№ 222 บรรลุขั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ!
ผู้อาวุโสสำนักศึกษาไม่ปริปาก แต่ลูบเคราพินิจมองเด็กหนุ่มชุดแดงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ในแววตาฉลาดเฉลียวมีความนึกคิดตรึกตรอง คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เฟิ่งจิ่วที่นั่งขัดสมาธิดึงกลิ่นอายที่ปั่นป่วนในร่างทั้งหมดไปยังจุดตันเถียน กลิ่นอายขุมนั้นมาอย่างดุดันและแข็งแกร่ง ทำเอาเส้นโลหิตผุดขึ้นมาเหมือนกำลังจะระเบิด เส้นโลหิตใต้ผิวหนังปูดบวม บางครั้งก็มีการไหลเวียนปรากฏชัดเจน
เหงื่อไหล่ท่วมไปทั่วร่างเฟิ่งจิ่ว สีหน้าบ้างขาวบ้างแดง ความเจ็บปวดที่มาจากภายในร่างกายทำให้เธอแทบจะเป็นลมล้มไปด้วยไม่ไหวทน แต่เธอรู้ดี หากตอนนี้ฝืนต่อไปไม่ได้ เกรงว่าต้องจบเห่แน่แล้ว
ผู้อาวุโสทั้งสี่ล้อมมองอยู่รอบๆ หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่ออยู่บ้าง “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มนี่ดื่มเลือดงูหลามยักษ์ระดับเจ็ดไปแล้วจะยังทนได้ถึงตอนนี้ แต่ว่ารอบนี้เลือดลมปั่นป่วน เกรงว่าจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“พูดยาก เด็กหนุ่มนี่ทนมาได้ถึงตอนนี้ก็เห็นอยู่ว่าไม่ธรรมดา” ผู้อาวุโสสำนักศึกษาพูดพลางลูบเครา “พวกเราก็เป็นผู้คุ้มกันให้เขาไปชั่วคราวก่อนเถอะ! หากเขาทนผ่านไปได้ พลังจะต้องพุ่งทะยานขึ้นมากแน่ๆ!”
ได้ยินเขาพูดถึงเพียงนั้น คนอื่นอีกสามคนก็พยักหน้า นั่งลงตรงที่ไม่ไกลนัก เป็นผู้คุ้มกันให้หนุ่มน้อยชุดแดง
ตามเวลาที่ล่วงเลยไปอย่างเงียบเชียบ เมื่อผู้อาวุโสคนหนึ่งในนั้นเห็นพลังวิญญาณในร่างเด็กหนุ่มชุดแดงเพิ่มขึ้นพรวดพราด ก็อดไม่ได้อุทานออกมา
“ดูเร็ว! บรรลุขั้นแล้วจริงๆ ด้วย!”
“อ๋า! กำลังบรรลุขึ้นอีก! จากระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณช่วงที่สามยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเลย!”
พวกเขาตกตะลึงในใจ ผ่านไปอีกสักพัก ก็เห็นระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณของเด็กหนุ่มข้ามจากช่วงที่สี่ไปถึงช่วงที่ห้าอีกครั้ง!
“นี่มัน การบรรลุขั้นไยจึงดูง่ายดายเพียงนี้ เด็กคนนี้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรกันแน่?”
ทุกคนพูดไม่ออก ต้องรู้ไว้ว่าวรยุทธ์พลังวิญญาณไม่เหมือนพลังเร้นลับ มีผู้ฝึกตนมากมายที่ตลอดชีวิตไม่อาจข้ามผ่านระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณไปถึงระดับสร้างรากฐานได้ และมีเพียงการเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานเท่านั้น ถึงจะนับว่าเป็นผู้ฝึกเซียน และมีอายุขัยสองร้อยปีได้
ในหมู่ยอดปรมาจารย์กระบี่ร้อยคน อย่างมากจะมีเพียงหนึ่งถึงสองคนที่บรรลุขั้นได้สำเร็จ อยากจะบรรลุขั้นจากระดับสร้างรากฐานไปหลอมแก่นพลัง ยิ่งมีเพียงหนึ่งในหมื่นคน เป็นสิ่งที่ได้พบเจอแต่ไม่อาจได้มาครอบครอง
ผู้ฝึกตนบางคนอายุผ่านครึ่งร้อยไปแล้ว ถึงจะเป็นเพียงยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้อายุแค่สิบกว่า กลับกำลังบรรลุขั้นราวกับกระโดดเหยียบขั้นบันไดขึ้นไปทีละขั้นๆ จะไม่ให้พวกเขาตกใจตะลึงยิ่งนักได้อย่างไร?
ในแววตาเหลือเชื่อของทั้งสี่คน เด็กหนุ่มชุดแดงนั่งขัดสมาธิปรับลมปราณอยู่ตรงนั้นสามวันสามคืนเต็มๆ พละกำลังก็เพิ่มพรวดไปทีละขั้น อาจเพราะจ้องมองเขามาสามวันสามคืน ผู้อาวุโสทั้งสี่ถูกความเร็วในการบรรลุขั้นที่แทบจะพิสดารไปแล้วนั้นทำให้อึ้งตาค้างอยู่นานจนไม่อาจคืนสติ
สามวันสามคืนนี้ พวกเขาไม่หลับไม่พักผ่อน ถลึงตามองเด็กหนุ่มชุดแดงอยู่เช่นนั้น ในใจต่างกำลังมีความคิดเดียวกัน
ไม่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนของสำนักใด ก็ต้องพยายามหาทางดึงตัวมาอยู่สำนักพวกเขาต่อไปให้จงได้!
“ดูสิ เขา เขาบรรลุขั้นอีกแล้ว…”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกลืนน้ำลาย ดวงตาเป็นประกายจับจ้องเด็กหนุ่มชุดแดงอย่างตื่นเต้นยิ่ง ท่าทางนั้นเหมือนคนที่ไม่กินข้าวมาสิบวันถึงครึ่งเดือนกำลังจ้องเนื้อติดมันชิ้นหนึ่ง อดใจรอจะพุ่งไปยื้อแย่งเขากลับสำนักแทบไม่ไหวแล้ว
“เฮือก! เขา เขาจะไปถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณแล้ว!”
ผู้อาวุโสสำนักศึกษาเบิกตาโต สีหน้าเหลือเชื่อ เวลาสามวันสามคืน
นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มชุดแดงจะบรรลุขั้นจากระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นต้นช่วงที่หนึ่งถึงช่วงที่เก้าได้ติดต่อกัน ตอนนี้ยังจวนจะไปถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณอีก
นี่…นี่มันพิสดารเกินไปแล้ว!
………………………………….