№ 26 ต่อกรฝูงหมาป่าเพียงลำพัง
เธอคิดจะใช้โอกาสที่ฝูงหมาป่ายังมาไม่ถึงรีบหนีไป ทว่าตอนนี้ ในพุ่มไม้ไม่ไกลกลับมีดวงตาประกายแสงสีเขียวหลายคู่โผล่ออกมา…
“ดูท่าว่าจะหนีไม่ได้แล้วสินะ”
เธอขมวดคิ้วเบาๆ แล้วกวาดมองฝูงหมาป่าที่เดินมาจากรอบๆ พอชำเลืองมองชายที่กำลังหมดสติ ก็รู้สึกว่าตัวเองนี่ช่างหาเรื่องใส่ตัวเสียจริง
หากเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่า ถ้าแค่ตัวเธอเองก็พอได้อยู่ แต่ด้านหลังมีอีกคนที่ยังหมดสติ จึงกลายเป็นปัญหาเสียแล้ว
“บรู้ว!”
เสียงเห่าหอนของหมาป่าดังขึ้น ราวกับกำลังออกคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น ฝูงหมาป่าที่เดิมเดินล้อมวงมากันอย่างช้าๆ กระโจนมาตรงหน้าเธอในทันที
เพราะลำธารอยู่ตรงใต้เนินเขา จุดที่เธอพักร่างชายผู้นั้นไว้จึงมีที่ลาดเป็นเนินออกมาพอดี ตอนนี้ทางลาดเป็นผลดีอย่างมากต่อการป้องกัน ทำให้เธอไม่ต้องคอยพะวงหลังว่าจะมีหมาป่ากระโจนโจมตี และไม่ต้องกังวลว่าจะดูแลเขาไม่ได้จนถูกหมาป่าลากไป
เฟิ่งจิ่วดึงกริชออกมาตั้งมือกั้นไว้ด้านหน้า รังสีฆ่าฟันทั้งร่างพลุ่งพล่านออกมา ในเมื่อหนีไม่ได้ เช่นนั้นก็สู้เถอะ! เธอไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะฆ่าหมาป่าสิบกว่าตัวนี้ไม่ได้หมด!
สายตาเป็นประกายเย็นเยียบฉายแววคมกริบ เธอแอบดึงพลังเร้นลับในร่างขึ้นมา ดวงตาจ้องหมาป่าสิบกว่าตัวที่แยกเขี้ยวน้ำลายไหลอยู่ตรงหน้าราวกับกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง
เหล่าหมาป่าส่งเสียงคำรามเบาๆ เหมือนอยากให้เธอเสียขวัญจนหมดกำลังใจสู้แล้วค่อยกระโจนใส่ แต่ถึงอย่างไร เฟิ่งจิ่วก็ไม่ใช่คนธรรมดา เธอคงไม่ตกใจจนแข้งขาอ่อนหมดแรงต่อสู้แน่
ทว่าเพราะสถานการณ์ที่เสียเปรียบ เธอไม่อาจจู่โจมได้ มิเช่นนั้นจะถูกล้อมโจมตี ดังนั้นเธอจึงกำลังรอ รอให้หมาป่าพวกนี้กระโจนเข้ามา
ฝูงหมาป่าสิบกว่าตัวรู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันที่เพิ่มขึ้นไม่มีถดถอย พวกมันคำรามเสียงต่ำ และยามนี้เอง หมาป่าสีเทาตัวใหญ่ตัวหนึ่งบนที่สูงก็หอนขึ้นมา
“บรู้ว!”
พอสิ้นเสียงเห่าหอน หมาป่าสิบกว่าตัวก็กระโจนเข้ามาทันที ปากที่แยกกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมทั้งยังมีน้ำลายไหลเยิ้ม พากันพุ่งมากัดเฟิ่งจิ่วอย่างดุร้าย กรงเล็บหมาป่าที่แหลมคมแวววาวนั้นยิ่งส่องแสงเย็นเยียบในยามค่ำคืน
เฟิ่งจิ่วเห็นโอกาสเหมาะเจาะ โจมตีออกไปในพริบตา!
ท่าร่างที่แปลกประหลาดยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นด้วยการใช้กลิ่นอายพลังเร้นลับ กริชในมือแทงเข้าหัวของหมาป่าที่กระโจนมาตัวแรกก่อนจะดึงออก ท่ามกลางฟ้าราตรี เสียงร้องโหยหวนของมันดังก้องไปทั่ว เธอเห็นแต่เลือดมันกระเซ็นออกมา เลือดหมาป่าที่ทั้งอุ่นร้อนและมีกลิ่นคาวคละคลุ้งสาดกระเซ็นใส่ตัวเธอ ส่วนหมาป่าตัวนั้นก็ส่งเสียงพลางล้มลง…
หลังจากฆ่าหมาป่าไปตัวหนึ่ง เฟิ่งจิ่วถอยหลังในทันที กริชในมือตวัดไปทางหมาป่าอีกสองตัวที่พุ่งมาทางซ้าย อาจเพราะการตายของเพื่อนร่วมฝูง หมาป่าเหล่านั้นจึงระวังตัวขึ้นเล็กน้อย ความเร็วในการโต้ตอบของพวกมันสูงมาก ยามที่เธอตวัดกริชออกไปก็หลบกันได้แล้ว ทว่าตัวอื่นๆ กลับกระโจนมาจากด้านหน้า
ขณะที่เธอกำลังต่อสู้กับหมาป่าทางด้านซ้ายและด้านหน้า หมาป่าจากด้านขวาก็พุ่งตัวไปทางชายหนุ่มด้านหลังที่กำลังหมดสติอยู่บนพื้น เธอในตอนนี้ไม่มีทางแยกร่างได้ จึงทำได้เพียงใช้เท้าข้างหนึ่งเตะกองไฟในระหว่างที่กวัดแกว่งกริชแทงไปทางหมาป่า กิ่งไม้สีแดงเพลิงพร้อมเปลวไฟหลายท่อนลอยไปหาหมาป่าด้านขวาตัวนั้น
หมาป่ากลัวไฟ พอเห็นเปลวไฟลอยมาจึงส่งเสียงร้องพลางถอยร่นอย่างตื่นตกใจ และตอนนั้น มีดโค้งในมือเฟิ่งจิ่วก็ฆ่าหมาป่าไปได้อีกสองตัว นับรวมเมื่อกี้ตัวหนึ่ง ตอนนี้ที่ล้มอยู่ตรงหน้าจึงมีสามตัวแล้ว
อาจเพราะรังสีสังหารที่แผ่ออกจากร่างเฟิ่งจิ่วน่ากลัวเกินไป หรือไม่ก็ตื่นตระหนกเพราะความกระหายเลือดอันรุนแรงของเธอ หมาป่าตัวอื่นจึงส่งเสียงเห่าหอนเบาๆ แล้วถอยหลังกันไปทีละก้าวโดยไม่กล้าเข้ามาอีก ทว่าก็ยังไม่ยอมจากไปทั้งแบบนี้…
…………………………………….