Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 316

№ 316 เฟิ่งจิ่วกลับบ้าน!

รอหมอสองท่านเข้าไป มู่หรงอี้เซวียนก็มาคารวะเบื้องหน้าท่านผู้เฒ่า ถามว่า “ท่านปู่เฟิ่งได้ตรวจสอบหรือยังว่าเป็นฝีมือใคร?”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า ถอนใจกล่าว “ไม่เลย ตอนนั้นข้าสนแต่จะพาเฟิ่งเซียวกลับมา จึงยังไม่ตรวจดู ยามนี้เขาเป็นลมหมดสติชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ไหนเลยจะยังมีกะใจไปไล่ตรวจสอบเรื่องนี้?”

“ท่านปู่เฟิ่งอย่าได้กังวลเกินไปนัก ท่านอาเซียวเป็นคนดีฟ้าต้องคุ้มครองจะต้องไม่เป็นไรแน่ขอรับ” เขาปลอบโยนเสียงอบอุ่น มองไปยังท่านหมอทั้งสองที่ถอยออกมาหลังจับชีพจร เห็นสีหน้าพวกเขาต่างหนักใจเล็กน้อย จึงเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง?”

ท่านหมอทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วคารวะไปทางพวกเขา บอกว่า “เรียนท่านอ๋องสาม ท่านผู้เฒ่า แม่ทัพเฟิ่งบาดเจ็บสาหัส หนำซ้ำตรงอกยังมีเลือดคั่งไม่ไหลเวียน ในร่างกายมีพิษร้ายแรง ข้าน้อยกลัวทักษะไม่ชำนาญพอจึงไม่กล้ารักษาขอรับ”

มู่หรงอี้เซวียนได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้น ถามว่า “หรือจะไม่มีทางอื่นแล้ว?”

ท่านหมอทั้งสองครุ่นคิด ผงะไปสักพัก ตอบว่า “หากตามหาภูตหมอได้ก็อาจมีโอกาสรอด แต่ภูตหมอคนนั้นเป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวอยู่ที่ไหน ต่อให้หาเขาพบก็เป็นดั่งน้ำไกลที่ช่วยไฟใกล้ตัวไม่ได้ขอรับ”

ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าฟังที่ท่านหมอในจวนเคยบอก ตอนนี้ยังได้ยินคำพูดสองคนนี้อีก จึงเตรียมใจไว้แล้ว ความต่างไม่ถึงกับมากเกินไปเสียจนทำให้เป็นกังวล แต่ท่าทางโศกเศร้ายังคงบีบหัวใจคนที่เห็น

“ในเมื่อไม่มีทางรักษาก็เชิญพวกท่านกลับไปก่อนเถอะ! ตอนนี้พ่อบุญธรรมข้าเป็นเช่นนี้ในจวนจึงไม่สะดวกรับแขกจริงๆ ขอท่านอ๋องสามแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้ครองแค้วนแทนพวกเราด้วย” กวนสีหลิ่นพูดจบก็ทำท่ามือเชิญพวกเขาสามคนออกไป

หลังมู่หรงอี้เซวียนมองกวนสีหลิ่นก็บอกกับท่านผู้เฒ่าว่า

“ท่านปู่เฟิ่ง งั้นข้าจะกลับไปก่อน และจะส่งคนไปสอบถามหาที่อยู่ของภูตหมอเสียหน่อย หากมีข่าวคราวจะส่งคนไปเชิญเขามาทันทีแน่นอน”

“เจ้าจิตใจดีนัก” ผู้เฒ่าพยักหน้าก็เห็นสามคนนั้นถอยออกไปหลังจากคารวะ

มู่หรงอี้เซวียนที่ออกจากประตูใหญ่จวนให้ท่านหมอทั้งสองกลับไปรายงานตัวก่อน ส่วนตนเองมุ่งหน้าไปตลาดมืดเพื่อจะสอบถามหาที่อยู่ของภูตหมอ หากภูตหมอกลับถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ยแล้วท่านอาเซียวอาจยังมีโอกาสรอดได้

ทว่าระหว่างทางที่เขาเดินไปตลาดมืดก็พบคนของตลาดมืดต่างรีบเร่งไปยังจวนตระกูลเฟิ่ง เห็นเช่นนี้ฝีเท้าเขาชะงักลงเล็กน้อย หันกลับมองตามร่างนั้นไป แล้วมายังจวนตระกูลเฟิ่งอีกครั้ง

ส่วนภายในพระราชวัง ผู้ครองแคว้นในตำหนักยามนี้กำลังถามไถ่ว่า

“อาการเฟิ่งเซียวเป็นเช่นไร?”

“กราบเรียนท่านผู้ครองแคว้น อาการท่านแม่ทัพเฟิ่งไม่สู้ดีอย่างมาก ไม่เพียงบาดเจ็บภายในสาหัส หนำซ้ำยังถูกพิษร้ายแรง คงเพราะมียากดบรรเทาพิษในร่างไว้ มิเช่นนั้นเกรงว่าคงทนมาถึงตอนนี้ไม่ได้ แต่แม้เป็นเช่นนั้น พวกเราสองคนจับชีพจรตรวจก็ยังไม่กล้ารักษาให้เขาพะยะค่ะ”

“โอ้? พูดเช่นนี้อาการบาดเจ็บเขาสาหัสมากจริงๆ สินะ?” ผู้ครองแคว้นขมวดคิ้วสอบถาม

ท่านหมอทั้งสองมองหน้ากัน ผงะไปเล็กน้อยสักพัก บอกว่า

“หากไม่มีปาฏิหาริย์ เขาทนไม่พ้นคืนนี้แน่พะยะค่ะ”

หลังผู้ครองแคว้นบนตำแหน่งที่นั่งอาวุโสได้ยินคำพูดนี้ก็เอนกายไปบนบัลลังก์มังกร กล่าวพึมพำว่า

“ปาฏิหาริย์? โลกใบนี้มีปาฏิหาริย์มากมายเพียงนั้นเสียที่ไหน…”

แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าร่างสีขาวกำลังกลับถึงจวนตระกูลเฟิ่งอย่างเงียบเชียบ มายังภายในเรือนเฟิ่งเซียวในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้ใครแตกตื่น

เหล่าทหารอารักขาที่เฝ้าอยู่รอบๆ นอกเรือนเห็นเพียงร่างขาวๆ แวบผ่าน

ขณะกำลังจะลงมือกลับเห็นว่าคนที่มาคือคุณหนูใหญ่ที่จากบ้านไปหลายวัน

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version