม่ดูแลเรื่องพวกนี้ ขอให้ใต้เท้ากับพวกนั้นหารือกันเอง”
“บัดซบ บัดซบ!!”
สวีกว่างกั๋วโมโหอย่างมาก บรรดาคนในห้องต่างก้มหน้านิ่ง นายกองพันไม่สนเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ไม่ได้ผลประโยชน์อันใดไปด้วย ไยต้องมาข้องเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้ด้วย
“นายท่าน นายกองพันหลิวอิ่มท้องจากกองขนส่งเกลือทางนั้นแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นทหารส่วนตัวของกองขนส่งเกลือ ยากจะเรียกใช้ ข้าน้อยจะลองไปดูพวกคหบดีตระกูลใหญ่จวนอื่น ข้าน้อยมีพี่น้องทำงานคุ้มครองจวนพวกนั้นไม่น้อย พวกนี้ปกติก็ฝึกฝนกันมาก เคยออกมาต่อสู้ก็มาก อย่างไรก็ดีกว่ารอนายกองพันหลิวพวกนั้น”
“รีบไป ๆ ……”
“นายท่าน ไม่มีผลประโยชน์ไม่ขยับ กล่าวกับนายท่านตามตรง ทางนั้นอย่างไรก็ต้องให้อะไรบ้าง”
มือปราบหลี่กล่าวอย่างลังเล สวีกว่างกั๋วครุ่นคิดอยู่นาน จึงได้ตบโต๊ะเสียงดังว่า
“วันหน้าพวกเขาขนสินค้า ทางเราจะไม่ถามไม่ไถ่สักคำ และยังสามารถจัดหาตำแหน่งงานให้ลูกหลานพวกเขาได้ทำกันอีกด้วย”
เมืองชางโจวใกล้กับกองขนส่งเกลือฉางหลู พวกตระกูลใหญ่กับพวกลักลอบขนเกลือย่อมมีความสัมพันธ์กันไม่น้อย งานสืบคดีตรวจสอบพวกนี้ก็เป็นงานของผู้ว่า แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจแล้ว จัดการให้ลูกหลานได้ปฏิบัติงาน ก็เท่ากับแบ่งปันอำนาจ ให้พวกคหบดีในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม อย่างไรก็ไม่อาจสนใจอันใดอีกแล้ว
ขอเพียงขับไล่พวกจากเทียนจินไปได้ ตั้งด่านนี้ขึ้นให้ได้ก่อน จากนั้นทุกอย่างย่อมสามารถเจรจากันได้ ตอนนี้สถานการณ์ต้องแบ่งปันอำนาจเช่นนี้อย่างไรก็ต้องกัดฟันให้ไปแล้ว
ได้ยินสวีกว่างกั๋วกล่าวเช่นนี้ มือปราบหลี่ที่มีผู้ประคองอยู่ก็รับคำทันที รีบให้คนประคองออกไป ผู้ว่าสวีกว่างกั๋วแห่งเมืองชางโจวเห็นเช่นนี้แล้วก็อดแอบสบถด่าในใจไม่ได้ ตนเองมาถึงเมืองชางโจวก็สืบคดีอย่างใกล้ชิด ไม่แน่ว่าพวกคหบดีในพื้นที่คอยจังหวะนี้อยู่ มือปราบหลี่เป็นคนในพื้นที่ อยู่ฝั่งไหนก็ยังไม่แน่ แต่เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ก็ไม่อาจสนใจเรื่องอื่นใดอีกแล้ว
***************
ฟ้ามืดแล้ว ยามนี้กลางวันจะร้อน กลางคืนจึงจะเย็นเล็กน้อย นอนโดยไร้ผ้าห่มสักคืนก็ย่อมไม่เป็นหวัด ถานกงกับพวกก็ย่อมไม่ต้องกังวลกับการนอนพัก
เรือที่เตรียมไว้เป็นด่านภาษีก็พอดีมีเตียงและเครื่องนอนพร้อม ตอนบ่ายขับไล่พวกนั้นไปแล้วก็แบ่งเวรกัน คนที่เหลือไปนอน มีเพียงหังต้าเฉียวที่ต้องทำสงครามกับเปลือกตา ห้ามปิด พยายามเดินไปเดินมา
มองบรรดาโคมไฟที่แขวนบนหัวท้ายเรือ ประตูเมืองชางโจวปิดลง เห็นโคมไฟสูงที่ประตูเมือง พวกนอกเมืองก็มีโคมไฟกันประปราย แม้ว่าไร้แสงจันทร์ แต่ก็ไม่ถึงกับมืดสนิท
เดิมก็เหน็ดเหนื่อยอย่างมากแล้ว ทุกคนจึงหลับสนิท คิดไม่ถึงว่าประตูเมืองปิดลง ฟ้ามืดลง กลับนอนไม่หลับ ก็ไม่ใช่ว่าระแวดระวังอันใด แต่เป็นเพราะมีพวกพ่อค้ามาทำการค้าไม่น้อย
เงินสามเท่าค่าเสบียงอาหาร ทุกคนล้วนได้ยินกับหู กลางวันไม่กล้า กลางคืนมืดแล้ว พวกที่หัวไวก็เอาสินค้ามาค้าขาย
เริ่มแรกทำเอาพวกถานกงตกใจใหญ่ จะให้พวกเขายิงธนูใส่ชาวบ้านก็ทำไม่ลง แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย ได้แต่ฝืนใจลุกขึ้นมา เตรียมรับมืออย่างระวัง
อาหารพอกินแล้ว ถึงกับมีคนถามว่าจะเอาน้ำซุปหรือไม่ แต่ถานเจี้ยนกลับซื้อแค่ข้าวสาลี ม้าใช้งานเกินกำลังไปแล้ว คืนนี้ต้องใช้ข้าวสาลีบำรุงกำลังธาตุเสียหน่อย
ทุกคนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ามาก มีเพียงหังต้าเฉียวที่นอนไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็รีบลุก ไปที่แม่น้ำตะโกนเรียกเรือเล็กข้ามไปอีกฝั่ง
“หากนายกองร้อยหังอยู่ พวกเราคงไม่ต้องมารับมือพวกวุ่นวายนี่”
มีองครักษ์เสื้อแพรนายหนึ่งกำลังบ่นอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากริมแม่น้ำ
“ในพวกเจ้านี่มีคนของผู้ว่าปะปน หากยังโวยวายอีก พรุ่งนี้จะจับพวกเจ้าทุกคนเข้าคุก……”
วาจานี้กล่าวออกมา ไม่เพียงแต่พวกถานกงที่ชักดาบออกมา ชาวบ้านที่ล้อมอยู่ก็กระจัดกระจายไปคนละทาง พากันเงียบกริบไปทันที กำลังระแวดระวังอยู่นั่นเอง เรือน้อยลำหนึ่งก็เทียบท่า หังต้าเฉียวยิ้มร่าเดินขึ้นฝั่ง เอ่ยว่า
“ชาวบ้านพวกนี้ เจ้าทำตัวดีด้วยก็จะไร้ระเบียบ ข่มขู่ไปสักหน่อย ก็จะสงบเสงี่ยมทันที”
หังต้าเฉียวแม้ว่าเหน็ดเหนื่อย แต่สีหน้าก็ยังเปล่งประกาย กิจการที่เทียนจินเจริญรุ่งเรือง เพราะการที่เขาหดหัวด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นหลายเรื่องทำให้นับวันก็ยิ่งถูกขับออกไปชายขอบ เห็นๆ อยู่ว่าเบื้องหน้าคือทรัพย์สินเงินทอง กลับต้องมองดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ยากจะรับได้เสียจริง
กว่าจะมีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ ใต้เท้าหวังเลือกคนมาทำงานไปมาเลือกเอาตนเข้า หังต้าเฉียวตั้งแต่มาถึงตอนนี้ก็กัดฟันตัดสินใจว่า จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดี ต้องทำให้ใต้เท้าเห็นตนอยู่ในสายตาให้ได้
ได้ยินวาจาเขา ทุกคนก็หัวเราะฮาขึ้นพร้อมกัน บรรยากาศผ่อนคลาย ถานกงส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า
“เห็นพวกเมืองชางโจวตอนกลางวันนั่น คิดว่ากลางคืนคงไม่กล้ามาลอบโจมตี เกรงก็แต่นายกองพันนั่นจะนำกำลังมาเท่านั้น”
“พี่ถานไม่ต้องกังวล ผู้ว่าหากต้องการเคลื่อนกำลังก็ต้องไปร้องขอ นับประสาอันใดกับเราที่แสดงสถานะชัดเจนแล้ว ผู้ใดอยากมีเรื่องกับพวกเราด้วยเรื่องของพื้นที่อื่นกัน นายกองพันนั่นไม่ยุ่งหรอก”
เรื่องพวกนี้หังต้าเฉียวรู้ดี เขาหันกลับไปมอบเงินให้คนเรือ คนเรือผู้นั้นขอบคุณแล้วก็จากไป หังต้าเฉียวเดินไปที่ข้างเรือ คว้าเอาขนมเปี๊ยะย่างที่เพิ่งซื้อมากัดไปพูดไปว่า
“ผู้ว่านั่นส่งคนไปขอกำลังจากคหบดีทั้งในและนอกเมืองให้ส่งคนมาช่วย พรุ่งนี้กะมาไล่พวกเรา เดิมก็คิดว่าจะหาคนมาช่วยหาเรื่องให้ใหญ่โต คิดไม่ถึงว่าจะได้ข่าวนี้มาแทน ยุ่งยากไม่น้อย”
ถานเจี้ยนพิงอยู่กาบเรือ กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“เป็นเรื่องยุ่งยากจริง คืนนี้ทุกคนอย่าลืมว่าต้องเลี้ยงม้าให้อิ่ม พรุ่งนี้หากมีคนมาจริง พวกเราจะหนีไปสู้ไป ยื้อไว้จนกว่าทัพม้าจะมาถึง”
“เมืองชางโจวมีโรงบ้านไม่น้อย ได้ยินมาว่า จะหาคนสักพันไม่ยาก ที่นั่นมีม้าร้อยกว่าได้ มือธนูหลายสิบก็พอมี”
หังต้าเฉียวพูดไปกินไป ทุกคนสีหน้านิ่ง ที่มานี้ล้วนฝีมือดี ย่อมไม่เกรงกลัวพวกนกกาในพื้นที่ แต่คนมากเช่นนี้ก็ย่อมยุ่งยาก
“นายกองร้อยหัง คืนนี้ไปซื้อม้าสักสองสามตัวให้หน่อยได้ไหม ม้าพวกเราวิ่งไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ถานกงทาน้ำมันให้สายธนูไปก็พูดไป ถานเจี้ยนเดิมกำลังคาบหญ้าแห้งหอยู่ก็ถ่มทิ้งลงพื้น รับคำว่า
“เดิมคิดว่ามาดูลาดเลา คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องให้ลงมือเช่นนี้ ทุกคนเข้านอนกันเร็วหน่อย พรุ่งนี้ตื่นเช้า”
นี่เข้าสู่สถานการณ์สู้รบแล้ว ทุกคนรับคำอย่างหนักแน่น หังต้าเฉียวกลืนอาหารลงท้อง เอ่ยว่า
“เรื่องของทางการ พวกนั้นไม่กล้าลงมือ……”
กล่าวไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงทหารผู้หนึ่งตะโกนดังว่า
“กลัวพวกมันทำไม ล้วนเป็นเพียงนกกาไร้สามารถ”