Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 331

№ 331 ต้องการชิงอำนาจ

เฟิ่งจิ่ววางถ้วยชาลง ใบหน้างามแฉล้มเผยรอยยิ้มบางๆ มองเสียจนเหล่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังบิดาพวกเขาต่างไม่อาจดึงสายตากลับมา

เห็นเพียงเธอเงยหน้าขึ้นเหลือบมองชายวัยกลางคนสองสามคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง สุดท้ายค่อยมองชายชรา เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านปู่รองช่างใส่ใจนัก ยามนี้ทุกอย่างในจวนเราสงบดีเจ้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องให้น้าอามาดูแล”

เสียงเธอหยุดไปเล็กน้อย มีความเฉยชาบางส่วน “ยิ่งไปกว่านั้น แม้พวกท่านเป็นคนตระกูลเฟิ่ง แต่จวนตระกูลเฟิ่งก็แยกออกจากกันตั้งแต่รุ่นท่านปู่แล้ว ดังนั้นเรื่องจวนตระกูลเฟิ่งเรา ท่านปู่รองอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวจะดีกว่า”

“นี่เจ้าพูดอะไรอยู่ คุยกับผู้อาวุโสเช่นนี้รึ?” ชายชรากล่าวเสียงไม่ชอบใจนัก ใบหน้าชราที่ยับย่นถมึงทึงขึ้นมา เห็นชัดว่านึกไม่ถึงว่าผู้น้อยเช่นนางจะกล้าใช้หลักฐานแบบนี้มาพูดกับพวกเขา

“ใช่แล้ว เฟิ่งเซียวล้มป่วย เจ้าดูสิแม้แต่เรื่องนี้ยังไม่มีระเบียบ ขาดคนดูแลไม่ได้ตามที่คิดไว้เลย” ชายวัยกลางคนที่นั่งขนาบสองข้างพูดเสียงทุ้ม สายตามองเฟิ่งจิ่วอย่างตำหนิ

ส่วนเหล่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่กำลังคิดว่าหากพวกเขาเข้ามาเป็นผู้นำจวนได้ เช่นนั้นก็สามารถเข้าใกล้ญาติผู้น้องคนนี้ได้ในภายหลัง ซ้ำยังมีกองกำลังองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งอีก หากตกอยู่ในมือพวกเขาตระกูลสาขาก็พลิกแผ่นฟ้าได้จริงๆ แล้ว!

“เหอะๆ…”

ได้ยินคำกล่าวหาของพวกเขาแต่ละคน เฟิ่งจิ่วเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ เอนพิงพนักพิงหลังเล็กน้อย มือหนึ่งเกี่ยวเส้นผมที่ปรกอยู่ข้างแก้มขึ้นม้วนเล่น สีหน้าท่าทางไม่ค่อยแยแส กลิ่นอายเฉื่อยชาทั่วร่างก็กระจายตามมา

แทบทันทีที่เฟิ่งจิ่วส่งเสียงหัวเราะนี้ กลิ่นอายทั่วร่างก็เปลี่ยนไป หากบอกว่าเธอก่อนหน้านี้ว่าง่ายดั่งแมวน้อย เห็นแล้วอ่อนแอน่ากลั่นแกล้ง เธอในยามนี้ก็เกียจคร้านจนเหมือนสิงโตที่นอนเต็มอิ่ม ยืดเส้นยืดสายพลางแผ่กระจายกลิ่นอายอันตราย ทำให้รู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบโดยฉับพลัน ความหนาวเย็นที่ตีขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าทำให้พวกเขานั่งไม่ติดสักเท่าไหร่

“เจ้าหัวเราะอะไร?”

เพราะโดนนางหัวเราะเสียจนขนลุกไปบ้าง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งจึงอดไม่ได้เอ่ยถามเสียงขรึม

เฟิ่งจิ่วช้อนดวงตาเย็นเยียบขึ้นชำเลืองมองพวกเขา มุมปากยกโค้งเล็กน้อย “แน่นอนว่าต้องหัวเราะให้ความไม่เจียมตัวของพวกท่านน่ะสิ!”

พอพูดเช่นนี้ไป ทุกคนอับอายจนโกรธเคืองทันที เห็นเพียงชายชราคนนั้นกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นอย่างรุนแรง แผดเสียงดังว่า “ไร้มารยาทกับผู้ใหญ่เช่นนี้ เจ้าจองหองนัก! ไปเรียกปู่เจ้าออกมา! ข้าจะลองถามเขาว่าสั่งสอนลูกหลานเช่นไร ถึงได้ไม่มีความเคารพกันเช่นนี้!”

เฟิ่งจิ่วเห็นใบหน้าพวกเขาที่มีความละโมบโลภมากอย่างชัดเจน แต่กลับวางท่าทีเที่ยงธรรมและน่าเกรงขาม ก็รู้สึกแค่ว่าเห็นแล้วช่างอุจาดตานัก

นิ้วมือขาวเรียวเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ มองพวกเขาแต่ละคนเผยสีหน้าไม่ชอบใจ และคิดจะมาครอบครองจวนตระกูลเฟิ่ง นึกถึงตรงนี้แล้วมุมปากเธอก็ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ ประกายประหลาดฉายผ่านในดวงตา เพียงได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยที่มีความเกียจคร้านส่วนหนึ่งเปล่งออกมา

“ในเมื่อพวกท่านบอกว่าอยากช่วยดูแลจวน เช่นนั้นก็ต้องมีกำลังกันอยู่บ้างแน่ มิเช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าท่านปู่จะไม่ยอมส่งมอบอำนาจให้เลย แม้แต่ข้าก็ไม่ยอมรับ และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงองครักษ์ตระกูลเราด้วย”

“แต่ว่า…”

น้ำเสียงเธอชะงักลง มองพวกเขาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ กลุ่มคนในห้องโถงก็ดวงตาเป็นประกาย มองมาด้วยนัยน์ตาฉายประกายแสง ซักไซ้อย่างกระตือรือร้นว่า “แต่อะไรรึ?”

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version