ตอนที่ 470 เรื่องราวของต่งช่วงสี่
“คือว่า……นี่คือจดหมายของอิ๋วชี……”
“เห็นหวังทงมองจดหมายอย่างไม่สนใจโยนลงกับพื้น ต่งช่วงสี่ก็เบิกตามองค้างอยู่นาน น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวกับหวังทง สีหน้าเขาราวกับไม่อยากจะเชื่อ
นี่เป็นอิ๋วชี คนสนิทข้างกายท่านจางที่ไว้ใจที่สุด ขุนนางเมืองหลวงทุกคนต่างให้ความเคารพยำเกรง ขุนนางหน่วยงานไหนบ้างไม่ใช่เช่นนี้
ล่วงเกินอิ๋วชีก็เท่ากับล่วงเกินท่านจาง ตอนนั้นที่เฝิงโหย่วหนิงหลานเฝิงเป่ามีเรื่องกับอิ๋วชี ท่านจางมีจดหมายไปหนึ่งฉบับ เฝิงโหย่วหนิงก็ถูกลงแส้ไปครั้งนั้น หลายปีมานี้คนของอิ๋วชีไม่รู้ว่ามีมากมายเท่าใดที่ได้ตำแหน่งร่ำรวยกันไป แต่ก็มีที่ถูกอิ๋วชีปลดลดตำแหน่งไม่น้อย
คนระดับเรียกลมฝนได้เช่นนี้ มีจดหมายมาให้หวังทงกลับโยนลงพื้น ต่งช่วงสี่รู้สึกมึนงงไปหมด
“อิ๋วชีหน่วยงานไหนกัน? ข้าไม่รู้จัก!”
หลังจากโยนจดหมายลงพื้น ก็หันกลับไปนั่งที่เดิม แค่นยิ้มถามกลับ ต่งช่วงสี่อึ้งไปนาน ก่อนจะคุกเข่าลง หมอบคุกเข่าอยู่ที่พื้น คลานเข่าเข้าไป ร้องไห้เสียงดังขอร้องว่า
“ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าหวัง ช่วยชีวิตด้วย ช่วยชีวิตครอบครัวข้าอีกหลายชีวิตด้วย!”
“ไม่ทราบว่าครอบครัวใต้เท้าตอนนี้อยู่ที่ใด?”
“อยู่ที่เมืองจี่หนาน……”
“ขอให้ช่วยชีวิต ยังขอให้ช่วยชีวิตทั้งครอบครัว เจ้าไปที่เมืองหลวงพบท่านจางก่อน แล้วค่อยมาเทียนจินพบข้า เจ้าเสียเวลาไปมากมายเพียงนี้ ไหนเลยจะเหมือนว่าชีวิตคนครอบครัวเข้ากำลังรอคนช่วย ฟ้าใกล้มืดแล้ว ขอเชิญกลับไปได้แล้ว!”
ยามนี้ห่างจากเวลาอาหารกลางวันอีกตั้งหนึ่งชั่วยาม เรียกได้ว่าห่างไกลจากฟ้ามืดมาก หวังทงไม่สนใจ เอ่ยปากบอกคนด้านนอกว่า
“ไปตามทหารต่างชาติพวกนั้นมา ข้าจะรอพบที่เรือนรับรองด้านข้าง!”
คนด้านนอกรับคำ หวังทงเปิดประตูออก ต่งช่วงสี่ก็ถลาเข้ามาดึงขาหวังทงเอาไว้ ส่งเสียงร้องไห้ดังลั่นว่า
“ครั้งนี้ข้าน้อยแอบหลบหนีออกมาจากเมืองจี่หนาน ครอบครัวข้าปิดประตูไม่ออกมาทำเป็นว่าข้าน้อยยังอยู่ในจวน ทางนั้นปล่อยข่าวแล้วว่า กลางเดือนแปดจะสังหารครอบครัวข้าน้อย ขอใต้เท้าหวังโปรดยื่นมือเข้าช่วย ช่วยข้าน้อยด้วย ช่วยชีวิตครอบครัวข้าน้อยด้วย ใต้เท้าต้องการสิ่งใด ข้าน้อยแม้จะต้องตายก็จะทำให้ใต้เท้าให้ได้!”
พลทหารปรากฎตัวอยู่หน้าประตู หวังทงโบกมือ ทหารคำนับล่าถอยออกไปพร้อมคว้าประตูปิดลง ต่งช่วงสี่รู้สึกว่าหวังทงหยุดก้าว จึงได้คลายมือออกโขกศีรษะไม่หยุด
มีประโยคสุดท้าย ทำให้เป้าหมายที่หวังทงต้องการบรรลุ แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกใจ เป็นผู้ใดกันแน่ที่ถึงกับกล้าคุกคามนายกองพันองครักษ์เสื้อแพร เหิมเกริมเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกสนใจยิ่งนัก
“ใต้เท้าต่งเรียกตัวเองว่าข้าน้อยได้อย่างไร รีบลุกขึ้นๆ ทำเช่นนี้ใช่ว่าทำให้ข้าอายุสั้นหรอกหรือ?”
หวังทงยื่นมือไปประคองให้ลุกขึ้น ต่งช่วงสี่ครั้งนี้อยู่ในฐานะผู้ขอร้องอย่างแท้จริง ลุกขึ้นมาก็กล่าวว่า
“ใต้เท้าหวังเป็นขุนนางในวัง ตำแหน่งก็เทียบเท่ากับที่ปรึกษาทางทหาร เป็นผู้บังคับบัญชาข้าน้อย ควรทำเช่นนี้ๆ !”
หวังทงยิ้มพยักหน้า หากไม่โต้แย้งเขา ได้แต่นั่งลงกล่าวว่า
“หลายวันก่อน ที่ไห่โจวมีพ่อค้าผู้หนึ่งประสบเหตุใกล้กับเมืองชิงโจว จากนั้นก็เข้าเทียบท่าซ่อมเรือจึงได้สามารถแล่นต่อมาที่เทียนจินได้ ข้าคิดไม่ถึงว่าที่ซานตงจะมีช่างซ่อมเรือด้วย ตอนนี้เทียนจินอาศัยเรือทำการค้า ความต้องการเรื่องเรื่อมีไม่น้อย ยังต้องขอให้ใต้เท้าต่งช่วยหาด้วย”
แม้ว่าเมื่อครู่จะคุกเข่าร้องไห้ขอร้อง แต่พอหวังทงกล่าวข้อเรียกร้องเช่นนี้ ต่งช่วงสี่ก็ยังเผยสีหน้าลำบากใจ สีหน้านี้หวังทงเองก็มองเห็นอยู่ จึงรีบยิ้มกล่าวว่า
“ใต้เท้าต่งกำลังตกอยู่ในภาวะลำบาก ข้าเองก็ไม่อยากบังคับ!”
ขอให้คนช่วยชีวิต อีกฝ่ายมีข้อเสนอกลับไม่อาจทำให้ได้ ก็ย่อมไม่มีเรื่องต้องคุยกันต่อ เห็นสีหน้าต่งช่วงสี่แปรเปลี่ยน สุดท้ายก็กัดฟันกล่าวว่า
“ที่นั่นจะไปยากอันใด เรื่องนี้ข้ารับหน้าที่ช่วยใต้เท้าจัดการเอง!”
“เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว ยังต้องขอให้ใต้เท้าต่งช่วยเล่าว่าโจรใจกล้าผู้ใดกัน เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่จึงได้มีความแค้นใหญ่หลวงเช่นนี้กับใต้เท้าต่งได้?”
*************
คิดให้อีกฝ่ายออกหน้าช่วยเหลือ ที่มาที่ไปก็ต้องเล่าให้กระจ่าง ที่ทำให้หวังทงคิดไม่ถึงก็คือ ต่งช่วงสีมีสีหน้าลำบากใจยิ่งกว่าตอนบอกว่าจะหาช่างเรือเสียอีก ทว่าอย่างไรก็ยังคงเล่าออกมา
“ปีก่อนข้าไปเดินเล่นในตลาด เดินไปถึงที่แห่งหนึ่ง ก็มีของตกมาจากด้านบน กุมหัวเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหญิงนางหนึ่ง……”
เรื่องราวมิได้ซับซ้อน ต่งช่วงสี่ไปเดินเล่นในตลาด ช่างเป็นเหตุบังเอิญให้พบกับราวตากผ้าของครอบครัวหนึ่งตกใส่ เห็นว่าเป็นหญิงออกเรือนแล้วหน้ำตาดี
ในเมื่อบอกว่าเป็นหญิงออกเรือนแล้ว ก็ย่อมมีสามี แต่ต่งช่วงสี่ก็ยังเจ้าชู้ ด้วยเป็นถึงนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่ซานตง นับเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ในซานตง ดูแลพื้นที่ที่นี่ จึงได้เสวนาพาทีสร้างสัมพันธ์กับหญิงผู้นั้น
สามีหญิงผู้นั้นย่อมทนอับอายไม่ไหว เรื่องว่านายกองพันต่งได้ทำอะไรลงไปหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่หญิงผู้นั้นนำหนังสือหย่ามาได้ ไม่ถึงสองเดือนก็แต่งเข้าตระกูลต่ง
ในจวนต่งช่วงสี่เองก็มีสตรีนางเล็กๆ หน้ำตาดีหลายคนอยู่แล้ว ภรรยาแต่งสุขภาพอ่อนแอ หญิงที่แต่งมาใหม่ก็มีโชคไม่เบา อุบายก็มีไม่น้อย พอเข้ามาในจวนต่งได้ไม่กี่เดือน ภรรยาแต่งต่งช่วงสี่ก็ป่วยจากไป ไปๆ มาๆ สตรีผู้นั้นก็ได้เป็นภรรยาเอกคนใหม่
ที่แท้ตอนเป็นน้อยเงียบสงบ ตอนนี้เป็นเอกของนายกองพันองครักษ์เสื้อแพร ในเมืองจี่หนาน หรือเรียกได้ว่าทั้งเมืองและเมืองละแวกนั้นล้วนรู้เรื่องนี้ดี
เดิมสามีสตรีผู้นั้นก็ได้แต่กล้ำกลืนความอับอายเอาไว้ แต่พอเรื่องแดงขึ้น ไม่นานก็กลายเป็นเรื่องขบขันไปทั่วเมือง ผู้ใดผ่านหน้าบ้านก็จะชี้กันวิพากษ์วิจารณ์
ในตระกูลมีสตรีหน้ำตางดงามก็ไม่ใช่เรื่องปกติของชาวบ้าน ครอบครัวสามีนางเปิดร้านรังนก มีร้านค้านอกเมืองเป็นรถเคลื่อนที่ ก็นับว่าพอมีหน้ามีตา เรื่องยังไม่แพร่ออกไปก็ยังทนได้ แต่พอเรื่องแพร่กระจายขึ้นมาก็ไม่อาจนิ่งต่อไปได้
สามีสตรีผู้นี้แซ่อู๋ ตระกูลอู๋ขายร้านทั้งหมดในเมืองและนอกเมือง ย้ายออกจากจี่หนานไป หากเรื่องไม่ได้ยุติเช่นนี้นายกองพันต่งทำการค้ายาสมุนไพร ก็มักจะมีเงินเข้าออก แต่เงินที่ส่งมาจากเติงโจว ไหลโจวและชิงโจวสามเมืองนี้กลับถูกปล้นระหว่างทางมาจี่หนานกันติดต่อกันหลายครั้ง
ในเมื่อมีคนกล้าแตะต้องเงินทองนายกองพันองครักษ์เสื้อแพร ขุนนางท้องที่ก็รีบเข้ามาสอบสวน แต่ผู้ที่ลงมือ ว่องไว ไปมาไร้ร่องรอย สืบไม่พบร่องรอยอันใด
ต่อมาต่งช่วงสี่ก็ใช้กำลังองครักษ์เสื้อแพรออกสืบข่าวได้มาว่า ผู้ที่ลงมือปล้นก็คือคนตระกูลอู๋ ก่อนที่ตระกูลอู๋จะเข้ามาทำการค้าในเมืองนั้น เคยเป็นนักเลงที่เชิงเขามาก่อน ว่ากันว่ามีส่วนในเรื่องเกลือเถื่อนด้วย คนระดับนี้ก็ต้องระดับโจรใหญ่ในพื้นที่ เป็นพวกชำนาญการใช้อาวุธต่อสู้
แค้นแย่งชิงคนและเงินทองยังไม่สู้แย่งชิงภรรยา ทว่าต่งช่วงสี่ครั้งนี้ก็ไม่นับว่าแย่งชิง อย่างไรก็ให้ทางการออกหนังสือหย่าให้ก่อน จากนั้นค่อยแต่งเข้า แต่ตระกูลอู๋ครั้งนี้เรียกได้ว่าแย่งชิงและยังแย่งชิงแบบผิดกฎหมายด้วย ตอนนั้นไปแจ้งทางการ ออกหมายจับเริ่มต่อสู้กันเอาเป็นเอาตาย
ตระกูลอู๋เป็นนักเลงเจ้าถิ่น และยังเป็นพวกค้าเกลือเถื่อน มีการค้ารถม้าอีกด้วย ย่อมมีสายสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตในพื้นที่ต่างๆ ดังนั้นจึงมีคนคอยให้ความช่วยเหลือ แจ้งข่าวให้รู้ตลอด นับประสาอันใดกับนายกองพันต่งช่วงสี่ที่มีหน้าที่คอยจับตาการทำงานของขุนนางให้ท้องที่ทั้งหมด ทุกคนจึงไม่อยากจะสนใจ แค่ทำพอเป็นพิธีไปกันเท่านั้น
ทางการไม่ยุ่ง ตระกูลอู๋ก็เริ่มเหิมเกริม เงินจากการค้ายาสมุนไพรตระกูลต่งจากที่ต่างๆ ส่งมาไม่ถึง ก็ได้แต่เก็บไว้ที่เดิมก่อน เรื่องมีคนละโลบเอาไปไม่ต้องพูดถึง เงินทองเสียหายไม่ว่า ที่เมืองตงชางมีสองร้านถึงกับถูกวางเพลิงในยามค่ำคืน
นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรผู้มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ถูกโจรรังแกเช่นนี้ เดิมก็เป็นเรื่องน่าขายหน้าทั่วหล้าแล้ว ที่ซานตงมีคนรอหัวเราะเยาะมากมาย ไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้าช่วย
ตำแหน่งต่งช่วงสี่นี้ใช้เงินซื้อมา มีเวลาวางอำนาจได้ไม่กี่ปี ล่วงเกินคนที่ซานตงไปไม่น้อย ไม่มีผู้ใดช่วยไม่ว่า สถานการณ์ยังกลับยิ่งเลวร้ายลง
ไม่รู้ว่าเริ่มจากตอนไหนที่มีข่าวลือว่าต่งช่วงสี่ร่วมมือกับสตรีแซ่อู๋วางยา สุดท้ายจับคนเข้าคุกไม่ว่า ยังแย่งชิงทรัพย์สมบัติไปครอบครองอีกด้วย
ในหมู่ชาวบ้าน ข่าวลือพวกนี้ลามเร็วที่สุด ยิ่งแพร่ยิ่งห่างไกลความจริง ตามตรอกตามซอยไม่ว่า หากในวงการขุนนางก็ยังมีลือออกไปด้วย
คำวิจารณ์นับวันยิ่งไม่เป็นผลดีต่อต่งช่วงสี่ คนงานที่เคยรับใช้อยู่ส่งออกไปก็ตามหาอีกฝ่ายไม่พบ หลายครั้งถูกอีกฝ่ายซุ่มโจมตีกลับมา เสียหายหนักมาก
ไม่รู้จะทำเช่นไร ต่งช่วงสี่ได้แต่ไปขอให้ราชาไตรธาราออกหน้า โจรสลัดซานตงก็ยังพอมีการติดต่อกับพวกบนผืนแผ่นดิน เสิ่นหวั่งออกหน้า ผู้ใดก็ย่อมไว้หน้า จึงได้สงบลงชั่วระยะเวลาหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่า เดือนสี่ปีนี้ น้องชายของชายตระกูลอู๋ผู้นั้นกลับจากเหอหนานมา อู๋เหล่าเอ้อร์ผู้นี้เพิ่งติดคุกจากเหอหนานมาได้สามปี วันนี้ถูกปล่อยตัวกลับมา
อู๋เหล่าเอ้อร์ผู้นี้ไม่ธรรมดา มีสายสัมพันธ์ดีกับพวกโจรบนหลังม้าหลายกลุ่ม พอกลับมาก็ปล่อยข่าว ต่งช่วงสี่ล่วงเกินตระกูลอู๋ เขาพี่น้องจะต้องล้างอายนี้ให้ได้
พอเขากล่าวเช่นนี้ แม้แต่หน้ำตาเสิ่นหวั่งเองก็ใช้ไม่ได้เสียแล้ว กิจการตระกูลต่งในซานตงถูกกวาดล้างหมด ไปขอความช่วยเหลือที่ทำการไหน อีกฝ่ายก็ไม่รับเรื่อง
เห็นสถานการณ์ยิ่งรุนแรง ไม่มีคนสนใจ ว่ากันว่าอู๋เหล่าเอ้อร์ปล่อยข่าวมาว่ากลางเดือนแปดจะกว้างล้างทั้งตระกูลอู๋ให้สิ้น ต่งช่วงสี่จึงได้ลักลอบออกจากเมืองมาขอความช่วยเหลือ
แต่ในเมืองหลวง ก็ไม่อาจกล่าวให้กระจ่าง เพราะนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรถูกโจรข่มขู่จนเป็นเช่นนี้ กล่าวออกไปแม้แต่ตำแหน่งก็ยากจะคงอยู่ โจรกระจอกที่ซานตงเหตุใดนายกองพันระดับนี้จึงต้องมาขอความช่วยเหลือ ที่ซานตงจัดการไม่ได้หรืออย่างไร จึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ……
เรื่องนี้ไปๆ มาๆ ก็มาถึงมือหวังทง
***********
“ใต้เท้าต่ง……ท่าน……ท่านก็ช่าง……ข้าไม่รู้จะพูดยังไงดี……”
เรื่องราวที่เล่ามามีจุดหักเหมากมาย แต่ต่งช่วงสี่ก็ทำให้หวังทงถึงกับหมดอารมณ์จะสนใจเหมือนกัน นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรตกต่ำถึงขั้นนี้ได้ ช่างหาได้ยากเสียจริง