Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 553

ตอนที่ 553 ได้ชัย ผู้ใดรู้

พอปืนไฟกระหน่ำยิงไปทำให้ทหารเกาหลีกุมหัวกันหนีราวกับฝูงหนูติดจั่น คนที่มุงดูกันก็รีบถอยออกไปให้ห่างอีกหลายก้าว

วานรทะเลครานี้เข้าใจกระจ่างแล้ว ตัวนิ่มราวกับดินโคลน ถูกลากลงมาให้เดินไปทางท่าเรือ ทังซานตะโกนเสียงเย็นเยียบว่า

“มีอันใดยังไม่พูดก็พูดมา ไม่แน่ว่าอาจละเว้นดาบเชือดเจ้าลงสักดาบหนึ่ง!”

วาจานี้ใช้ได้ดีมากในยามนี้ วานรทะเลเล่าด้วยท่าทางอ่อนแรงเต็มที ที่ท่าเรือยังมีเรือกวางตุ้งลำใหญ่จอดอยู่อีกสองลำ มีลูกเรือหลายสิบคนถูกจับมัดไว้ ล้วนเป็นคนของเหลียงเต้าเฉิง ยังมีที่เก็บเงินทองไว้อีกหลายแห่งบนเรือ

พวกโจรสลัดเตรียมการรอบคอบ จะได้ขึ้นเรือหนีได้ตลอดเวลา หากคิดไม่ถึงว่าหวังทงจะนำคนขึ้นมาสังหารถึงที่

ลูกเรือที่ถูกจับมาได้รับการปล่อยตัวหมด แม้ว่ากำลังวังชาจะยังไม่ดี แต่ก็ยังพอทำงานได้ ขับเคลื่อนเรือต้องการคนไม่มาก เรืออื่นๆ ก็ส่งคนมาช่วยได้ เรือสองลำนี้ก็สามารถออกทะเลได้แล้ว

“เรืออื่นๆ จมให้หมด!”

หวังทงออกคำสั่ง เรือฟะรังคีหลายลำจอดอยู่เทียบท่า เหลือทหารไว้จัดการที่เหลือ ส่วนอื่นให้ขึ้นเรือที่ตนโดยสารมาพร้อมกลับ

พวกลูกเรือที่ได้รับการช่วยเหลือเห็นเรือของเหลียงเต้าเฉิงยังอยู่ ก็รู้ว่าตนเองรอดแล้ว อย่างไรก็นับว่าปลอดภัยแล้ว

หลังทหารขึ้นเรือ เรือฟะรังคีก็ค่อยๆ ออกจากท่า ลอยลำแนวขวางหันไปทางท่าเรือ อย่างไรก็เป็นต่างบ้านต่างเมือง หากมีอันใดผิดปกติจะได้ยิงปืนใหญ่ใส่ได้ทันที

แต่พวกเขาประเมินความกล้าหาญของทหารเกาหลีมากเกินไป อย่างไรเหรินชวนก็ไม่ใช่พื้นที่สำคํบอันใด เรือใหญ่น้อยถูกจมลงสิ้น ทหารทุกหน่วยขึ้นเรือพร้อม เห็นเพียงบางคนที่ลอบดูอยู่ไกลๆ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เกินร้อยก้าว เงียบสงบยิ่ง

เรือจมน้ำก็ค่อยๆ จมลง การจะกู้ขึ้นมาย่อมใช้เวลาอีกมาก แม้ว่าซ่อมได้ แต่ขบวนเรือหวังทงก็ไปไกลแล้ว

***********

รอเรือทั้งหมดขึ้นใบแล่นออกไป เรือในท่าเรือเล็กๆ นี้ถูกจบไปหมดแล้ว ไม่มีผู้ใดล่าตามมา ด้วยเกระว่าจะต้องเจอกับพวกน่ากลัวนี้

ไปไกลแล้ว ก็มีคนวิ่งมาตีอกชกตัวอยู่ที่ท่าเรือ ร้องไห้ตะโกนเสียงดังไปทั่ว

มีพวกฟะรังคีรุกรานเข้ามา ปืนไฟอานุภาพร้ายกาจมาก ข่าวนี้แพร่จากเหรินชวนไปยังเมืองหลวงเกาหลี รายงานขึ้นไปเป็นลำดับ ราชวงศ์เกาหลีเล็กย่อมตกใจอย่างที่สุด ทางหนึ่งก็รวบรวมกำลังเตรียมป้องกัน อีกทางหนึ่งก็เร่งส่งคนไปรายงานยังเมืองหลวงราชวงศ์หมิงเพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาไม่มีที่พึ่งอื่นแล้ว

***********

“เหลียงเต้าเฉิง เรือสองลำนี้และลูกเรือพวกนี้เจ้าคิดจะนำกลับคืนไปหรือไม่?”

เรือชักใบเต็มกำลัง เพียงวันเดียว พวกหวังทงก็นำตัวเหลียงเต้าเฉิงที่ได้ยินข่าวเรือตนมาถึง หวังทงช่วยเรือสองลำและลูกเรือตนจากมือวานรทะเลได้แล้ว เหลียงเต้าเฉิงขึ้นไปบนเรือสองลำนั้นถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ จากนั้นก็เตรียมการจะกลับไปเทียนจินขนสินค้าต่อ

ทหารที่จับตาดูมารายงานหวังทง ไหนเลยมีเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ให้เขาเอาเปรียบได้ พอถูกหวังทงถาม สีหน้าเหลียงเต้าเฉิงก็แปลกใจ กล่าวว่า

“เรือสองลำนี้ไม่ใช่ของข้าน้อยหรอกหรือ?”

หวังทงหน้ำตาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มกล่าวขึ้น

“ครั้งนี้เจ้าไปทั้งหมดสามลำ กลับรายงานเท็จกับข้า เงินห้าหมื่นตำลึง อย่างน้อยเจ้ากำไรไปสามหมื่น เจ้าเอาเรือ สองลำนี้กลับไปอีก ใช่ว่าอยู่เฉย ๆ กินกำไรมหาศาลหรอกหรือ!”

บอกกล่าวชัดเจน เหลียงเต้าเฉิงเริ่มละอาย กำลังจะขออภัย แต่หวังทงกลับโลกมือท่าทางสบายๆ กล่าวว่า

“ขออภัยคงไม่ต้องแล้ว เรือสองลำพร้อมลูกเรือก็ทิ้งไว้ที่เทียนจินเรา ข้าจะส่งคนตามเจ้าไปเขตปกครองใต้ หามาให้อีกสามลำที่เหมือนกับเรือนี้ได้ ข้าก็จะไม่เอาเรื่องเจ้าอีก พวกต่อเรือเป็นและลูกเรือสามารถจ่ายเงินให้ได้ ไม่เช่นนั้น หากส่งเรื่องไปเขตปกครองใต้ ทางนั้นก็ย่อมจัดการเจ้าแน่นอน!”

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ เหลียงเต้าเฉิงสีหน้าเฝื่อนไปทันที แต่สนทนากันมาถึงบัดนี้ ก็ไม่มีทางจะปฏิเสธอันใดได้ ได้แต่รับคำไป

เรือกวางตุ้งเช่นนี้เป็นแบบเรือที่ใช้กันในทะเลแถบใต้แถวมาเก๊า ฮกเกี้ยน ไม่ค่อยได้เห็นในเขตปกครองใต้ เรือกวางตุ้งเหลียงเต้าเฉิงดูใหม่ เห็นก็รู้ว่าซื้อมาใหม่ หวังทงอยากรู้ว่าซื้อมาจากที่ใด

เหลียงเต้าเฉิงเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ อาศัยช่องโหว่ร้านประกันภัยหาเงิน ยังคิดจะเอากำไรก้อนโตยิ่งขึ้น หวังทงจึงไม่เกรงใจ

*************

หนึ่งคืนผ่านไป ฟ้าสางวันรุ่งขึ้น หวังทงก็ขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ ลูกเรือหลายคนตามขึ้นฝั่งไปสังหารโจรมาด้วยกัน อย่างไรก็ช่วยงาน หวังทงจึงย่อมต้องแจกรางวัลให้ทุกคนสักหน่อย

สำหรับบุคคลชั้นสูงเช่นหวังทงที่มีทั้งอำนาจบารมีและจ่ายหนักเช่นนี้ บรรดาลูกเรือต่างก็ให้ความเคารพจากใจ หวังทงขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ อาซือหลันยกหีบไม้ออกมาหีบหนึ่งให้นั่ง

หวังทงยิ้มพยักหน้า สั่งการทหารติดตามว่า

“นำตัววานรทะเลมา!”

ทหารติดตามรับคำสั่ง แต่กลับไม่ได้เดินลงไปใต้ท้องเรือ หากเดินตรงไปยังเสากระโดงเรือ หวังทงนั่งอยูตรงเสากระโดงหลักของเรือ สูงขึ้นไปราวสามเชี๊ยะ วานรทะเลถูกแขวนอยู่บนนั้นตากลมมาหนึ่งคืนเต็มๆ

ทหารติดตามนำตัวเขาลงมาก็ส่งไปตรงหน้าหวังทง

“นายท่าน เมื่อคืนตากลมสบายดีไหม?”

ถูกมัดไว้บนเสา ถูกลมทะเลพัดมาทั้งคืน ไหนเลยจะสบายได้ วานรทะเลสีหน้าซีดขาว ริมฝีปากแตกระแหง ท่าทางเอน็จอนาถสุดทน พอหวังทงถาม ก็ได้แต่คุกเข่าโขกศีรษะ แต่ก็โขกอย่างอ่อนแรงเต็มที ได้แต่กล่าวเพียงว่าใต้เท้าโปรดไว้ชีวิตไม่หยุด

“ราชาไตรธาราเสิ่นหวั่งพักอยู่ที่ใด?”

หวังทงถามคำถามขึ้น วานรทะเลตัวสั่นเทิ้ม อยู่ๆ ก็โขกศีรษะลงอีก กล่าวเสียงแหบพร่าว่า

“ข้าน้อยถูกใต้เท้าสั่งสอนขนาดนี้ ไม่ต่างอันใดกับตายไปแล้ว ขอใต้เท้าสังหารข้าน้อยให้ตายไปเลยละกัน!”

อยู่ ๆ ก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมา โขกศีรษะไม่หยุด หวังทงคิดไม่ถึงว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงยืดตัวตรงก่อนจะกล่าวว่า

“ตอนนี้อากาศร้อน ตัดเนื้อเจ้าสองสามชิ้นโยนลงไปลากในทะเล หลังจากหนึ่งชั่วยามคงล่อฉลามมาได้ กัดไปทีหนึ่งก็ให้เรือลากเจ้าขึ้นมาหนึ่งนิ้ว เจ้าคิดว่ารับไหวไหม?”

ได้ยินเช่นนี้ วานรทะเลก็ตัวสั่นเทาราวลูกนก ปลาฉลามกัด เป็นการลงทัณฑ์ที่โหดร้ายที่สุดของโจรสลัด เท่ากับการเฉือนเนื้อเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ทารุณโหดร้ายที่สุด

วานรทะเลตั้งแต่ที่หวังทงเห็นครั้งแรกก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่พวกทนทรมานได้ แต่คิดไม่ถึงว่าบารมีราชาไตรธาราจะมากเพียงนี้ เมื่อคืนได้เห็นแสนยานุภาพทหารแล้ว เมื่อคืนก็ทรมานมาหนึ่งคืนแล้ว ยังไม่ยอมพูด แต่พอพูดถึงการลงทัณฑ์เมื่อครู่ไป ทำเอาวานรทะเลตกใจค้างไป ตกใจก็ส่วนตกใจ หากก็ยังไม่พูดอยู่ดี

“ทังซาน เจ้าบอกที่มาของเจ้าหน่อย!”

หวังทงเปลี่ยนวิธี ทังซานเข้าใจเจตนา ก้าวขึ้นหน้าไปกล่าวว่า

“ข้านั้นเมื่อก่อนเป็นโจรสลัดสังกัดราชามังกรอุทกที่ชิงโจว แต่ตั้งแต่สวามิภักดิ์ใต้เท้า ตอนนี้เป็นนายกองตรวจการทางน้ำแห่งเทียนจิน ตำแหน่งระดับ 8”

เมื่อก่อนเป็นโจรสลัด ตอนนี้เป็นขุนนางมีหน้ามีตา และยังอยู่ในพื้นที่เจริญเช่นเทียนจินได้ นี่เป็นทางออกที่พวกโจรสลัดต้องการมากที่สุดก็ว่าได้

ลังเล สงสัง หวาดกลัว ได้ยินทังซานกล่าวเช่นนี้ วานรทะเลก็เงยหน้าขึ้น มองทังซานอย่างลังเลสงสัย ทังซานกล่าวว่า

“ราชามังกรอุทกออกทะเล ผ่านทางมาต้องจุดธูปกราบไหว้!……ใต้เท้าอย่าได้ตำหนิ นี่เป็นคำกล่าวที่สมัยข้าน้อยออกทะเลปล้นต้องประกาศ!”

กล่าวจบ วานรทะเลก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า

“นายท่าน นายท่านข้านั้นมีแสนยานุภาพทางทะเล กลัวว่า……”

“เจ้าแค่กี่ร้อยคน เทียบกับกู้เหล่าหู่แล้วเป็นอย่างไร หลายพันคนนั้นถูกข้าตัดหัวทิ้งหมด นายพวกเจ้าออกทะเลอาจจะร้ายกาจ แต่บนนบกนี้ข้าคุ้มครองพวกเจ้า!”

ได้ยินเช่นนี้ วานรทะเลก็ตัดสินใจได้ โขกศีรษะลงจนห้อโลหิตก็ไม่หยุด ปากพร่ำแต่ว่า

“ข้าน้อยเลอะเลือนไปแล้ว ตั้งแต่ลงเรือมา ตั้งแต่ได้ยินพี่ทังว่ามา ก็ควรรู้แล้ว ว่านายท่านก็คือใต้เท้าหวังแห่งเทียนจิน ท้องทะเลนี้ผู้ใดไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงบารมีนายท่าน”

หวังทงพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า

“วันหน้ายังอีกยาวไกล หากเจ้าทำตามที่ข้าสั่ง วันหน้าย่อมต้องได้ประโยชน์!”

***********

กลางเดือนหกมาถึงเทียนจิน ครั้งนี้ไม่ได้เข้าเทียบท่า ทำเหมือนที่เหรินชวน เรือใหญ่จอดรอด้านนอก ให้เรือเล็กนำคนส่งขึ้นฝั่ง

ค่ำของอีกวัน เรือใหญ่ก็ค่อยเข้าเทียบที่แม่น้ำทะเล บรรดาชาวนาวาสุคนธ์ทำงานกันมาตลอดคืน ก่อนฟ้ามืดก็ขนสินค้าขึ้นเรือฟะรังคีให้พวกเขาออกเรือก่อนฟ้าสาง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เรือเหล่านั้นครึ่งเดือนก่อนออกไป ตอนนี้ก็ควรกลับมาได้แล้ว

ทหารสำนักองครักษ์เสื้อแพรถือเอกสารมาให้ทังซานเลือกชายที่มีความรอบคอบระมัดระวังสองสามคนติดตามเหลียงเต้าเฉิงกลับไป ป้องกันไม่ให้เขาเล่นลูกไม้อื่นใดได้อีก

วันที่ 18 เดือนหก ทุกคนเห็นหวังทงขี่ม้าจากนอกเมืองกลับมายังจวนริมแม่น้ำทะเล ระหว่างทางมามีคนเห็นไม่น้อย

ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณื ใต้เท้าหวังเหมือนคล้ำลง แต่กำลังวังชาดี ดูแล้ว ก็น่าจะหายดีแล้ว

เกือบครึ่งเดือนที่ไม่เห็นหวังทงปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ตามสายสืบของพ่อค้าใหญ่รายงานมาว่า ใต้เท้าหวังกระดูกหัก บาดเจ็บถึงเส้นเอ็น ตอนนี้เดินได้แล้ว เดาว่าพักอีกสองสามวันก็คงหายเป็นปกติ

ข่าวนี้แพร่ออกไป หลายวันนี้ราคาค่าเช่าและราคาสิ่งปลูกสร้างในเทียนจินตกลงอยู่บ้าง ตอนนี้เริ่มขึ้นอีกแล้ว หลายคนที่กังวลอยู่ก็โล่งใจกันได้แล้ว

***********

10 วันที่ไม่อยู่จวน ทำให้ข่าวสารจากเมืองหลวงกองอยู่ไม่น้อย เรื่องพวกนี้รอช้าไม่ได้ หวังทงทยอยอ่านอย่างละเอียด ในนั้นมีเรื่องสำคัญก็คือจดหมายลับจากหลี่ว์วั่นไฉแห่งสำนักรักษาความสงบ เรื่องนี้มอบให้หลี่หู่โถวเก็บไว้ ไม่ให้ผู้ใดได้เห็น

สำนักองครักษ์เสื้อแพรกับศาลซุ่นเทียนจัดการกวาดล้างที่พักหกแห่งของพวกนิรนามในเมืองหลวงไปหมด สองแห่งในนั้นพบว่ามีการลักลอบสั่งสมอาวุธ แต่ก็ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ราวกับว่ามีคนฝังแล้วต่อมาก็ขุดเอาออกมา คงมีหลายคนคิดจะแอบลักลอบซ่อนเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงหาไม่เจอ

รายงานยังบอกอีกว่า พวกนิรนามหายตัวไปหลายคน แต่พอสืบไปถึงผู้ที่พวกนิรนามยอมสารภาพว่ารู้เรื่องคนใดก็ตาม ก็จะหาคนนั้ผู้นไม่พบ พวกนิรนามแต่ไรมาก็เป็นพวกถูกสังคมทอดทิ้ง ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ การจะสืบข่าวก็ยากยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version