ตอนที่ 478 ทหารทางการสังหารโจรราวสังหารสุนัข
“เวรยามประจำประตูดื่มมากไป พากันหลับไปแล้ว……นายท่าน ข้างหน้าก็คือจวนไก้แล้วขอรับ!”
มีคนนำทางเข้าไป วิ่งอยู่ด้านหน้า หันมามองเป็นระยะ ในใจคิดว่าพวกที่มาจากต่างถิ่นพวกนี้ปฏิบัติการช่างไม่รอบคอบเสียจริง เหตุใดจึงส่งเสียงฝีเท้าดังกันเช่นนี้ หากทำให้พวกนั้นรู้ตัวจะทำอย่างไร?
เสียงสุนัขเห่ากันเกรียวกราด วิ่งมาตามทาง สองข้างทางเดิมเป็นบ้านเรือนที่เงียบสงบก็เริ่มมีเสียงเคลื่อนไหว คนในหมู่บ้านเริ่มตกใจตื่นกันแล้ว
หมู่บ้านเยี่ยนโถวไม่เล็ก แต่พวกหวังทงบุกเข้ามาทางประตูที่ใกล้กับจวนไก้ที่สุด ขณะที่พูดกันอยู่ก็มาถึงหน้าประตูแล้ว คนนำทางยังไม่ทันได้กล่าวอันใด ก็ถูกคนด้านหลังผลักออกไปด้านข้าง
ไม่ได้เตรียมตัวอันใด คนด้านหน้ากระจายออกด้านข้าง คนด้านหลังสิบกว่าคนก็อุ้มมัดท่อนไม้ชนประตูใหญ่ มัดหนึ่งมีสิบกว่าท่อนมัดรวมกัน ด้านหน้าแหลมคม
‘โครม!!’ เสียงดังสนั่น ประตูใหญ่ถูกกระแทกเป็นรูกว้าง หมู่บ้านเดิมที่มีกำแพงสูงและคูเมืองลึก จวนตระกูลไก้จึงไม่ได้มีการป้องกันที่ดีเท่าไร
จะว่าไป สถานที่เช่นนี้ ร่ำรวยเช่นตระกูลไก้มีกำแพงสูงประตูหนาเช่นนี้ก็นับว่าป้องกันได้อย่างไม่เลวแล้ว หากมีคนมาโจมตีจริง ประตูใหญ่ก็ย่อมใช้ไม้ใหญ่มาค้ำยันไว้ได้
แต่คืนนี้ พวกเขาจะทันระวังป้องกันได้อย่างไร มีเพียงขัดกลอนไม้เอาไว้เท่านั้น พวกหวังทงไม่ได้คิดจะกลบซ่อนร่องรอยแต่อย่างใด พากันตะโกนดังรวมแรงกันกระแทกเข้าใส่
ครั้งที่สองก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่ดัง ‘ปัง’ กลอนประตูหักแล้ว ประตูใหญ่เปิดกว้าง คนที่พังประตูโยนไม้ในมือทิ้งยกโล่ขึ้นป้องกันกรูกันเข้าไป
“พี่น้องทั้งหลาย ที่นี่คือจวนของท่านเทพไก้……”
“ทางการปฏิบัติหน้าที่ พวกไม่เกี่ยวข้อง ขวางทางสังหารทันที!”
พวกหวังทงบุกเข้าจวนไป คนงานในบ้านที่ยังสวมเสื้อผ้าไม่เสร็จดี สิบกว่าคนคว้าอาวุธออกมาร้องตะโกนเสียงดัง ไหนเลยจะมีที่ให้พวกเขาได้ตั้งตัว ถานกงข้างๆ ยิงธนูใส่ทันที เสียงคนผู้หนึ่งร้องโหยหวน คนที่เหลือนิ่งค้างกันไปหมด เห็นแต่พวกชายฉกรรจ์ในชุดสีเข้มกรูกันเข้ามา
ได้ยินคำว่า ‘ทางการ’ คำนี้ คนงานสิบกว่าคนนั้นก็อึ้งไป มีสามคนหันหลังวิ่งหนีทันที จะหนีไปไหนได้ คนหนึ่งถูกธนูยิงล้ม อีกสองคนก็ถูกล้มทับไปด้วย
“บุกเข้าไป บุกเข้าไป นี่คือรังโจร ไม่ยอมวางอาวุธ ประหารทันที!!”
หวังทงตะโกนดังหลายคำ ในมือก็ตวัดดาบโบกไปให้บุกขึ้นหน้า คนด้านหลังก็คว้าเอาคบไฟหน้าจวนตระกูลไก้ออกมา ก่อนจะคว้าโคมไฟที่แขวนอยู่เปิดออก แล้วเริ่มจุดคบไฟต่อๆ กัน
คนที่มาจากเทียนจินแบ่ง 10 คนเป็นหนึ่งกลุ่มย่อย พวกทวนยาวอาวุธสั้นรวมกันเข้าค้นแต่ละห้อง ด้านหน้าและหลังหวังทงมีทหารประจำตัวล้อมเอาไว้หมด หวังทงเดินเข้าในห้องโถงกลาง
ตระกูลไก้คิดไม่ถึงว่ายามดึกเช่นนี้จะมีคนบุกเข้าสังหาร ไม่ได้ป้องกันระวังแม้แต่น้อย หลายคนเพิ่งคลานออกจากผ้าห่ม แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่มี เห็นอีกฝ่ายบุกมาพร้อมอาวุธทั้งสั้นและยาว ผู้ใดจะกล้าขวาง ได้แต่ยอมมอบตัวแต่โดยดี
แต่ก็มีพวกได้สติไว้ ตอนที่คนบุกเข้ามาก็คว้าเอาอาวุธไว้ได้ แต่คนเช่นนี้กลับมีจุดจบน่าอนาถกว่า ยังไม่ทันได้กวัดแกว่งอาวุธ ก็ถูกทวนยาวแทงเข้าหลายรูแล้ว
พวกที่ถูกคุมตัวไว้นั้น ผู้นายก็ถูกให้ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดก่อนจะขับไล่ให้ออกไปด้านหน้าจวน ข้างหน้ามีทหารสิบนายเฝ้าอยู่ การรับมือกับพวกไร้อาวุธและตัวเปล่าเล่าเปลือยเช่นนี้ มากเท่าไรก็ไหว
***********
“ขุนนางสุนัขที่ไหนกัน ศาลจี่หนานจะจับนายท่าน นายท่านไม่รู้ได้อย่างไร!”
หวังทงเดินเข้ามาในเรือนชั้นสอง ก็มีคนมาขวางด้านหน้า ชายเปลือยท่อนบนสิบกว่าคนถืออาวุธมีดดาบกรูกันออกมา จับจ้องมองเบื้องหน้าอย่างดุร้าย ข้างหวังทงมี 12 คน อีกฝ่ายมากกว่า 15 คน หวังทงมีทั้งเด็กหนุ่มและวัยกลางคน อีกฝ่ายล้วนเป็นชายฉกรรจ์กำยำ ผู้ที่ถูกเรียกว่านายท่านนั้นยิ่งวางท่าทางใหญ่โตยิ่ง
ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ไม่มีวาจามารยาทอันใดให้กล่าวกันมากความ กล่าวเพิ่งจบ ชายอีกฝ่ายก็ชูอาวุธขึ้นคำรามดังกรูกันเข้ามา
“ดูท่าแล้วเจ้าก็คือไก้เถี่ยถ่าสินะ!”
หวังทงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ยกปืนสั้นในมือขึ้นไกพร้อม
ตอนเข้ามาในลานที่ทุกคนจัดขบวนอยู่ก็ได้เปลี่ยนเชือกไฟไว้แล้ว ยามนี้ยังมีเวลาอีกนาน เชือกไฟเป็นชนวนเผาไหม้ดินปืน เสียง ‘ปัง’ ดังลั่น ระยะห่างสองฝ่ายสิบกว่าก้าวเท่านั้น ชายท่าทางไม่เกรงกลัวผู้ใดล้มลง เหมือนว่ามีคนใช้ฆ้อนใหญ่ทุบศีรษะอย่างแรง กระเด็นถอยไปด้านหลังอย่างแรง ถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะหงายหลังตึงลงกับพื้น
ทหารรอบกายหวังทงห้าคนตั้งสติได้ก่อนผู้ใด จัดวางทวนสั้นในแนวราบพุ่งไปด้านหน้าแล้ว ก่อนจะบุกเข้าใส่ พวกอาวุธสั้นอย่างไรก็ความยาวไม่พอ เห็นทวนสั้นแทงเข้าใส่ด้านหน้า อาวุธสั้นในมือก็ไม่อาจเอื้อมถึงอีกฝ่าย
ไม่ต้องพูดถึง พวกถานกงข้างหวังทงพวกนี้ก็ยิ่งมีฝีมือการยุทธ์เก่งกล้า สองฝ่ายปะทะกัน เวลาไม่นาน ตระกูลไก้ก็เหลือเพียงแค่สิบคน อีกฝ่ายแม้แต่ผิวหนังก็ไม่ถลอก
สังหารไปรอบหนึ่ง ทุกคนก็เห็นชายท่าทางใหญ่โตยิ่งผู้นั้นล้มอยู่กับพื้น ศีรษะมีรูเลือดไหลอาบ
“……ท่านเทพไก้……ท่านเทพไก้ตายแล้ว ท่านเทพไก้จบสิ้นแล้ว!”
มีคนตะโกนเสียงดังขึ้น แต่ที่ทำให้หวังทงคิดไม่ถึงก็คือ ที่เหลืออีกหกคนไม่ได้หนี หากพากันคำรามกรูเข้าใส่
หวังทงก้าวยาวๆ เข้ารับมือ พอเผชิญหน้ากับคนถือดาบใหญ่ หวังทงก็เอี้ยวตัวหลบ ดาบฟันลงที่บ่าหวังทง เสียงดังไม่เบา แต่ฟันไม่ลง แค่พริบตาเดียว ดาบในมือหวังทงก็วาดเข้าใส่ ฟันร่างคนผู้นั้นเป็นสองท่อน
“แค่เจ้าของที่ตัวเล็กๆ กล้าเรียกตัวเองว่า เทพ!”
หวังทงแค่นเสียงเย็น นำคนก้าวเข้าไปข้างหน้าต่อ ชายที่เหลือถูกจัดการเกลี้ยง
“ท่านเทพไก้สิ้นแล้ว!”
ทางนี้ตะโกนจบ ทางนั้นก็มีคนตะโกนตาม มีเสียงร่ำไห้ของสตรีและเด็กดังระงมขึ้น ทั้งตระกูลไก้ก็เริ่มวุ่นวายอลหม่านกันไปหมด
เดินผ่านสภาพเช่นนี้มาตลอดทาง ไม่พบการต่อต้านอันใด หากไม่ใช่วิ่งติดจั่นกันวุ่นวายราวแมลงวันไร้หัวแล้วก็จะคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่กับที่
************
“ใต้เท้า โจรร้ายปิดเรือนนี้ไว้ มีแต่ประตูลานหน้าและหลังที่เข้าได้”
โรงบ้านตระกูลใหญ่ส่วนใหญ่ก็มีเรือนข้างไว้รับรองแขกมาเยือน จวนตระกูลไก้จัดไว้ไม่เล็ก เกือบจะรับรองได้ถึงร้อยกว่าคนเลยทีเดียว
การต่อสู้ไม่ดุเดือดนัก ทหารบ้านๆ ต่อหน้าการนำรบของหวังทงแล้วก็แค่พวกไร้สามารถ หลังจากบุกเข้าไปหลายระลอกแล้วก็แบ่งกำลัง 20 นายออกค้นแต่ละห้อง นำพวกที่ยอมมอบตัวไปรวมตัวกันด้านหน้า คนที่เหลือก็รวมตัวกันอยู่ที่เรือนข้าง
คิดไม่ถึงว่าจะมีความยุ่งยากอยู่บ้าง ภายใต้แสงจากคบไฟ หวังทงเห็นทหารสองนายนอนราบอยู่อีกทาง มีเพื่อนทหารกำลังพันผ้าพันแผลง่ายๆ ให้
ซุนซิงที่รายงานอยู่เห็นได้ชัดว่าเครียดเล็กน้อย ตลอดทางมาก็ผ่านมาตลอดราบรื่นดี กลับมาติดขัดอยู่ตรงเรือนนี้ หวังทงไม่ทันได้กล่าวอันใด ก็ได้ยินลี่เทาอีกฟากตะโกนดังว่า
“พวกมีเกราะมารวมกันที่ข้า ประสานกำลังกันบุกเข้าไป!”
“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับพวกกเฬวกรากพวกนี้ โยนคบไฟเข้าไป เผาพวกมัน!”
หวังทงหยุดการเคลื่อนไหวของลี่เทา ออกคำสั่งเสียงเย็น หันไปกล่าวกับถานกงข้างๆ ว่า
“ยิงธนูไฟเข้าไปบนหลังคานั่น!”
ทุกคนรับคำสั่งพร้อมกัน เริ่มได้ยินเสียงด่าทอดังออกมา มีคนตะโกนดังออกมาด้านนอกว่า
“แน่จริงก็เอาอาวุธมาสู้กันสิ วางเพลิงไหนเลยเป็นลูกผู้ชาย”
หวังทงโบกมืออย่างรำคาญกล่าวว่า
“ทหารจับโจร ผู้ใดจะเป็นลูกผู้ชายกับพวกเจ้า จุดไฟ จุดไฟ!”
ทหารรับคำพร้อมกัน ทุกคนถือคบเพลิงในมือพร้อม จวนตระกูลไก้ก็ใช่ว่าเป็นจวนทำจากปูนกระเบื้องอันใดทั้งหมด หากหญ้าแห้งหรือเรือนไม้ก็มีไม่น้อย ก็แยกส่วนตรงนั้น แล้วค้นหาน้ำมันจากที่ต่างๆ มารวมกัน จุดไฟโยนเข้าไปเสียอย่างนั้น ธนูหลายดอกก็ใช่เล่น ยิ่งใช้ผ้าอาบน้ำมันรัดหัวลูกธนูไว้ จุดไฟยิงเข้าไปที่หลังคาด้านบน
เสียงด่าทอดังไม่หยุด ยังมีคบไฟที่โยนเข้าไป โยนจากด้านนอกเข้าไปตลอดเวลา หลังคาเรือนเริ่มไหม้แล้ว
“เฝ้าประตูหลังให้แน่นหนาหรือยัง?”
“เฝ้าไว้แน่นหนาแล้วขอรับ โจรพวกนี้ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้กับกองกำลังหู่เวยเราได้!”
ซุนซิงข้างๆ เอ่ยตอบ พวกเขานำคนสังหารมาถึงที่นี่ พวกโจรก็ก่อนหน้าก็กรูกันออกมาสู้ พอล้มตายไปสิบกว่าคนก็เริ่มหัวหดกันกลับเข้าไป เป็นตายอย่างไรก็ไม่ออกมา
กำลังพูดอยู่นั้น ประตูใหญ่ด้านหน้าก็เปิดออก ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า ม้าตัวหนึ่งบุกออกมา มีคนหมอบอยู่บนหลังม้า เอาแต่เฆี่ยนม้าอย่างสุดกำลัง
ม้าทะยานออกมา ด้านหลังยังมีม้าตามติดมาอีกสองตัว มุ่งไปทางด้านประตูหน้า ระยะทางก็ไม่ยาวนัก ม้าทะยานออกมาพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้า
“ทวนยาวหยุดม้าไว้!”
พริบตาเดียว หวังทงก็กระโดดถอยหลังหนึ่งก้าว ตะโกนด้วยสัญชาตญาณให้รับมือ ทหารที่ป้องกันอยู่ก็รวมตัวกัน เอียงทวนยาวให้อยู่ในตำแหน่งก่อนจะแทงออกไป
ม้าส่งเสียงร้องดังโหยหวน ทวน 10 กว่าอันแทงเข้าที่ร่างของมัน ทหารกองกำลังหู่เวยคำรามดัง ยันเอาไว้อย่างสุดแรง ม้าตัวนั้นหยุดลง คนบนนั้นร่วงลงมา
ถานกงยามนี้ได้สติ รีบยิงไปหนึ่งดอก กลางคืนไม่มีแสงไฟ ดอกนี้ยิงเข้าที่ตาของม้าตัวที่สองอย่างไม่พลาดเป้า ม้าเจ็บปวด ก็ย่อมกระโจนบ้าคลั่ง คนบนนั้นกอดคอม้าแน่น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เอาไม่อยู่ ถูกสะบัดร่วงลงม้าอยู่ดี แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
คนบนม้าตัวที่สามเห็นท่าไม่ดี ก็กระชากกลับเปลี่ยนทิศไปอีกทาง ตอนนี้หวังทงทางนั้นหลบม้าที่กำลังตกใจ จึงไม่อาจสนใจคนผู้นั้น
พื้นที่ในจวนไม่ได้กว้างมาก ม้าวิ่งไม่เร็ว เห็นคนหวังทงผู้หนึ่งก้าวเข้าไปอย่างเร็ว ดาบยาวในมือฟันลงไปที่บ่าคนผู้นั้นอย่างแรง ฟันลงไปเช่นนี้ บ่าคนผู้นั้นก็ทรุด ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง ก็เหมือนว่าถูกดาบนั้นยกขึ้น ตวัดร่วงจากหลังม้ากระแทกพื้นอย่างแรงทันที
ม้าที่ตกใจกระโจนไปมาก่อนจะถูกทหารกองกำลังหู่เวยใช้ทวนแทงตาย หวังทงหรี่ตามองยิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า
“ตะโกนเข้าไปด้านใน นับถึง 10 ไม่ออกมาก็จะไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว!”