№ 333 เจตนาร้าย
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าชายหนุ่มคนนั้นดำคร่ำเครียดขึ้นทันใด
เขาสู้ไม่ได้? ทำไมจะสู้ไม่ได้?
“น้องสาวช่างพูดจาโอหังเสียจริง ยังไม่เคยลองเลย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าสู้ไม่ได้?” เขาพูดอย่างมีเลศนัย สายตาที่มีประกายแปลกๆ กวาดผ่านบนร่างนางไปอย่างยั่วยุ มีความหมายแอบแฝงอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าพอเขาเปล่งคำพูดนี้ออกมา เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร สีหน้าพวกหลัวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลก็ถมึงทึง จ้องชายคนนั้นด้วยแววตาหนาวเหน็บและเย็นชา โดยเฉพาะหลัวอวี่ที่บิดหมัดขยับข้อต่อนิ้ว ส่งเสียงดังกร๊อบๆ ออกมา
ใช้คำพูดเอาเปรียบนายท่านเขา? หึ! เจ้าหมอนี่ เขาจะจำเอาไว้!
เฟิ่งจิ่วเห็นเขามองวนไปมาบนร่างเธอด้วยสายตาแทะโลม หนำซ้ำคำพูดก็ราวกับคิดว่าเธอฟังไม่เข้าใจ เห็นเช่นนี้แล้ว เธอทำแค่เลิกคิ้วเหลือบมองเขา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มแฝงอันตรายไว้บางส่วน
“ในเมื่อเจ้าอยากลองก็เอาเถอะ! แค่หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง”
ชายชรากับเหล่าชายวัยกลางคนด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นใจน้อยๆ รู้สึกเคลือบแคลงอยู่บ้าง เห็นชัดว่านางไม่มีพลังอะไรเลย ทำไมถึงมั่นอกมั่นใจเช่นนี้?
ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นเห็นเช่นนี้ก็กำลังจะเอ่ยปากให้ลูกชายตนถอยมา ใครจะรู้ว่าเขาเดินหน้าเข้าไปแล้ว
“มาเถอะ! ข้าจะให้เจ้าลิ้มลองความเก่งกาจของข้า!” บนใบหน้าเขามีรอยยิ้มที่แฝงเจตนาร้าย วางท่าทางตั้งรับการต่อสู้เรียบร้อย
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนั้นจึงเคลื่อนมาตรงอาวุธที่วางไว้ข้างๆ ลานฝึกยุทธ์ เมื่อนิ้วมือลากผ่านบนดาบกระบี่พวกนั้นก็ชะงักไปนิด และไม่รู้ว่าคิดถึงเรื่องอะไร เห็นเพียงเธอส่ายหัวยิ้มๆ สุดท้ายก็เลือกไม้พลองยาวประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบมา
“เจ้าไม่ใช้อาวุธ?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม ถึงบอกว่าเป็นญาติผู้พี่แต่ก็ห่างกันหนึ่งรุ่น จึงไม่ได้สนิทสนมอะไร
“ฮ่าๆ จะรับมือเจ้า แค่มือเปล่าก็ได้” เขาแผดเสียงหัวเราะลั่น เวลาต่อมาใบหน้าก็เผยความมุ่งร้าย กล่าวว่า “น้องสาว เจ้าต้องระวังด้วยล่ะ”
สิ้นเสียง ฝีเท้าพลันก้าวไปด้านหน้า ฝ่ามือทำท่าเหมือนกรงเล็บ พอลงมือก็จะคว้าไปทางหน้าอกเฟิ่งจิ่ว องครักษ์ทั้งแปดที่อยู่ไม่ไกลมองเสียจนสีหน้าดำคร่ำเครียด
“เจ้าไก่อ่อนต่ำช้าบ้ากาม!”
หลัวอวี่ก่นด่าเสียงเบา ในฐานะผู้ชาย เขาเห็นชายคนหนึ่งทำกริยาต่ำทรามเช่นนี้แล้วอยากจะเข้าไปถีบขาคู่เสียจริงๆ
“ขายหน้าชายชาตรีจริงๆ!”
ฉีคังที่อายุน้อยสุดในแปดคนจ้องชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าไม่น่ามองยิ่งนัก ยังบอกว่าเป็นญาติกันอะไร มีญาติแบบนี้ไม่รู้จักกันยังดีซะกว่า!
หลายคนที่เหลือไม่ได้ปริปาก เพียงขมวดคิ้วมองภาพนั้น ทว่าฟั่นหลินสังเกตเห็นเหลิ่งซวงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามีสีหน้าเยือกเย็นและสงบนิ่ง จึงอดแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้ เขาคล้ายจะนึกถึงอะไรได้ สายตามองไปในลานฝึกยุทธ์อีกครั้ง ครั้งนี้มองแล้วคิ้วที่เคยขมวดอยู่น้อยๆ ก็คลายออก
สตรีชุดขาวในลานนั้นสีหน้าท่าทางเฉยเมย ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ไม้พลองกลมในมือเหมือนแค่ถือไว้เฉยๆ ไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นโจมตีมาตรงอก นางเพียงเลิกคิ้วแล้วเผยรอยยิ้มเย็นที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ใช่ยิ้มออกมา
ยามดวงตาเห็นว่ามือชายหนุ่มคนนั้นจะโจมตีตรงหน้าอก ก็เห็นเฟิ่งจิ่วย้ายฝีก้าว ระหว่างที่หันข้างหลบหลีกไป ไม้พลองในมือพลันเคาะไปยังมือที่ยื่นมา ขณะไม้นั้นเคาะลง พวกเขาถึงกับได้ยินเสียงใบมีดลมดังขึ้นครั้งหนึ่ง
และเสียงที่ดังขึ้นตามมากลับเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนของชายหนุ่มคนนั้น…
……………………………………