№ 182 เหลี่ยมจัดเกินไป!
เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง มือก็จำแนกสมุนไปลวกๆ เอ่ยว่า “ถูกจับเข้ามา”
“จับเข้ามารึ? หรือว่าเจ้าเป็นนักปรุงยา?” เด็กหนุ่มถามอย่างแปลกใจนิดหน่อย
“ทำไมพูดเช่นนั้นเล่า?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว
เด็กหนุ่มมองด้านในแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาลง “ทุกทีจะมีคนถูกจับเข้ามา แต่พวกที่ถูกจับเข้ามาล้วนเป็นนักปรุงยา โน่น ทั้งหมดอยู่ในหอ พวกเราด้านนอกอย่างมากสุดก็นับเป็นเพียงลูกมือการยา คอยทำงานจิปาถะ”
“หากอยู่ด้านในกันหมดเจ้ารู้ได้เช่นไรว่าอีกฝ่ายล้วนเป็นนักปรุงยา?”
“นั่นเพราะครั้งก่อนมีชายคนหนึ่งเอะอะโวยวายตลอดทาง พวกเราถึงได้รู้น่ะสิ”
“อ้อ” เธอพยักหน้า ไม่ถามอะไรอีก ในใจกำลังครุ่นคิด นายท่านเหยียนสร้างหอโอสถไว้ที่นี่เช่นนี้ ซ้ำยังจับพวกนักปรุงยากลับมาถึงเพียงนั้น คิดจะศึกษาอะไรกันแน่นะ?
อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องหนังสือเรือนหลัก
“นายท่าน คนอื่นๆ คอยอยู่ห้องรับรองแล้วขอรับ” ฮุยหลางรายงานด้วยความยำเกรง
นายท่านเหยียนที่นั่งจัดการงานอยู่หน้าโต๊ะหนังสือมองฮุยหลาง ถามว่า “จัดการเขาเรียบร้อยแล้วรึ?”
ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางเงยหน้ามองไปที่เขาอย่างอดไม่ได้ เมื่อสบกับแววตาเยือกเย็นทรงอำนาจ ก็รีบเร่งก้มหน้าลงขานรับ “ขอรับ ข้าน้อยพาเด็กคนนั้นไปส่งให้หลินเหล่าที่หอโอสถแล้ว”
นายท่านเหยียนหยุดพู่กันในมือลง แรงกดดันอันแข็งแกร่งกระจายออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีความเย็นเยียบ “ทักษะปรุงยาเขาไม่ได้ด้อยเลย ยาพวกนั้นของตลาดมืดในช่วงไม่กี่เดือนล้วนมาจากมือเขา ข้อนี้ข้าเหมือนจะเคยบอกกับพวกเจ้าแล้ว”
รู้สึกว่าแรงกดดันบนร่างเขาโจมตีมา กลิ่นอายทั่วห้องจึงเย็นขึ้นบางส่วน ฮุยหลางตระหนกในใจ ลงไปคุกเข่าข้างเดียว “นายท่านอย่าเพิ่งโมโห ข้าน้อย ข้าน้อยแค่อยากให้เจ้าเด็กนั่นลำบากบ้าง ข้าน้อยจะรีบย้ายเขาเข้าไปในหอขอรับ”
เดิมทีคิดว่านายท่านแค่บอกให้พาไปหอโอสถ ไม่ได้บอกชัดว่าให้เข้าไปด้านใน ดังนั้นเขาจึงใช้ช่องโหว่นี้สยบความฮึกห้าวของเจ้าเด็กนั่น แต่ไม่เคยคิด ว่านายท่านจะถามถึง
“เจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้ามาหลายปี คงเข้าใจดีว่าข้าไม่ชอบคนที่ใช้อุบายเป็นที่สุด หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็กลับไปฝึกฝนที่คุกมืดซะ!”
ได้ยินน้ำเสียงเยือกเย็นน่าสะพรึงลอยมา ฮุยหลางก็ตกใจเสียจนเหงื่อออกซก “ขอรับ! ข้าน้อยจะจำไว้ไม่ทำผิดอีกแน่ขอรับ!” คุกมืด นั่นช่างเป็นนรกจริงๆ เขาไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก
นายท่านเหยียนเก็บแรงกดดันกลับ ร่างพิงไปด้านหลัง ดวงตาลึกล้ำกวาดมองฮุยหลางที่คุกเข่าบนพื้น ชะงักลงพักหนึ่ง ถึงจะบอกว่า “หนุ่มน้อยนั่นจริงๆ ก็มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่บ้าง เรื่องเข้าหอโอสถชะลอไปอีกสองสามวันแล้วกัน!”
“ขอรับ!” ฮุยหลางตอบรับ ไม่กล้าหายใจแม้แต่สักเฮือก
คอยจนค่ำคืนมาเยือน เมื่อเฟิ่งจิ่วตามพวกเขามาถึงเรือนที่พัก เห็นเตียงใหญ่แถวยาวก็งุนงงอย่างอดไม่ได้
“นี่ คืนนี้นอนนี่รึ?”
สวรรค์! คงไม่ใช่กระมัง? ให้เธอนอนด้วยกันกับพวกผู้ชายกลุ่มใหญ่เนี่ยนะ? เดาว่าท่านพ่อท่านปู่รู้จะต้องร้อนใจเสียจนวิ่งเต้นแน่!
“ไม่งั้นเจ้าคิดว่าจะมีห้องส่วนตัวให้รึไง?”
บุรุษนายหนึ่งข้างๆ เหลือบมองเขา ถอดเสื้อผ้าพลางพูดว่า “มีที่ให้เจ้านอนได้ก็ไม่เลวแล้ว”
เห็นท่าทางคนสิบยี่สิบคนในห้องบ้างถอดเสื้อผ้า ถอดรองเท้า เปลือยกายล่อนจ้อนล้มหัวลงนอน เฟิ่งจิ่วก็ขมวดคิ้ว หันตัวเดินออกไป
ตลกเถอะ! ให้ซุกหัวนอนที่นี่รึ? เธอไม่นอนหรอก!
ออกจากห้องที่เตียงเรียกรายติดกัน เธอมองในสวน เห็นนอกเรือนมีทหารอารักขาคอยเฝ้า ออกไปไม่ได้ ดังนั้น สายตาจึงหันไปจับจ้องบนต้นไม้ใหญ่ในสวน ดวงตาเป็นประกาย
“ได้ล่ะ!”
……………………………