Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 481

ตอนที่ 481 คิดจะไม่ทำ อย่าหาว่าไม่เตือน

เห็นอยู่ว่านายท่านตรงหน้าเริ่มสนใจ พี่น้องตนมีทางรอด คิดไม่ถึงว่านายท่านผู้นี้จะกล่าวเช่นนี้ออกมา

อู๋ต้าหันไปมองอย่างตกตะลึง เงิน 10 ตำลึงนั้นไม่เท่าไร เมื่อคืนที่ทางการบุกจู่โจม ทุกคนล้วนไม่มีความหวังว่าจะรอดชีวิต คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำรับรองเช่นนี้ ทุกคนตกตะลึง พากันร้องดีใจเสียงดัง

อู๋ต้ามองมาด้วยสายตาราวกับมีเปลวไฟคุกรุ่น อู๋เอ้อร์เองก็มีบาดแผลใหญ่ด่าทอเสียงดัง ก็ย่อมไม่เสียเวลาที่บรรดาเชลยคนอื่นจะทยอยออกมาบอกความจริงอย่างไม่ขาดสาย

อู๋ต้ามีเมียสองคน ลูกสาวสามลูกชายสอง อู๋เอ้อร์มีเมียสามคน ลูกชายหนึ่ง เดิมแอบหลบอยู่กลุ่ม ตอนนี้ถูกชี้ตัวออกมาทีละคน

ไม่เพียงแต่ลูกเมีย แม้แต่เครือญาติก็ไม่อาจหนีพ้น ไม่นานก็มีคนสามสิบกว่าคนถูกจับแยกออกมากองหนึ่ง ถูกกุมตัวแยกเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว

หวังทงรักษาคำพูด ตอนนี้ให้เงินจริง บันทึกคำให้การเสร็จก็ปล่อยตัวไป รอให้ทุกอย่างพอประมาณแล้ว ก็ถึงเวลากลางวัน คนในหมู่บ้านเยี่ยนโถวที่พอมีหน้ามีตาก็นำเอาสุราอาหารมาเลี้ยงทหาร แต่ถูกหวังทงสั่งให้คนไล่กลับไป

“พี่น้องเจ้าอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลไก้ ยังเอาครอบครัวมาด้วย ก็เพราะว่าที่นี่ใกล้จมูกทางการแต่ไม่อาจรู้ได้ ไม่มีผู้ใดรู้ไม่ว่า หากพวกเจ้าเกิดเรื่องในเมือง ก็ยังมีที่หลบซ่อนต่อใช่หรือไม่?”

หวังทงเมื่อครู่มองคนตระกูลอู๋ที่ถูกชี้ตัวออกมา ยามนี้เดินไปด้านหน้าคนตระกูลอู๋ ยิ้มกล่าวขึ้น

อู๋ต้ายามนี้ดิ้นรนจนไร้เรี่ยวแรงไปหมดแล้ว ได้แต่คอตกกล่าวว่า

“นายท่านช่างหลักแหลม เป็นเช่นนี้จริง!”

หวังทงยิ้มพยักหน้ากล่าวว่า

“เจ้านำคนสองสามออกไปหามา หามาได้ จะไว้ชีวิตพวกเจ้าพี่น้องและครอบครัว หามาไม่ได้ หรือว่าเจ้าหนีไป ครอบครัวเจ้าทั้งหมดก็อย่าได้คิดมีชีวิตรอด ข้าคือหวังทาง นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรเทียนจิน หากไม่ต้องการชีวิตคนในครอบครัวเจ้า และต้องการแก้แค้นข้า ข้ารอเจ้าอยู่ทุกเมื่อ!”

“ใต้เท้าหวัง พี่น้องตระกูลอู๋นี่……”

“ในเมื่อข้าเป็นคนจับได้ ก็ให้ข้าช่วยท่านดูแลก็แล้วกัน!”

ต่งช่วงสี่เห็นว่าไม่ได้การแล้ว แต่พอถามไป หวังทงก็ตอบกลับมาตรงๆ เช่นนี้ ต่งช่วงสี่คิดจะพูดต่อ ก็ถูกสายตาหวังทงตวัดมองมา จึงไม่กล้ากล่าวอันใดต่อ

ยามนี้เอง ก็มีเจ้าหน้าที่และทหารมาถึงหมู่บ้านเยี่ยนโถว หมู่บ้านนี้ห่างจากเมืองจี่หนานไม่ถึง 15 ลี้ ตอนเช้าส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมา สืบสวนความจริงกระจ่างแล้วส่งคนหนึ่งกลับไปนำกำลังทหารมา คิดไม่ถึงว่าเพิ่งมาถึงเอาตอนนี้ ราวกับเด็กเล่นขายของ

ก็ไม่อาจโทษพี่น้องตระกูลอู๋ที่จะกล้ากำเริบเช่นนี้ ทหารทางการชักช้าเช่นนี้ พวกเขาก็ย่อมไปมาราวกับสายลมง่ายดาย

วงการขุนนางซานตงไม่อยากพบต่งช่วงสี่แต่ด้วยตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพรก็มีน้ำหนักอยู่ ทหารที่มาก็เริ่มเข้าเก็บกวาดพื้นที่

ที่เรียกว่าเก็บกวาดก็คือการย้ายศพออกไปเผาไปฝังเท่านั้น เชลยที่จับได้ทั้งหมดหวังทงนำตัวไปหมด ไม่ให้ผู้ใดแตะต้อง ต่งช่วงสี่ไม่กล้ากล่าวอันใด ได้แต่ทำตามคำสั่งแต่โดยดี

ที่ค่อนข้างทำให้ผู้คนแปลกใจก็คือ ไก้เถี่ยถ่าได้ชื่อคหบดี เงินทองสะสมและผ้าแพรไหมอะไรเหล่านั้น หวังทงไม่ต้องการแม้แต่น้อย ให้คนของต่งช่วงสี่และทหารจี่หนานเอาไปแบ่งกัน นำแต่ม้าและพี่น้องตระกูลไก้และอู๋ไป เลือกม้าหลายสิบตัวแล้วก็จากไป

ยังนำเงินออกมาให้คนหมู่บ้านเยี่ยนโถวทำอาหาร ย่างแผ่นแป้ง เอาปลาเค็มและเนื้อแห้งออกมาทำอาหาร ยังนำอาหารม้าอย่างเช่นหญ้าแห้งขึ้นรถไปไม่น้อย เตรียมไว้ให้ม้ากินระหว่างทาง เห็นเช่นนี้ก็เหมือนว่าจะออกเดินทางไกล ทำให้หลายคนรู้สึกไม่เข้าใจว่าจะทำอันใด

เพราะหวังทงไม่มอบคนตระกูลอู๋ให้ตน ต่งช่วงสี่เองก็รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้ากล่าวอันใด อย่างไรพี่น้องตระกูลอู๋ก็ถูกจับไปแล้ว ครอบครัวตนที่จี่หนานก็ปลอดภัยแล้ว นายกองร้อยสวีตงในสังกัดตนนั้นค่อยๆ เค้นความเอาก็แล้วกัน ตอนนี้จึงได้ส่งคนไปแจ้งว่าปลอดภัยแล้ว นำกำลังทหารในเมืองออกมาจัดการ

พอฟ้าใกล้จะมืด หวังทงที่จัดการการงานอยู่ที่หมู่บ้านเยี่ยนโถวมาตลอดทั้งวันก็เรียกเขาไปหากล่าวว่า

“ใต้เท้าต่ง ไม่รบกวนท่านที่จี่หนานแล้ว คืนนี้ข้าจะออกเดินทางกลับ”

คิดไม่ถึงว่าจะกะทันหันเช่นนี้ ทำเอาต่งช่วงสี่รู้สึกตกใจ ในใจไม่ยินยอม แต่มารยาทอย่างไรก็ต้องมี ได้แต่ประสานมือคำนับกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวังช่วยเหลือครั้งนี้ ข้าอย่างไรก็ต้องจัดโต๊ะเลี้ยงให้ท่านในเมืองจี่หนานสักหน่อย เหตุใดจึงจะจากไปในตอนนี้เล่า?”

วาจารั้งเอาไว้ไม่เหมือนมาจากใจ มองก็ออกว่าไม่ได้จริงใจอันใด หวังทงหรี่ตามอง ยิ้มกล่าวว่า

“ใต้เท้าต่งเห็นข้าเอาชนะได้โดยง่าย รู้สึกว่าไม่นับว่าเป็นบุญคุณอันใดใช่หรือไม่ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการก่อน จะให้อีก 20 คนนำเชลยกลับเทียนจิน ขอให้ใต้เท้าส่งทหารสักกองมาอารักขากลับไปด้วย”

หวังทงกล่าวตรงๆ ต่งช่วงสี่ไม่รู้จะรับคำเช่นไร ได้แต่ยิ้มแห้งๆ กล่าวว่า

“ไม่มีปัญหาๆ !”

หวังทงจ้องมองเขาครู่หนึ่ง กล่าวสำทับอีกว่า

“ร้านตระกูลไก้ทั้งหมด ร้านตระกูลอู๋ที่จี่หนานทั้งหมด ที่ทางนอกเมือง ใต้เท้าต่งคิดจะฮุบไว้หมดกระมัง?”

กล่าวถึงเรื่องนี้ ต่งช่วงสี่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มโบกมือกล่าวว่า

“ล้วนเป็นบารมีใต้เท้าๆ ถึงตอนนั้นย่อมต้องแบ่งให้ใต้เท้า”

คนบางคนแล้งน้ำใจ บุญคุณผู้อื่นไม่ควรค่าแก่การจดจำ ต่งช่วงสี่ก็เหมือนเป็นคนเช่นนี้ พี่น้องตระกูลอู๋ถูกกำจัด เขาไม่มีอันใดต้องขอร้องหวังทงอีกแล้ว ท่าทางก็ย่อมแปรเปลี่ยนไปไม่น้อย เดิมที่รับปากไว้ว่าตอบแทนให้หนักตอนนี้ไม่เห็นแม้เงา จริงๆ แล้วของพวกนี้ควรมอบให้หวังทงเป็นรางวัลที่ชนะมาได้

“ช่างเรือ ลูกเรือ อู๋ต้าไปหาแล้ว ใต้เท้าก็ต้องไปหาด้วยเช่นกัน!”

“เรื่องนี้ ใต้เท้าหวัง คือว่ามัน……”

“พี่น้องตระกูลอู๋ถูกข้าจับไปเทียนจิน ก็ไม่แน่ว่าอาจจะถูกปล่อยออกมาก็ได้ ใต้เท้าต่งก็อย่าได้วางใจเร็วไปนัก”

วาจานี้ทำเอาสีหน้าต่งช่วงสี่แปรเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“เรื่องที่รับปากข้าไว้ก็ต้องทำให้ได้ ใต้เท้าต่งอย่าได้เล่นลูกไม้อันใด ก่อนวันที่ 15 เดือนเก้า ข้ารอคำตอบจากท่าน”

ต่งช่วงสี่อ้าปากพะงาบไปมา ท้ายที่สุดก็ได้แต่พยายามฉีกยิ้ม กล่าวว่า

“ใต้เท้าวางใจดูแลเทียนจินไปเถิด เรื่องที่ซานตงข้าย่อมจัดการให้อย่างตั้งใจ ถึงตอนนั้นย่อมมีคำตอบให้ใต้เท้าก็แล้วกัน”

มีทหารวิ่งเข้ามารายงานบอกว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว หวังทงพยักหน้าก่อนจะหันไปยิ้มกล่าวว่า

“ใต้เท้าต่งว่ามานั้นข้าเข้าใจ ข้าเป็นนายกองพัน ท่านก็เป็นนายกองพัน เราสองไม่อาจบังคับกัน ถึงตอนนั้นคงทำอะไรท่านไม่ได้กระมัง หากพี่น้องตระกูลอู๋มาอีก ท่านก็รู้วิธีรับมือแล้วกระมัง ใต้เท้าต่งต้องคิดให้รอบคอบ เบื้องหลังข้าคือผู้ใด ถึงตอนนั้นอย่าได้ทำให้แม้แต่ตำแหน่งก็ต้องสูญเสียไป ลำบากมาหลายปี ไม่คุ้มกันเลย”

กล่าวจบ ต่งช่วงสี่เพิ่งได้คิด จึงได้แต่นอบน้อมอย่างที่สุด ดูท่าแล้วต้องดูให้ดีว่าเบื้องหลังนายกองพันอายุน้อยนี้คือผู้ใด ตนเองเข้าทางท่านจาง จ่ายเงินค่าตำแหน่งนายกองพันนี้มาได้ แต่อีกฝ่ายเป็นขุนนางคนสนิทฮ่องเต้ที่ส่งมาประจำที่นี่ ตอนนี้ยังเหมือนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรอีกตำแหน่ง หากมีเรื่องกันขึ้นมา ตนย่อมไม่ได้เปรียบอันใดแม้แต่น้อย

คิดกระจ่างในเรื่องนี้แล้ว ต่งช่วงสี่ก็อ่อนลงทันที ยิ้มแห้งๆ กล่าวว่า

“ใต้เท้าหวังกล่าวไปถึงไหนกัน ข้ารับปากแล้วก็ย่อมต้องทำให้ได้ ไยต้องกล่าวมากมายเพียงนี้ ใช่ว่าเป็นการทำลายสายสัมพันธ์เราสองงั้นหรือ?”

หวังทงยิ้มส่ายหน้า กล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า

“เดิมคิดว่าใต้เท้าคงจะช่วยสุดกำลัง ถึงตอนนั้นกิจการร้านหลูไห่ที่เทียนจินก็ยังมีอีกมากให้ทำกำไรกัน แต่ใต้เท้าต่งดูเหมือนจะเกรงเสิ่นหวั่งเช่นนี้ เรื่องที่รับปากก็ดูผัดผ่อน ทำให้ข้าลำบากใจมาก หากไม่กล่าวเรื่องพวกนี้ไว้ก่อน ใต้เท้าต่งยังจะช่วยอีกหรือ?”

กล่าวจบก็ไม่สนใจสีหน้าต่งช่วงสี่จะดูย่ำแย่เพียงใด หากหันกายจากไปทันที

*************

“พี่น้องตระกูลอู๋เดิมคิดว่าจะทิ้งไว้ให้ต่งช่วงสี่ แต่ในเมื่อมีหนทางหาช่างเรือมาได้ ก็ย่อมไม่อาจมอบให้ได้ โจรพวกนี้ก็รู้เรื่องการขี่ม้าและใช้อาวุธ นำกลับใช้งานก็แล้วกัน!”

นอกจวนตระกูลไก้ หวังทงกำชับพวกหลี่หู่โถวที่ตามมา ลี่เทากับซุนซิงสองคนเตรียมตัวอยู่ตรงนั้นด้วย หวังทงยิ้มกล่าวต่อว่า

“ต่งช่วงสี่ดูท่าไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะทำอันใด ที่จี่หนานยังเคลื่อนกำลังมาไม่ได้ ก็ไม่มีทางทำอันใดพวกเจ้าได้เป็นแน่ ในพื้นที่จะส่งคนมาช่วยพวกเจ้านำตัวทุกคนกลับไปด้วย เป้าเอ้อร์เสี่ยวก็ตามพวกเจ้ากลับไป เส้นทางนี้เขาคุ้นเคยน่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าได้”

หลี่หู่โถวพยักหน้าแกนๆ ลี่เทากับซุนศิงก็รับคำสั่งอย่างนอบน้อม หวังทงกำลังจะหันกายจากไป หลี่หู่โถวก็อดไม่ได้เอ่ยว่า

“พี่หวังทง ข้าอยากไปกับพี่ คุมตัวพวกนี้กลับไปมันจะไปสนุกอันใด!”

หวังทงส่ายหน้า เดินเข้าไปตบบ่าหลี่หู่โถว ความเคยชินเดิมที่เคยลูบศีรษะ ตอนนี้หลี่หู่โถวตัวสูงแล้ว ตบบ่าดูจะชินกว่า กล่าวว่า

“ตอนนี้เจ้าเป็นทหารกองกำลังหู่เวย ปฏิบัติงานตามคำสั่ง เหตุใดจึงใช้คำว่าสนุกหรือไม่สนุกกันฮึ!”

ได้ยินเช่นนี้ หลี่หู่โถวก็รีบรับคำสั่งทันที แต่ทว่าสีหน้าก็ยังไร้อารมณ์อยู่ดี

“ครั้งนี้คนที่นำมาด้วยล้วนเป็นคนงานที่พี่หวังฝึกมากับมือจากเมืองหลวง ล้วนปฏิบัติหน้าที่ในค่ายมา ครั้งนี้พาออกมาหมด ยังมีพี่สาม พี่ห้าตระกูลถาน เห็นๆ ว่าคนปฏิบัติงานก็คนกันเองทั้งนั้น ทำไมไม่พาพวกเราไปด้วย”

พอหวังทงเดินออกไปไกลแล้ว หลี่หู่โถวก็อดไม่ได้หันไปบ่นกับลี่เทาและซุนซิง ซุนซิงกล่าวอย่างเซ็งๆ ว่า

“พี่หวังหวังดีกับพวกเรา ไม่ให้พวกเราไปก็ย่อมมีเหตุผล”

“……พี่หวังหมือนกว่าจะปฏิบัติกับพวกเราในระดับเสมอกัน ไม่คิดว่าพวกเราเป็นลูกน้อง แต่บางครั้งก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน……”

ลี่เทาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น

***************

ขบวนกลับเทียนจินยังต้องรออีกสองสามวัน ให้ทางจี่หนานส่งคนมาช่วยคุมตัวกลับไป อีกขบวนหนึ่งยามนี้ก็ออกไปนอกหมู่บ้านแล้ว ถานปิงและถานกงอยู่บนหลังม้า และอีก 50 คน มีมาสองร้อยตัว ม้าล้วนแบกเสบียงไว้เต็มหลัง หวังทงแต่งตัวเสร็จเดินมาด้านหน้าโดดขึ้นหลังม้า กล่าวว่า

“วันนี้ได้ข่าวมาแล้ว วันที่ 16 เดือนแปดจะออกจากเมืองหลวง เราสายสัมพันธ์ดีเช่นนี้ อย่างไรต้องรีบไปส่งสักหน่อย!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version