Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 214

№ 214 ตกใจเกินเหตุ

เมื่อคนพวกนั้นเห็นภาพนี้กำลังจะสับเท้าวิ่งหนีโดยไว ก็ได้ยินน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของเด็กหนุ่มชุดแดงลอยมาพร้อมกับกลิ่นอายอันตราย

“พวกเจ้าคิดหนีรึ?”

ฝีเท้าพวกเขาหยุดนิ่ง อารมณ์บนใบหน้าแข็งกระด้างเล็กน้อย อาจเพราะความเด็ดขาดดุดันของเด็กหนุ่มชุดแดงทำให้พวกเขาเสียขวัญ หรือตกใจกับพลังที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดานั่น ด้วยเหตุนี้จึงไม่คิดเป็นศัตรูกับเขา

ลางสังหรณ์บอกพวกเขาว่า หากเป็นศัตรูกับหนุ่มน้อยชุดแดงนี่เข้า จะต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่!

เจ้าอ้วนตะลึงงัน ตอบสนองไม่ค่อยทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้

นี่…ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะรีบหาทางหนีหรอกหรือ? ทำไมกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามที่คิดหนีเล่า? ต้องรู้ไว้ว่า ฝ่ายนั้นนอกจากผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด ยังมีระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณอีกคนหนึ่งเลยนะ!

ขณะตื่นตระหนกอยู่ในใจ สายตากลับจับจ้องเฟิ่งจิ่วตรงๆ อยากมองเขาให้ออก แต่พบว่ายังมองวรยุทธ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายไม่ออกอยู่ดี สิ่งที่พวกเขารู้ได้ก็แค่วรยุทธ์ที่แสดงออกมาอย่างเต็มใจให้เห็นเท่านั้น

เวลานี้เห็นกลิ่นอายชั่วร้ายอันตรายบนร่างเฟิ่งจิ่ว ถึงจะรับรู้เอาทีหลังว่าหนุ่มน้อยนี่ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด!

“เจ้าต้องการอะไร?” เวลานี้ผู้ฝึกตนแซ่หลี่หมดสิ้นซึ่งความร้ายกาจ บนใบหน้ามีเพียงความระแวดระวัง

ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาเฟิ่งจิ่วหรี่ลง ยิ้มอย่างมีเจตนาร้าย “แน่นอนว่าต้องปล้นน่ะสิ! รีบส่งของมีค่ามาซะ มิเช่นนั้น จะให้ฆ่าก่อนปล้นทีหลังข้าก็ไม่ถือ อันที่จริงคนตายไป สิ่งของก็ไม่มีเจ้าของอยู่แล้ว”

พวกเขาได้ยินก็มุมปากกระตุก คำพูดนี้แรกเริ่มพวกเขาเป็นคนกล่าว ตอนนี้กลับเปล่งออกมาจากปากของหนุ่มน้อย โชคจะไม่เข้าข้างกันเร็วเกินไปแล้ว

“ศิษย์พี่หลี่ พวกเราร่วมมือกันก็ยังไม่ชนะเลยรึ?” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งกดเสียงถามอย่างไม่ยอมแพ้ สายตาจับจ้องเด็กหนุ่มใบหน้ายียวนตรงหน้า

“กำลังของอีกฝ่ายลึกล้ำเกินคาดเดา ลำพังแค่ความเร็วที่เขาบีบคอเฉินเสวียไห่ด้วยมือเดียว ข้ากับเจ้าก็เทียบไม่ได้แน่ หากสู้กันเกรงว่าถึงเวลานั้นคงไม่เหลือแม้แต่ชีวิต”

ชายแซ่หลี่ขมวดคิ้ว จ้องมองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยเสียงทุ้มหนักว่า “น้องชายท่านนี้ ข้าจะยอมส่งทรัพย์สินเราที่ได้มาตลอดทางให้ แต่หวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด พอเก็บของไปแล้วจะไม่มายุ่งกับพวกเราอีก”

“งั้นต้องลองดูว่าของที่พวกเจ้าให้มาจะมีความจริงใจสักแค่ไหน”

ได้ยินเช่นนี้ ชายแซ่หลี่กัดฟันกรอด บอกกับหลายคนข้างกายว่า “หยิบของออกมาให้หมด!” ระหว่างพูดตัวเองก็หยิบขนสัตว์ร้ายที่ทั้งฆ่าทั้งล่ามาตลอดทางกับเขาสัตว์ที่ใช้การได้ออกมาวางบนพื้นเสียก่อน

คนอื่นด้านหลังเห็นแล้ว แม้จะไม่ยินยอมก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงล้วงของออกมา…วางลงบนพื้นทีละชิ้น

หลังจากเจ้าอ้วนข้างๆ จ้องมองข้าวของบนพื้นสักพัก ก็ตะโกนว่า “คนแซ่หลี่ยังไม่หยิบผลึกอสูรออกมาเลย! สิ่งนั้นสิถึงจะล้ำค่า!”

ชายแซ่หลี่ได้ยินถึงตรงนี้ สีหน้าก็ทะมึน ถลึงมองเจ้าอ้วนด้วยนัยน์ตาดุร้าย สุดท้ายภายใต้แววตาที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มของเฟิ่งจิ่ว ก็หยิบผลึกอสูรสองก้อนออกมาวางไว้ด้วยกันบนพื้นอย่างเจ็บใจ

“ของทั้งหมดอยู่นี่แล้ว”

เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วถึงจะพยักหน้า “อืม พวกเจ้าไปได้!”

พวกเขามองกองข้าวของบนพื้นแวบหนึ่ง ก่อนจะฝืนเบนสายตาไปอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งพวกเขาจากไป เจ้าอ้วนมองสมบัติบนพื้นแล้วมองไปทางเฟิ่งจิ่วด้วยใบหน้าที่มีความซาบซึ้งใจเอ่อล้น “เสี่ยวจิ่ว เจ้า…” เพิ่งจะพูดไปก็ถูกขัดจังหวะ

“ฮู่! ข้าตกใจแทบตาย”

สองขาเฟิ่งจิ่วอ่อนยวบ ทรุดนั่งลงบนพื้นพร้อมตบๆ หน้าอกทันใด ท่าทางตื่นตกใจเกินเหตุ

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version