№ 242 จิตคิดสังหาร!
“อื้อ!”
ร่างชายชุดผ้าแพรนอนลงบนพื้นร้องเสียงอู้อี้ เพราะความเจ็บรุนแรงจากการโดนถีบบริเวณท้อง ตรงขมับจึงมีเหงื่อไหลออกมาทันใด อยากจะลุก แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะให้ยืนขึ้นมาได้
ผู้คนที่เห็นภาพเช่นนี้พลันเงียบกริบ เหมือนจะเหลือเชื่อไปบ้าง อันที่จริง ชายชุดผ้าแพรคือลูกชายตระกูลหลิ่ว กำลังวรยุทธ์ถือว่าเป็นที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน ทว่ายามนี้ ไม่นึกเลยว่าจะถูกเด็กหนุ่มชุดแดงถีบเสียจนล้มลงไปนอนแผ่ แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกตะลึงได้อย่างไร?
เมื่อชายวัยกลางคนข้างๆ กันเห็นหนุ่มน้อยชุดแดงออกเท้าอย่างกะทันหัน แววตาสั่นไหวน้อยๆ นัยน์ตามีแววประหลาดใจฉายผ่านไปรวดเร็ว ก่อนจะหันไปเล็กน้อยเพื่อพินิจมองเขาอีกครา
อาจเพราะรู้สึกถึงสายตาที่เขามองพิเคราะห์ เด็กหนุ่มชุดแดงจึงมองมาทางเขาด้วยดวงตาอันสดใสที่มีความเย็นเยียบ ชั่วขณะนั้น ราวกับเป็นภาพลวงตา คล้ายว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหาใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นราชาผู้สูงศักดิ์!
แรงกดดันน่าหวาดกลัวและกลิ่นอายดุเดือดที่ปะทุออกมาจากสายตานั้น ทำให้เขาหัวใจสั่นสะท้านอย่างไม่อาจหักห้าม หากบอกว่าเดิมทีคิดว่าหนุ่มน้อยนี่อาจเป็นลูกชายจากตระกูลชนชั้นสูงตระกูลใดสักตระกูล งั้นเวลานี้ ก็มั่นใจได้ ว่าภูมิหลังเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
เพราะกำลังมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ สีหน้าเขาจึงใจเย็นลง เอ่ยว่า “คุณชายท่านนี้ มาคุยกันด้านหลังไม่ดีกว่ารึ?” ขณะเดียวกัน ก็ทำท่าทางเชื้อเชิญ
แต่เวลานี้ ชายชุดผ้าแพรบนพื้นกลับลุกขึ้นยืนทั้งสีหน้าขมึงทึง “ไป? จะเดินไปไหนเล่า? คิดว่าจะกลั่นแกล้งคนตระกูลหลิ่วข้าได้ง่ายๆ จริงๆ รึ? ถีบขาทีหนึ่งก็คิดจะไป? ไม่มีทางเสียหรอก!”
สิ้นสุดน้ำเสียง กลิ่นอายพลังวิญญาณบนร่างเขาก็พรั่งพรู ใบมีดลมปราณก่อตัวขึ้นตรงฝ่ามือ ระหว่างที่ร่างกายพลันพุ่งไปทางเฟิ่งจิ่ว ใบมีดลมปราณในมือก็ฟันตามออกไป
เฟิ่งจิ่วที่เดิมกะจะเดินตามชายวัยกลางคนผู้นั้นไปยังทางออกรู้สึกถึงเสียงใบมีดลมปราณที่รุนแรงด้านหลัง ขณะหันตัวกลับไปมองเห็นใบมีดลมปราณปาดมาหาเธอ เมื่อกำลังจะหลบออก กลับเห็นเหล่าไป๋สะบัดหางม้าตามมาข้างกายอย่างว่านอนสอนง่าย
หากหลบไป ใบมีดลมปราณนั้นจะต้องตัดลงบนร่างเหล่าไป๋ นึกถึงตรงนี้ ดวงตาเธอหรี่ลง สองแขนรวบรวมกระแสลมขวางใบมีดที่โจมตีมาไว้ เพียงได้ยินเสียงตวัดผ่านดังฟิ้ว แขนเสื้อที่ใช้กระแสลมกีดกั้นก็ถูกตัดกลายเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นสองข้อมือขาวหิมะดั่งรากบัว
ผิวขาวราวหิมะนั้น เพียงถูกลมพัดก็อาจบุบสลาย ทำให้บุรุษหลายคนนอกสนามหายใจหนักๆ กันอยู่ไม่น้อย แต่ละคนต่างจ้องมองใบหน้างดงามราวปีศาจของเด็กหนุ่มชุดแดง แอบคิดว่า หนุ่มน้อยหน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ หากเป็นผู้หญิง จะมีท่าทางยั่วยวนสักเพียงใด?
เฟิ่งจิ่วแค่รู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อยบนใบหน้า ยกนิ้วมือขึ้นเช็ดเบาๆ หยดเลือดแต่ละหยดจึงชโลมอยู่บนปลายนิ้ว…
เห็นเช่นนี้ ริมฝีปากเธอค่อยๆ คลี่ยิ้มทรงเสน่ห์น่าหลงใหล
รอยยิ้มนั้นเป็นดั่งดอกฝิ่นที่เบ่งบานท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ งดงามเกินคำบรรยาย กลับมีกลิ่นอายอันตรายที่กระหายเลือดอยู่บางส่วน…
ดวงตาเธอหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ไอสังหารเยือกเย็นกระจายออกจากร่างในทันที
ทว่าในเวลานี้
ชายชุดผ้าแพรกลับเหมือนจะไม่ทันสังเกต เพราะเขาก็หลงเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มมีเสน่ห์น่าดึงดูดนั้นที่แย้มอยู่บนริมฝีปากคนตรงหน้า
ในดวงตาจึงมีความหลงใหลผุดขึ้นเพราะเหตุนี้ ไม่เห็นสีหน้าความโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้เลยสักนิด
แต่ชายวัยกลางคนของหอเมฆาทรงเกียรติข้างๆ กลับแอบตื่นตระหนก
โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารที่กระจายออกมาจากร่างเด็กหนุ่มชุดแดง ก็ยิ่งหวาดกลัวอย่างมาก
พอกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเงาร่างสีแดงนั้นแวบหาย พุ่งไปทางชายชุดผ้าแพร ความเร็วที่ว่องไว ทำให้เขาไม่ทันได้ห้ามปราม…
………………………………….