Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 724

ตอนที่ 724 ขอใต้เท้าผู้แทนพระองค์ออกหน้า

ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีดูแลกองกำลังหยางเหอในพื้นที่มณฑลซานซี ผู้ตรวจการเมืองต้าถงดูแลตัวเมืองต้าถงแม่ทัพใหญ่และขันทีคุมเสบียงเมืองต้าถงก็ดูแลตัวเมืองต้าถง นี่เป็นระบบขุนนางตามระดับปกครองของเมืองต้าถง

ทหารม้าเผ่าอันต๋าทัพใหญ่นำกำลังออกมาประชิดใกล้เมืองต้าถงมาเรื่อยๆ ชาวมณฑลซานซีเริ่มแตกตื่น ชายแดนเมืองต้าถงรับหน้าที่ปกป้องชายแดน หน่วยทหารใหญ่ย่อมต้องหารือรับมือ

การทหารในยามวิกฤต ตามตำแหน่งลำดับขุนนาง ทุกคนควรไปหารือที่กองกำลังหยางเหอ ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจธรรมเนียมมากมาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีมายังเมืองต้าถง มาหารือยังที่ทำการผู้ตรวจการเมืองต้าถง

ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีคุมกำลังเมืองเซวียนฝู่กับเมืองต้าถงสองเมือง ตำแหน่งผู้ตรวจการเมืองต้าถงก็มีหน้าที่ดูแลการทหาร เป็นตำแหน่งระดับสูงในเมืองต้าถง ในความเป็นจริงแม่ทัพใหญ่และขันทีคุมเสบียงเมืองต้าถงก็ใหญ่อยู่ ยามปกติทุกฝ่ายรักษาหน้ากัน ทุกคนเรื่องมากให้พอไม่เสียหน้ากัน ดังนั้นจึงสงบสุข ผู้บัญชาการมณฑลทหารและผู้ตรวจการไม่ค่อยได้ยุ่งกับเรื่องในเมืองต้าถง หากตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ส่งสารด่วนไปยังเมืองหลวง ยามนี้ไม่อาจสนใจธรรมเนียมที่เคยเป็นมาอีกแล้ว

หลายคนนั่งอยู่ในห้องโถงกลาง ย่อมเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีเวิงวั่นต๋านั่งตรงกลาง ผู้ตรวจการเมืองต้าถงเหมยเหวินจิ้นนั่งทางซ้ายคนแรก รองแม่ทัพหม่าต้งนั่งด้านขวาคนแรก ขันทีคุมเสบียงสวีเหวินนั่งต่อจากหม่าต้ง

ตำแหน่งไปตามลำกับ แต่เรื่องนำกำลังทหารต้องเป็นหม่าต้ง ขุนนางบู๊อื่นมานั่งตำแหน่งแม่ทัพ แม้ชั่วคราวก็อาจวางอำนาจเหิมเกริม แต่หม่าต้งอาจเป็นเพราะเป็นลูกหลานแม่ทัพ จึงค่อนข้างวางตัวเรียบร้อย

เขาปฏิบัติหน้าที่ตามธรรมเนียมเคร่งครัด แต่กลับเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารกับผู้ตรวจการที่จัดการยากกว่า แต่ก็ไม่มีเวลามาสนใจจัดการยากหรือไม่ คุยเรื่องสำคัญก่อน

“ตอนนี้ช่องเขาสังหารพยัคฆ์ไปถึงหุบเขาพยัคฆ์มีรายงานเตือนภัย หลายวันก่อนเห็นจุดควันไฟไล่หมาป่า ปีนี้ทุ่งหญ้านอกด่านไม่มีหิมะหนัก เมืองกุยฮว่าเฉิงได้ผลผลิตไม่เลว เหตุใดพวกนอกด่านจึงคิดมารุกรานหาเรื่อง?”

เวิงวั่นต๋าอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีมาเกือบสิบปี อายุ 70 ได้ ชายชราผู้นี้ตอนนั้นรักษาชายแดน แต่ความอาจหาญในวัยนั้นไม่หลงเหลือแล้ว บัดนี้คิดแต่จะใช้ชีวิตบั้นปลายสงบสุข

ผู้ตรวจการเมืองต้าถงสีหน้าลำบากใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารยังแสร้งทำเลอะเลือน เขากล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

“ใต้เท้า หลายเดือนมานี้ ขบวนพ่อค้าถูกปล้นกันมาก ไม่เพียงแต่ขบวนพ่อค้าเรา แม้แต่ขบวนพ่อค้าพวกนอกด่านก็โดนเช่นกัน เมื่อวานอดีตมหาอำมาตย์มีจดหมายมา ให้พวกเรารีบหาทางจัดการด่วน……สถานการณ์ตอนนี้ ผู้ใดจะไปสนใจพ่อค้าละโมบพวกนั้น แต่พวกนอกด่านนำทหารม้ามาเช่นนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมาปราบปรามกองโจรม้า หรือว่าคิดการไม่ดีต่อแผ่นดินหมิงเรากันแน่ เซิงเก๋อตูกู่เหลิงผู้นี้ไม่ใช่ข่านอันต๋าคนก่อน ตอนนั้น……”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทุกท่านอย่างไรก็ต้องคิดหาวิธี กล่าวประโยคเดิมๆ มีประโยชน์อันใด ขบวนพ่อค้าถูกปล้นเรื่องนี้ จะต้องจัดการให้เด็ดขาด พวกนอกด่านเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ต้องระวังป้องกันให้ดี ข้าต้องส่งฎีการายงานเข้าวัง”

ขันทีคุมเสบียงสวีเหวินกล่าวเสียงแหลมขึ้น พูดมาเป็นชุดไม่กระจ่างนัก แต่ทุกคนก็เข้าใจกระจ่าง ในใจก็พอรู้แล้ว ขันทีในห้องทำงานสำนักส่วนพระองค์และยังมีขันทีใหญ่หลายคนส่งจดหมายมาว่า การค้าชายแดนผลประโยชน์มากมาย ขันทีเมืองหลวงไม่น้อยล้วนมีส่วนแบ่ง กองโจรม้าเหิมเกริมเช่นนี้ คนไม่น้อยพลอยเสียประโยชน์ไปด้วย รอให้ทหารม้าเมืองกุยฮว่าเฉิงออกโรงมา ก็เท่ากับเส้นทางค้าถูกตัดขาด เงินก้อนโตที่เข้ากระเป๋าปกติ อยู่ๆ ก็มลายหายไป ผู้ใดจะยอมได้ ย่อมต้องเร่งให้แก้ไข

คุยกันมาสักพักแล้ว ยามนี้สามคนในห้องก็มองไปยังหม่าต้งพร้อมกัน หม่าต้งนั่งนิ่งบนเก้าอี้ ไม่ออกเสียง ราวกับไม่ได้ยิน

“ใต้เท้าหม่า?” “ใต้เท้าหม่า!!?”

ผู้ตรวจการเมืองต้าถงเรียกเสียงดังสองคำ แม่ทัพชั่วคราวเมืองต้าถง รองแม่ทัพหม่าต้งก็สะดุ้ง ราวกับได้สติคืนมา มองไปยังสายตาทุกคน เขาเงียบไปก่อนจะกล่าวว่า

“ข้าเป็นเพียงแม่ทัพชั่วคราว ไม่กล้ากล่าวอันใด รอให้ราชสำนักราชโองการมาละกัน!”

“ในห้องนี้ล้วนคนกันเอง สถานการณ์ตอนนี้ ใต้เท้าหม่าไยไม่กล่าวอันใดสักคำ หากรับมืองานนี้ไปได้ ตำแหน่งแม่ทัพเมืองต้าถงย่อมตกเป็นของใต้เท้าหม่า บางทีอาจได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ด้วยเลย ในที่นี้ท่านรู้การทหารที่สุด กล่าวมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ!”

เวิงวั่นต๋ากล่าวขึ้น นับว่าเป็นการหาทางลงให้อีกฝ่าย หม่าต้งกลับยังมีท่าทีผลักไส ถึงตอนนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องรับผิดชอบบ้าง อย่างไรก็ไม่ควรให้ขุนนางบุ๋นเช่นพวกเขามารับผิดชอบ

ก็ไม่รู้ว่าหม่าต้งโง่หรือฉลาดกันแน่ ทางนั้นกล่าวเช่นนี้ หม่าต้งจำต้องเอ่ยปาก กระแอมไอก่อนจะกล่าวว่า

“ในเมื่อต้องการให้ข้าพูด ใต้เท้าทุกท่านก็อย่าได้ถือสา สถานการณ์ทุ่งหญ้านอกด่านตอนนี้ พวกเราไม่กล้าลงมือพลการ หากส่งทหารออกไปเกิดเหตุเข้าใจผิดมา ให้พวกนอกด่านมีข้ออ้างนำกำลังมาโจมตีเรา เช่นนั้นก็ย่อมนำมาซึ่งภัยหายนะใหญ่ แผนการตอนนี้ก็คือให้ทหารชายแดนตามด่านต่างๆ รักษาด่านให้เข้มแข็ง เตรียมการให้พร้อม”

กล่าวเช่นนี้แล้วก็คงต้องทำเช่นนี้ ที่เหลืออีกสามคนกลับไม่ยอมรับคำตอบนี้ เหมยเหวินจิ้นขมวดคิ้วกล่าวว่า

“เผ่าอันต๋าแม้เคลื่อนไหว แต่อย่างไรก็ไม่ได้เปิดฉากรบ หากปล่อยกองโจรม้ากำเริบต่อไป เกรงว่าพวกเราคงไม่รู้จะรายงานอย่างไร?”

หม่าต้งที่นั่งอยู่สีหน้าแปรเปลี่ยน ลังเลก่อนจะยืนขึ้นประสานมือท่าทางจริงจังกล่าวว่า

“กล่าวกันเช่นนี้ งั้นมีบางเรื่องก็คงต้องเปิดเผยให้รู้กัน ทหารเมืองต้าถงเป็นอย่างไร ทุกท่านล้วนรู้ดีแก่ใจ สงบสุขมานานปี นอกจากปีก่อนที่ซุนต้าอิงบ้าคลั่งนำกำลังออกไปรบได้ชัยมา ที่เหลือก็ไม่ค่อยกล้าออกไป อย่าว่าแต่ไปรบเลย แม้แต่พวกเผ่านอกด่านมาโจมตี จะมีสักกี่คนที่จะยืนหยัดไว้ได้?”

ทุกคนเงียบกริบ หม่าต้งกล่าวต่อว่า

“ตอนนี้ทะเบียนทหารมีแสนสามหมื่น แต่จริงๆ เก้าหมื่นก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว ทหารเก้าหมื่นนี้มีทหารในจวนขุนพลที่ได้รับการฝึกเท่าไรกัน เกรงว่าไม่ถึงสามพัน ถึงตอนนั้นออกไปสู้ก็คงแค่สามพันนี้ ที่เหลือยังสู้ชาวนาไม่ได้เลย ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ปราบปรามกองโจรม้า แต่เป็นว่าจะรักษาชายแดนนี้ไว้ได้ไหมมากกว่า ใต้เท้าทุกท่านหากเชื่อข้า ข้าขอกล่าวคำเดียว ตอนนี้รักษาเมืองไม่ไหวแล้ว พวกนอกด่านเข้ามายิ่งใกล้ ขอเพียงฝ่ากำแพงเมืองมาได้ เมืองก็ย่อมแตก ถึงตอนนั้นคงจบสิ้นกัน”

รองแม่ทัพหม่าต้งกล่าวจบ ผู้บัญชาการมณฑลทหารเวิงวั่นต๋ากับผู้ตรวจการเหมยเหวินจิ้นพากันหนาวสันหลังวาบ สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดขึ้น หากขันทีคุมเสบียงสวีเหวินที่ยังคงงงอยู่

เวิงวั่นต๋าตอนนี้รู้ดีเรื่องกำลังทหารกองกำลังหยางเหอแล้ว หรือแม้จะไม่รู้เรื่องกำลังทหารอย่างผู้ตรวจการเมืองต้าถงเหมยเหวินจิ้นก็ย่อมมีตามองออกไปนอกกำแพงเมืองได้

สองคนเป็นขุนนางบุ๋น มาคุยเรื่องการสงคราม วางแผนก็คงได้ แต่ทหารอ่อนแอเข้มแข็งพวกเขาจะไปเข้าใจได้อย่างไร อย่างไรก็ต้องฟังแม่ทัพว่าอย่างไรก็อย่างนั้น

ได้ฟังหม่าต้งกล่าวจริงจังเช่นนี้ คิดถึงทหารพวกนอกด่านที่เริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ หากตีฝ่ากำแพงเมืองมาได้ มาถึงมณฑลซานซี ตามกฎในอดีต ขุนนางบู๊ก็แค่ลดขั้น แต่พวกเขาต้องรับผิดชอบถูกจับไปลงโทษ

แต่พวกเขาไม่รู้การทหาร ขันทีคุมเสบียงสวีเหวินวันๆ อยู่ในกองทัพ ขันทีจากในวังกับขุนนางบุ๋นไม่เหมือนกัน ขุนนางบุ๋นอาศัยการร่ำเรียนตำราไต่เต้ามา แต่ขันทีคิดจะออกมาปฏิบัติหน้าที่ นอกจากมีขันทีใหญ่ให้การส่งเสริม ยังต้องมีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ รู้งานแท้จริง

กำลังทหารเมืองต้าถงเป็นเช่นไร สวีเหวินย่อมรู้ดีกว่าผู้บัญชาการมณฑลทหารกับผู้ตรวจการ อ่อนปวกเปียกอย่างที่สุด แต่การป้องกันก็คงยังป้องกันได้ สงบสุขมานานปี ทหารในสังกัดซุนต้าอิง หม่าต้ง หรือว่าของตระกูลลี่ก็พอได้อยู่ ทุกคนพอมีกำลังที่ต่อสู้ได้ หม่าต้งมีทหารตระกูลหม่า สามารถมีทหารแปดพันนายที่ออกรบได้

พวกนอกด่านนั้นใช่ว่าใครๆ ก็ออกไปต่อกรได้ หากพวกนอกด่านมาโจมตี การมีกำลังทหารเก่งกล้าสองหมื่น และมีม้าที่ได้เปรียบ คงไม่สามารถส่งกำลังออกไปหมด คงต้องรักษาเมืองกุยฮว่าเฉิง ป้องกันเผ่าอื่นโจมตีบ้าง แต่คิดอย่างไร หากพวกนอกด่านมาจริง เมืองต้าถงคงไม่ใช่ว่าไร้กำลังรักษาป้องกันเมืองตนเอง อย่างไรก็คงพอสู้ไหว อย่างน้อยก็รักษาพื้นที่สำคัญไม่ให้เสียไปได้

แต่หม่าต้งกลับกล่าวได้น่าสลดเช่นนี้ สวีเหวินเริ่มครุ่นคิดหนัก รู้สึกว่าหม่าต้งรักษาตัวรอดไว้ก่อน หากตบอกรับปากมั่นใจออกไป เกิดเหตุแพ้ขึ้นมาก็ไม่รู้จะรายงานอย่างไร ตอนนี้พูดให้น่าสลดไปก่อน อย่างไรก็ดีกว่าถึงคราวต้องสลดแท้จริง อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับตนเอง

ผู้บัญชาการมณฑลทหารกับผู้ตรวจการสองคนสบตากัน ไม่ทันสังเกตความนัยอันใด คิดว่าชื่อเสียงตำแหน่งต้องมาแหลกสลายไป ถูกจับไปเข้าคุก ก็ยิ่งคอตกหมดหวัง ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี

“ใต้เท้าทั้งสอง ข้ามีความเห็นหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรกล่าวไม่ควรกล่าว!!”

กำลังอึดอัดไร้หนทางอยู่นั้น หม่าต้งกลับกล่าวขึ้น ขันทีคุมเสบียงสวีเหวินถึงกับเงียบตั้งใจฟัง อีกสองคนเหมือนว่าคว้าต้นหญ้าช่วยชีวิตไว้ได้อย่างไรอย่างนั้น รีบตอบรับว่า

“ใต้เท้าหม่าเชิญกล่าวๆ”

“ตอนนี้ ใต้เท้าหวัง ผู้แทนพระองค์อยู่ที่เมืองไท่หยวน มีราชโองการให้นำกำลังออกปราบกองโจรม้า ในเมื่อชายแดนมีรายงานเตือนภัย ไม่สู้อาศัยจังหวะนี้ ส่งรายงานด่วนไปเมืองหลวง ให้เชิญใต้เท้าหวังมาร่วมออกความเห็นดีไหม เช่นนี้ก็ไม่ต้องให้พวกเรามารับผิดชอบอันใด……”

“ใต้เท้าหม่า ความคิดนี้ไม่เลว ด้วยพระนิสัยฝ่าบาท เห็นรายงานด่วนเมืองต้าถง ดีไม่ดีก็ให้หวังทงมารับผิดชอบไปเลย ก็ดี พวกเราร่วมกันถวายฎีกาเถอะ!!”

***************

หารือจบ ทุกคนร่วมประทับตราลงนามฎีกา ม้าเร็วส่งไปเมืองหลวง หม่าต้งตอนอยู่ในที่ทำการสีหน้าเรียบเฉย แต่พอออกมาก็ยิ้มเยียบเย็น

ตอนทหารช่วยส่งตัวเขาขึ้นม้าไป ทหารคนหนึ่งก็เข้ามากระซิบว่า

“นายท่าน ด่านไป๋หยางตุนสินค้าไว้ไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ราคาสูงมากพอดี จะให้……”

“ข้าบอกเจ้าอีกครั้ง จะขายตอนไหนข้าเป็นคนตัดสินใจ วันนี้เจ้าไปที่ด่านไป๋หยาง ไปบอกทางนั้นว่า ไม่มีคำสั่ง อย่าได้ทำอันใดพลการ ไม่เช่นนี้ครอบครัวมันไม่ว่าคนแก่หรือเด็กอย่าได้คิดมีชีวิตต่อไป!!”

ด่านไป๋หยางเป็นด่านชายแดนเมืองต้าถงใกล้กับเมืองเซวียนฝู่ หม่าต้งเคยประจำอยู่กองกำลังเทียนเฉิงที่ด่านนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version