Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 240

№ 240 การแข่งขันในสนาม!

“หอเมฆาทรงเกียรติรึ?”

เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้น มองเจ้าของร้านที่กำลังปาดเหงื่ออยู่ข้างๆ “มันเป็นที่ใดกันรึ?”

แต่หลังจากได้ยินชื่อหอนั้น เจ้าของร้านนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยออกหน้าเตะเสี่ยวเอ้อสองสามทีอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าสมควรถูกแทงสักพันครั้ง! มือเท้าช่างสกปรกนัก! นึกไม่ถึงว่าจะเอาม้าลูกค้าไปขายที่หอเมฆาทรงเกียรติ น่ารังเกียจ!”

“ซี๊ด! อ๊าก! เจ้าของร้านอย่าทำข้าเลย คุณชายเมตตาด้วย ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว…” เสี่ยวเอ้อร้องไห้อ้อนวอน เวลานี้ไหนเลยจะยังระรื่นชื่นใจที่ได้รับเงินทองมาก่อนหน้าได้อีกเล่า?

คิดว่าคุณชายชุดแดงข้างๆ ยังคงเฝ้ารอคำพูดเขา เจ้าของร้านจึงพูดอย่างอึดอัดไม่สบายใจ “หอ หอเมฆาทรงเกียรติเป็น เป็นสถานที่ที่ลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงกับพวกผู้ฝึกตนในเมืองที่ว่างไม่มีอะไรทำมาเที่ยวเล่นผ่อนคลาย ที่นั่นแตกต่างจากสถานที่ทั่วไป พวกเขาจะซื้อพวกสัตว์ร้ายหรือสัตว์วิญญาณเข้าไปให้แขกเหรื่อยิงฆ่า”

ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาเฟิ่งจิ่วก็หรี่ลง เท้าเหยียบลงบนหลังมือเสี่ยวเอ้อที่บาดเจ็บเลือดไหล น้ำเสียงเยือกเย็นราวน้ำแข็งเปล่งออกมา

“เจ้าขโมยม้าข้าไปได้ยังไง?”

ด้วยนิสัยเหล่าไป๋ที่เกียจคร้านเสียจนกลายเป็นสุนัข แม้แต่ไป๋เสี่ยวยังไม่แน่ว่าจะเรียกให้มันขยับเดินได้ แล้วเสี่ยวเอ้อคนนี้จะพามันไปขายยังหอเมฆาทรงเกียรติได้อย่างไรเล่า?

“ข้า ข้าวางยาลงใน ในกุ้งปลาที่มันกิน จากนั้น จากนั้นค่อยใช้รถล้อลาก ลากไปขอรับ”

เสี่ยวเอ้อตอนนี้มีแม้แต่ใจที่คิดยอมตาย เดิมนึกว่าลูกค้าท่านนี้ไม่น่าสังเกตเห็นว่าม้าหายไปได้เร็วถึงเพียงนั้น ใครจะรู้เขายังไม่ทันวิ่งหนี ก็มาตามหาเสียแล้ว

เฟิ่งจิ่วยื่นมือไปคว้าแขนเขาข้างหนึ่งหักลงมา เพียงได้ยินเสียงกรีดร้องโหดร้ายดังขึ้นทันใด ต่อจากนั้น ก็เห็นเสี่ยวเอ้อเจ็บเสียจนเป็นล้มไปเสียดื้อๆ

เจ้าของร้านตกใจ รีบถามว่า “นี่ นี่จะไม่ถึงตาย ตายรึขอรับ?”

เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเสี่ยวเอ้อบนพื้น บอกว่า “เขาเสียแขนไปข้างหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ถึงตายหรอก”

สิ้นสุดน้ำเสียง ก็เอ่ยว่า “หอเมฆาทรงเกียรติอยู่ที่ใด? พาข้าไปสิ”

เจ้าของร้านกลืนน้ำลาย บอกว่า “คุณชาย ของที่เข้าไปในหอเมฆาทรงเกียรติจะไม่กลับมาอีก หนำซ้ำ พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าจะยุแหย่กันได้ง่ายๆ…”

“พวกเขายากจะยุแหย่ งั้นข้าง่ายกว่ารึ?”

เธอเหลือบมองเจ้าของร้าน

“ม้าข้าหายไปจากโรงเตี๊ยมพวกเจ้า เรื่องนี้ข้าค่อยกลับไปคิดบัญชีกับเจ้า รีบนำทางไปให้ไวหน่อย อย่าเอาแต่ขลาดกลัว”

สุดท้าย เจ้าของร้านก็ทำอะไรไม่ได้ จำใจพาเขามาถึงหน้าหอเมฆาทรงเกียรติ

“เป็นที่นี่ขอรับ คุณชาย ข้า ข้าไม่เข้าไปนะขอรับ”

เฟิ่งจิ่วโบกๆ มือ ส่งสัญญาณให้เขากลับไปก่อน ส่วนตัวเองก็สาวก้าวเดินเข้าไป มายังลานประลองสัตว์ร้ายกลางแจ้งด้านหลังภายใต้การนำทางของข้ารับใช้

มันคือลานประลองที่ล้อมรอบด้วยกรงเหล็กสูงถึงสามเมตรที่ใช้ขังสัตว์ร้าย มีเต็มๆ ร้อยกรงขังเหล็ก ภายในยังมีสัตว์ร้ายหรือสัตว์วิญญาณอยู่ร้อยตัว

เวลานี้บริเวณรอบสนามเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ ทั่วทั้งสนามแลดูคึกคักยิ่งนัก แม้แต่พวกเสียงการวางเดิมพันและพูดคุยกันยังลอยเข้ามาในหู

“พวกเจ้าว่าคุณชายหลิ่วผู้นั้นทำให้ม้าวิญญาณตัวนี้เชื่องได้งั้นรึ? อย่าพูดไปเลย หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ก็มองไม่ออกจริงๆ ว่าม้าอ้วนตัวนี้มีความสามารถมากมายเพียงนี้”

“ก็ใช่ ว่ากันว่าเพิ่งซื้อกลับมาเมื่อเช้าตรู่ เดิมทีไม่มีใครสนใจ เพราะม้าอ้วนตัวนั้นนอนขี้เกียจอยู่ตลอด จนกระทั่งสัตว์ร้ายสองสามตัวถูกคนที่จะยิงฆ่ายุให้กระวนหระวาย เสียจนหนีอุตลุดพุ่งไปทางม้าอ้วนตัวนั้น ตอนนั้นทุกคนในสนามต่างคิดว่าประเดี๋ยวม้าอ้วนคงตายแน่แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะถูกทำให้ล้มคว่ำ พวกเจ้ามาช้าไม่ทันได้เห็น ภาพนั้นทำให้คนทั้งสนามลุกขึ้นมาโฮ่ร้องเชียวนะ”

“หึ พวกลูกชายตระกูลล้วนชื่นชอบม้าอ้วนนั่น หอเมฆาทรงเกียรติก็ต้องแอบปลื้มใจ ว่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่กัน?”

ได้ยินคำพูดที่ลอยเข้าหูมา เฟิ่งจิ่วมองไปในสนาม ก็เห็นว่าม้าอ้วนตัวนั้นในสนามคือเจ้าหนุ่มเหล่าไป๋นั่นเอง

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version