Skip to content

เจ้าของร้านพิศวง 418

418 : กินสดๆ

“คุณจำคนผิดหรือเปล่าครับ?” หลินเจี๋ยถามอย่างเคลือบแคลง

เมื่ออยู่กับแม่มดผู้แข็งแกร่งอย่างซิลเวอร์มานาน หลินเจี๋ยจึงไม่ประหม่ามากนักเมื่อได้พบตัวตนในระดับเดียวกันกับเธอ

แม้ว่าเขาจะเป็นแค่เจ้าของร้านหนังสือ หลินเจี๋ยก็เป็นคนที่เห็นโลกมามากมาย เขาหยุดการก่อการร้ายของวิถีแห่งดาบอัคคี ช่วยก่อตั้งหนึ่งในศาสนาที่ดีที่สุดอย่างศาสนาแห่งตะวันขึ้น และในร้านของเขายังมีอดีตตำรวจชั้นผู้ใหญ่เกษียณอยู่ด้วย…

ดังนั้นเมื่อหลินเจี๋ยต้องมาเผชิญหน้ากับทัศนคติเชิงปรปักษ์ของแม่มดแห่งอัคคี เขาจึงไม่กระวนกระวาย แต่ก็แปลกใจเล็กน้อย

“จำผิด?”

แม่มดแห่งชีวิตหรี่ตาลงน้อยๆ สถานการณ์ดูจะต่างจากที่เธอคิดฝันไว้เล็กน้อย

เมื่อเห็นออร่าของไลฟ์ดุดันอันตรายมากขึ้นทุกที หลินเจี๋ยก็รู้สึกว่าแม่มดไม่ได้งดงามใจดีอย่างซิลเวอร์เสียทุกตน

ทว่าแม่มดแห่งอัคคีมีใบหน้ามนุษย์แค่ครึ่งเดียว และอีกครึ่งปกคลุมด้วยเกล็ด ร่างของเธอแทบจะสร้างจากเปลวเพลิงทั้งหมด มันไหลเวียนราวกับแมกม่าบนตัวเธอ แผ่ความร้อนแรงเหมือนดั่งผ้าคลุม ราวกับพร้อมเผาชั้นหนังสือรอบๆ ได้ทุกเมื่อ

มองอย่างไรก็น่ากลัว ใช่ไหมล่ะ?

“ครับ” หลินเจี๋ยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “คุณจำคนผิดแล้ว”

ไลฟ์ลังเล บุคคลตรงหน้าเธอดูจะเป็นมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ จากกลิ่นอายของเขา แม้จะปนเปไปด้วยออร่าชั่วร้ายน่ารังเกียจ แต่แก่นแท้ของเขาดูเหมือน…

เธอมองไปรอบๆ ชั้นหนังสือสุดลูกหูลูกตานี้ตั้งนิ่งและแทรกไปด้วยความมืดอันคุ้นเคย ร้านหนังสือทั้งร้านดูราวกับหลุมดำไร้ก้นบึ้ง

อย่าหลงเชื่อ! เขาแค่เล่นลิ้น! เมื่อหลายพันปีก่อน เธอถูก ‘ความมืด’ กลืนกินจนสิ้นใจ แม้จะคิดว่าตนเองหนีได้ ทิ้งพิกัดและรอคอยการฟื้นคืนชีพตามโชคชะตา แต่ไม่คิดเลยว่าหลายพันปีต่อมาในวันนี้ เธอจะได้มาคืนชีพในท้องของเทพปีศาจเสียแทน

เมื่อเห็นว่าแม่มดหยุดพูด หลินเจี๋ยก็ดูเหมือนว่าจะสงบลง คงพูดได้แล้ว

หลินเจี๋ยกระแอมให้คอโล่ง กล่าวว่า “ผมชื่อหลินเจี๋ย เจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนหนึ่งครับ แต่ผมโชคดีพอที่จะได้ติดต่อกับซิลเวอร์มาก่อน และเรียนรู้หลายสิ่งจากเธอ คุณก็น่าจะรู้จักเธอเหมือนกันใช่ไหมครับ?”

หลินเจี๋ยพูดเกี่ยวกับตัวตนของเขา แต่แม่มดแห่งชีวิตก็ดูเหมือนจะมองไปยังจุดที่มืดมิดข้างหลังเขา

เงาของเขาขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่กำลังพูด และในที่สุดก็เกิดเป็นปากถ้ำมืดมิดไร้ขอบเขต ไม่เหมือนสัตว์ประหลาดน่าหวาดหวั่นหรือพลังอันน่าขนลุกใดๆ มันเป็นเพียงความมืดบริสุทธิ์ที่ดูจะกลืนกินได้ทุกสิ่ง

จักรวาลนี้ ดวงดาวพร่างฟ้า สรรพสิ่ง…จะถูกมันกลืนกินจนชีพมลาย

นี่แหละคือสิ่งที่แม่มดแห่งอัคคีกลัวที่สุด ตอนนี้ใบหน้าครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ของเธอกำลังบิดเบี้ยว

แม่มดบรรพกาลไลฟ์หลับตาลง ปกปิดม่านตาสีแดงดั่งเพลิงของเธอ หวังจะต่อต้านความกลัวรุนแรงจนตัวสั่นนี้ด้วยการตกไปสู่ความมืดที่เธอสร้างขึ้นเอง

“แล้ว…” หลินเจี๋ยสาธยายตัวตนของเขาอย่างจริงจัง แต่กลับเห็นว่าแม่มดบรรพกาลไลฟ์หลับตาลง

หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว เขาพบว่าแม่มดตนนี้ไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลย และเพราะไฟบนร่างของเธอตอนนี้กำลังลุกโชน มันจึงค่อยๆ ลาม

หลินเจี๋ยกังวลเกี่ยวกับหนังสือบนชั้นข้างตัวเขาเป็นครั้งแรก เค้าลางโทสะก่อตัวขึ้นในใจ แต่เขาก็ยังกล่าวอย่างสุภาพ “เดี๋ยวนะครับ รบกวนดับไฟได้ไหมครับ?”

ตั้งแต่ก่อนจนตอนนี้ ชายหนุ่มทนให้ผู้อื่นไม่สุภาพกับเขาได้ ให้อภัยพฤติกรรมหุนหันของผู้อื่นได้ แต่ถ้ามีใครอยากทำลายหนังสือของเขาล่ะก็ เขาจะโกรธจริงๆ แน่…

แม่มดหลับตาลงแน่น กล่าวเสียงต่ำว่า “ข้ายอมรับว่าข้าคิดผิด แต่ข้าจะมิยอมรับเจ้า ข้าเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับเจ้า หากเจ้าคิดให้ข้าดับไฟตนเอง อย่าแม้แต่จะฝัน!”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนนับแต่เธอก่อกองไฟขึ้นเพื่อสร้างแสงสว่างส่องโลกไปด้านหนึ่ง ถ้าเธอไม่ระวังตัวในความมืดไร้สิ้นสุด เธอจะถูกมันกลืนกิน เช่นนั้นเธอจึงอุ้มชูมนุษย์ขึ้นมากมายเพื่อให้ตนรู้สึกปลอดภัย

“มิว่าจะเป็นยามนี้หรืออดีต ข้าคือผู้จุดเพลิงเสมอ และเพลิงนี้จะลุกโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลืนกินรังปีศาจของเจ้าให้มอดสิ้น!”

เธอลืมตาขึ้นกะทันหัน เปลวเพลิงสยายไปด้านข้างราวปีก เปลี่ยนเป็นเพลิงคลั่งกวาดล้างทุกสิ่ง พุ่งทะยานเข้าหาหลินเจี๋ย

หลินเจี๋ยอยากดึงอีเธอร์ที่เก็บไว้ในแดนนิมิตของตนออกมาปกป้องหนังสือโดยสัญชาตญาณ แต่เขาลืมหลบ

วินาทีต่อมา…

เงาดำมโหฬารที่แผ่อยู่ข้างหลังเขาเสมอก็พองตัวขึ้นกะทันหัน…

แคว่ก!

หลินเจี๋ยเบิกตากว้าง มองทุกอย่างตรงหน้าเขา เงาของเขาเปลี่ยนเป็นสสารลึกลับสีดำ เริ่มค่อยๆ บิดม้วน งอกเส้นหนวดนับไม่ถ้วนออกมามัดร่างของแม่มดบรรพกาลที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาเอาไว้ จากนั้นในวินาทีต่อมา ร่างของเธอก็ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

เปลวเพลิงสีแดงเทลงมาดั่งแม็กม่าร้อนฉ่า หลั่งไหลเหมือนโลหิต ใบหน้าของแม่มดบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวดในทันที แขนขาของเธอถูกฉีกแยก

ทว่าความคิดแรกของหลินเจี๋ยกลับเป็น…เลือดเพลิงนี้จะร้อนเกินไปจนพื้นกับชั้นหนังสือพังหมดหรือเปล่า?

และในขณะที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นนั้นเอง พื้นทั้งร้านนอกจากบริเวณที่เขายืนอยู่ก็กลายเป็นหลุมดำอันมืดมิด และเลือดที่เหมือนถูกเทออกมาจากหม้อหลอมก็ถูกกลืนหายไปก่อนจะทันตกถึงพื้น

“อ๊าา…!”

แม่มดบรรพกาลไลฟ์กรีดเสียงสุดท้าย ครั้งนี้เธอหนีไม่รอด ไม่สามารถจัดเตรียมการรอคืนชีพได้เหมือนเมื่อหลายพันปีก่อนอีกต่อไป

บางที ความมืดนี้อาจจะรอคอยเธอมาหลายพันปี กล่าวอีกอย่างก็คือ ประวัติศาสตร์นับพันปีไม่มีอยู่สำหรับเขาเลย กาลเวลาไม่สามารถกัดกร่อนเขา เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างและรอคอยเวลานี้อยู่

หัวของแม่มดถูกเส้นหนวดสีดำบดขยี้ ดวงตาจากในหน้าครึ่งมนุษย์กลิ้งหลุนๆ มาแทบเท้าหลินเจี๋ย หลินเจี๋ยขมวดคิ้วมอง ดวงตาดวงนี้ของแม่มดดูเหมือนกำลังจ้องค้างที่เขา

เอาจริงๆ เลยนะ มันดูน่ากลัวชะมัด…

หลินเจี๋ยคิดเช่นนี้ช้าๆ ในใจ และถัดมาลูกตาดวงนั้นก็ถูกความมืดกลืนกิน

แม่มดบรรพกาลผู้หนึ่งถูกกลืนหายไปในพริบตา เปลวเพลิงแห่งชีวิตซึ่งคงอยู่แต่บรรพกาล อำนวยพรแก่การขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ถูกดับลงอย่างสมบูรณ์

หลังจากกินแม่มดเข้าไป ความมืดที่ขยายตัวเมื่อครู่ก็เริ่มหดตัวกลับเป็นเงารูปร่างมนุษย์ซึ่งยืนตรงหน้าหลินเจี๋ยอย่างช้าๆ

หลินเจี๋ยมองไปรอบๆ ซึ่งดูเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย และกระทั่งหนังสือบนชั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“เจ้าดำ คุณกิน…ไลฟ์ไปแล้วเหรอ?” หลินเจี๋ยเลียปากถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย

เจ้าดำไม่ตอบ มันทำเพียงมองหลินเจี๋ยนิ่งดั่งภูตผี แต่หลินเจี๋ยทราบคำตอบอยู่แล้ว

บางทีแม่มดอาจจะไม่ได้จำคนผิดเมื่อครู่ก็ได้ แต่คนที่เธอกลัวไม่ใช่หลินเจี๋ย แต่เป็นเจ้าดำข้างหลังหลินเจี๋ยต่างหาก…หากกล่าวเช่นนั้น แม่มดก็น่าสงสารจริงๆ

และเหตุผลที่เจ้าดำชิงเศษแผ่นศิลาของไลฟ์มา นั่นก็เพราะเขาต้องการกินแม่มดแห่งอัคคีจริงๆ

แต่การที่เขาไม่ได้กินแผ่นศิลาเข้าไปโดยตรง อาจเป็นเพราะเขาอยากกินสดๆ ก็เป็นได้…

ในตำนานของแม่มดแห่งชีวิต มีเรื่องที่เธอใช้กองเพลิงเพื่อต่อต้านความมืดอยู่เสมอ และความมืดนั้นก็อาจจะเป็นเทพปีศาจผู้ทำลายเมืองเอลฟ์โบราณ ผลักทุกชีวิตสู่ความบ้าคลั่ง

หรือเจ้าดำจะเป็นเทพปีศาจ?

สีหน้าของหลินเจี๋ยซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยทันที

แต่เจ้าดำไม่เคยทำร้ายเขาเลยสักครั้ง กระทั่งยังช่วยเขาทำเรื่องมากมายทั้งๆ ที่จะเมินเขาไปเสียก็ได้ นับแต่การย้ายโลกจนปัจจุบัน เขาก็อยู่ข้างหลินเจี๋ยมาโดยตลอด แล้วเมื่อครู่…

หลินเจี๋ยมองเจ้าดำ อยากถามเขาว่าเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าคำถามของเขาดูเหมือนเด็กไปสักหน่อย

โลกนี้อาจไม่มีทั้งความยุติธรรมหรือความชั่วร้าย หลินเจี๋ยเชื่อว่าตนเองใจดี นับแต่เกิดจนปัจจุบัน เขาช่วยเหลือคนมานับไม่ถ้วน ไม่ได้ด้อยไปกว่าวินเซนต์เลย แขกทุกคนที่มาร้านหนังสือนี้ ไม่ว่าจะจิตตกยากจนแค่ไหน เขาก็ยังพยายามชี้ทางสว่างให้อีกฝ่าย ช่วยชีวิตพวกเขาอย่างเต็มที่เสมอ

หลินเจี๋ยเป็นคนดี และคนที่รู้จักเขาจะไม่มีใครแย้งเรื่องนี้

แต่ไลฟ์เพิ่งโจมตีเขาโดยไม่แยกแยะเมื่อครู่ คิดอยากจะ…ฆ่าเขา

อะไรถูก อะไรผิดกันแน่?

เขามอง ‘ลิ่ม’ วงกลมซึ่งสูญเสียแสงสว่าง เปลี่ยนเป็นก้อนหินแตกๆ ธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งอีกครั้ง

ถ้าไม่มีเจ้าดำ เขาคงตายไปแล้ว

“ขอบคุณนะเจ้าดำ ที่ช่วยผมเมื่อกี้”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version