Skip to content

เจ้าของร้านพิศวง 278

278 : คำว่าน่ารังเกียจจะเป็นคำจารึกของทรชน

“ทุกคน! จัดรูปแบบที่สามเผชิญหน้าศัตรู!!!”

คล็อดที่อยู่ชั้นล่างตอบสนองเป็นคนแรก เขารีบตะโกนสุดเสียง คว้าไปในความว่างเปล่า แล้วแสงสีทองก็หลั่งไหลออกมาประกอบเป็นดาบยาว แต่ในขณะเดียวกัน ร่างที่พุ่งออกมาจากฝุ่นควันก็กระโดดทุบลงมาอย่างแรง

เป้าหมายชัดเจน และมุ่งเป้าไปที่คนสำคัญที่สุดที่ชั้นล่าง

คล็อด!

เขาเป็นผู้บัญชาการที่อยู่ตรงกลางหมู่อัศวิน และยศของเขาก็สูงที่สุดด้วย ขอเพียงฆ่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้ คนอื่นก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว

คล็อดย่อมตรวจจับจุดนี้ได้ เขายกดาบยาวขึ้นแล้วสร้างเกราะขึ้นป้องกัน แล้วสิ่งแรกที่ปรากฏสู่คลองจักษุก็คือกรงเล็บสีเขียวเข้มคู่หนึ่ง

เขาตะลึงจนเกือบคุมตัวเองไม่อยู่ “นั่นออสวาลด์เหรอ?! เป็นไปไม่ได้! จากการสืบโดยใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ก็พบว่าชั้นสองมีแค่ออสวาลด์นี่! นี่มันตัวอะไรก๊าน?!”

แต่เขาไม่มีเวลาให้ขบคิด…

กรงเล็บที่แหลมคมเหล่านี้ยาวครึ่งเมตรเต็ม มีสนับหนา เล็บแหลมคม ผิวเรียบปะปนด้วยเกล็ดน่าขนลุกและฝ่ามือหนาที่เต็มไปด้วยพังผืดบ่งบอกว่าศัตรูไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว

แต่ว่าดาบยาวก็หยุดกรงเล็บพังผืดแหลมคมนั้นไว้ได้เพียงครู่เดียว ก่อนที่จะถูกแรงมหาศาลฉีกกระชากจากกันแล้วสลายไปกลางอากาศ

เปรี้ยง!!!

ทั้งคู่ชนกันเสียงดังสนั่น ฝุ่นควันปลิวไปทั่วทุกทิศ

คล็อดกัดฟันไว้แน่นแล้วถูกผลักกลับด้วยแรงส่วนที่เหลือ ร่างทั้งร่างของเขาลุกไหม้เจิดจ้า กล้ามเนื้อปูดโปน เรียกใช้พลังของอีเธอร์แล้วควบคุมพลังเหนือธรรมชาติไว้อย่างเต็มกำลัง

แกรก…แกรก…!

พื้นอิฐหินใต้เท้าคล็อดถูกเขาเหยียบจนแตกร้าวแผ่ราวใยแมงมุม แล้วในขณะเดียวกันพื้นก็ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างที่เขาถูกผลักถอย พื้นก็ถูกลากเป็นรอยยาวไปตลอดทาง

แรงกระแทกมหาศาลนี้ทำให้อวัยวะภายในและกระดูกของเขาเสียหายหลายที่ ทำให้เขาหน้าซีด ปากเต็มไปด้วยเลือด แล้วเขาก็รวบรวมกำลังตวาดคำว่า ‘วิ่ง’ ออกมาอย่างสุดแรง

รูปแบบที่สาม คือรูปแบบที่ใช้หนึ่งคนเป็นตัวล่อ แล้วให้คนอื่นล้อมจับกุม

ในตอนแรกทุกคนต่างแยกย้ายกันประจำที่เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้และไม่เสียสละโดยไม่จำเป็น

ในช่วงคับขันที่สำคัญนี้ คล็อดก็ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องที่สุดแล้วสั่งการอย่างรวดเร็วที่สุด

เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ “แข็งแกร่งเกินไปแล้ว…อย่างมากเราก็คงต้านได้สักสามวินาที บางทีกว่าอาจารย์จะมาถึง เราก็คงตายไปแล้ว…”

ตอนที่เขากระเด็นไปเมื่อครู่ เขาก็เหลือบไปเห็นว่าโมนิก้าที่เคยร้องขอความเมตตาระคนสอพลอได้กลายเป็นแอ่งโลหิตไปแล้วจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้

แล้วในที่สุด สัตว์ประหลาดไร้มนุษยธรรมก็เผยสันดานแท้ของตนออกมา

ร่างใหญ่ยักษ์สูงสี่ถึงห้าเมตรเกือบกินพื้นที่ทั้งห้องโถง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวเป็นมันเลื่อม แต่ก็ยังมีเส้นขนให้เห็นหรอมแหรม ยังมีบางที่ที่ยังดูเหมือนผิวเรียบๆ ของมนุษย์ และมือเท้าต่างก็กลายเป็นพังผืดที่มีกรงเล็บแหลมคมไปแล้ว

ส่วนหัวนั้นแปลกที่สุด ใบหน้าครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ายยังคงเป็นของออสวาลด์ที่มีสีหน้าเจ็บปวด แต่ก็ดูน่าเลื่อมใสและเหม่อลอย ดวงตากลอกไปมาอย่างยุ่งเหยิง แล้วเส้นเลือดสีเขียวที่หน้าผากก็ดูเหมือนหนอนแมลงที่กำลังดิ้นยุกยิกอย่างต่อเนื่อง

มันดูราวกับว่าเขาได้เสียสติไปหมดแล้ว

ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งนั้นไม่เพียงดูเหมือนปลา แต่ก็ดูเหมือนกบด้วย ผิวสีเทามีรอยย่นเป็นชั้นๆ มีเมือกเหลวและเลือดไหลชุ่ม ตาอีกข้างปูดโปนออกมาอย่างเต็มที่และเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยหนาแน่น ที่มุมปากของเขาก็ตกห้อย เผยให้เห็นซี่เขี้ยวที่เรียงกันเต็มปากไปหมดด้านใน

“เอิ้ก คร่อกก…!!”

มันพูดพล่ามฟังไม่ออกราวกับคนละเมอ แล้วในภายหลังก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นภาษามนุษย์ มองดูแล้วเป็นภาพที่บ้ามากๆ “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่… ไม่ อย่านะ…ฆ่า… ช่วยด้วย…ช่วยฉันด้วย!!!”

ปัง!

มันคำรามอย่างเดือดดาลในขณะที่ยังฟาดงวงฟาดงา หน้าผากของคล็อดเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬที่แตกซิก มือทั้งสองสั่นไหวอย่างคุมไม่ได้ เขาค้ำยันไว้ไม่ได้ถึงวินาทีด้วยซ้ำ

หลังจากที่กระดูกของเขาร้องออกมาได้สองครั้ง กระดูกทั่วร่างของเขาก็ร้าวแตกหมด ร่างของเขากระเด็นไป แล้วเพลิงสีขาวบนร่างของเขาก็ดับลงด้วย

เขาคิดอย่างสิ้นหวัง ถึงตัวออสวาลด์เองจะอยู่ในระดับภัยพิบัติ แต่เพราะตัวเองอายุมากแล้ว อย่างมากเขาก็คงนับได้ว่าเป็นระดับสัตว์ประหลาดขั้นสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตนนี้กลับพอฟัดพอเหวี่ยงกับอาจารย์เลย!

ใครกันคือ ‘นายท่าน’ ที่มันว่า คนที่เปลี่ยนให้มันเป็นแบบนี้เหรอ? แล้วทุกอย่างก็เริ่มตอนที่เรามาจับออสวาลด์ที่นี่ แปลว่านี่คือแผนสมคบคิดไม่ผิดแน่!

แต่คนที่มีความแข็งแกร่งระดับที่สามารถเลื่อนขั้นคนระดับสัตว์ประหลาดเป็นระดับภัยพิบัติระดับสูงสุดได้ทันที ก็มีอยู่ในนอร์ซินแค่ไม่กี่คน…

เพิ่งเริ่มต่อสู้ได้ไม่กี่วินาที คล็อดก็แพ้ยับเยินแล้ว และตอนนี้สิ่งที่เขาคิดก็อาจไม่มีผลอะไรแล้ว

สัตว์ประหลาดที่ออสวาลด์กลายไปเป็นนั้นมีสีหน้าหวาดกลัว แต่เมื่อมันก้าวออกมาใช้มืออีกข้างล้อมตัวคล็อดไว้ มันกลับไม่ฆ่าเขาทันที

แต่มันกลับยกร่างของเขาขึ้นแล้วยิ้มแปลกๆ ขณะมองไปทางโจเซฟที่กำลังเข้าประตูมา

“อดีตอัศวินแห่งแสงรุ่นก่อนผู้ยิ่งใหญ่ นายเตรียมพร้อมมาฆ่าฉันหรือเปล่า?”

มันหัวเราะเบาๆ แล้วจิกกรงเล็บเข้าไปในท้องของคล็อดอย่างลึกล้ำ เครื่องในของเขาแหลกกระจาย “หรือจะเตรียมฆ่าลูกศิษย์ที่รักของนายดีล่ะ?”

“ตอนนี้ ขอแค่มือของฉันออกแรงสักนิด ศิษย์รักที่สุดของนายก็จะถูกแยกร่างเป็นชิ้นๆ”

มันดูจะไม่ได้บ้าคลั่งสติแตกอย่างภายนอก ในทางกลับกัน มันกลับฉลาดขึ้นกว่าเก่า!

สีหน้าของโจเซฟจริงจัง เขาไม่ได้ขยับ แต่ยังคงกำมือแน่นยื่นไปด้านหน้า แล้วเพลิงพิสุทธิ์ที่โหมกระหน่ำก็เจิดจ้าสะดุดตา

เขามองคล็อด ศิษย์ของเขาที่หายใจติดขัด ทำได้เพียงฝืนลืมตาแล้วพยายามพูดอย่างอ่อนแรง “อาจารย์…อย่าสนใจ…ฆ่า…ผม…ให้ตาย…”

อวัยวะภายในของเขาเกือบแหลกเละไม่เหลือแล้ว ร่างของเขาโชกเลือด กระดูกส่วนใหญ่ป่นไปแล้ว หากเปลี่ยนเขาเป็นคนธรรมดา เขาคงตายจากอาการบาดเจ็บที่ว่ามานานแล้ว ที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็เพราะเขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยังพอมีแรงพูดคำพูดเฮือกสุดท้ายได้สองสามคำ

เขาใช้คำพูดนี้เพื่อตัดสินชะตาของตัวเอง

โจเซฟมองศิษย์ของตัวเองอย่างตกในภวังค์ เหมือนเห็นตัวเขาเองในอดีตซ้อนทับกับคล็อด แล้วเขาก็พยักหน้าพลางพูดว่า “นายทำได้ดีมาก ต่อให้เป็นฉันก็ทำดีกว่านายไม่ได้แล้ว”

ว่าแล้ว…เขาก็ลดกำปั้นของตัวเองลง

“เจี๊ยบ ฮี๊ ฮี่ฮ่าๆๆๆ!” ออสวาลด์ระเบิดเสียงหัวเราะแปลกๆ ออกมาแล้วล้อเลียน “โกรธเหรอจ๊ะ? แค้นไหมเอ่ย? ไม่ว่ายังไงนะโจเซฟ เรื่องการช่วยชีวิตศิษย์ของนายมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแหละ เอาล่ะ นายจะทำได้แค่มองฉันหนีไปอย่างทำอะไรไม่ได้…สักอย่างเดียว!”

สัตว์ประหลาดยักษ์เดินเยื้องย่างบิดไปมา ชูร่างที่ถูกเสียบทะลุของคล็อดขึ้นสูง ทำให้แรงโน้มถ่วงมอบความเจ็บปวดที่ลึกล้ำกว่าเก่าให้เขา

“เพลิดเพลินกับโทสะในตอนนี้ซะสิ นี่แหละชะตาสุดท้ายที่คู่ควรกับความยุติธรรม”

“คำว่าน่ารังเกียจจะเป็นคำจารึกของทรชน…หรือไม่ใช่?”

โจเซฟสูดหายใจลึกๆ แล้วยืนพูดอย่างใจเย็น “น่าเสียดายนะออสวาลด์ คำว่าน่ารังเกียจจะเป็นคำจารึกบนหลุมศพนาย”

“หือ?”

ออสวาลด์ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วเตรียมการยั่วยุชายผู้ดื้อรั้นคนนี้อีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีเงาขนาดยักษ์ทอดลงมาจากเหนือหัวแล้วจับตัวเองยกขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเขาก็เห็นยักษ์สีขาวที่ตัวใหญ่กว่าเขายื่นมือออกมา ดวงตาและวิสัยทัศน์ของเขาพลันดำมืด แล้วสติของเขาก็หลุดลอย

ยักษ์สีขาวไม่มีใบหน้า มือข้างหนึ่งของมันบิดหัวของออสวาลด์เบาๆ แล้วอีกมือก็ลากตัวคล็อดที่ร่วงลงมา จากนั้นก็ยืนตระหง่านท่ามกลางซากปรักหักพังของคฤหาสน์

ภาพจิตเสมือน!

การที่โจเซฟยื่นหมัดของเขาออกเมื่อครู่นั้นไม่ใช่เพราะกำลังรวบรวมกำลัง แต่เป็นการเรียกใช้งานโลกแห่งจิตใจต่างหาก

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version