№ 363 สละดวงวิญญาณ!
แม้พูดออกไปใจทั้งสี่คนกลับหวั่นๆ ขึ้นมา กังวลนิดหน่อยว่านางจะไม่ยินยอม ถึงอย่างไรพวกเขาก็เห็นพลังนางแล้ว ต่อให้สู้ไม่ได้แล้วหนีออกไปก็ทำได้แน่นอนทว่าพวกเขาทำไม่ได้ หากไร้การช่วยเหลือจากนางเกรงว่าต้องตายอยู่ที่นี่
ได้ยินคำพูดนี้เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้น บอกว่า “ยื่นมือให้พวกท่าน? พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทำไมข้าต้องเสี่ยงด้วย? ด้วยกำลังข้าแม้สู้ไม่ไหวจะหนีออกไปก็ไม่ยาก แต่สำหรับพวกท่านก็พูดได้ยากอยู่”
ทั้งสี่คนใจเสีย ไม่นึกว่านางจะมีความคิดเช่นนี้จริงๆ
ทันใดนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน หนึ่งในนั้นจ้องมองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยถามว่า “แล้วต้องทำยังไงแม่หนูถึงจะยอมช่วย?”
“แหะๆ”
เธอหัวเราะขึ้นมาเบาๆ เผยให้เห็นฟันสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาเป็นประกายจับจ้องพวกเขาสี่คน บอกว่า “ดูท่าทางพวกท่านคงเป็นผู้ฝึกเซียนไร้สำนักสินะ? พวกท่านเห็นกระบี่คมพยับแล้ว ซ้ำยังรู้เรื่องข้าตั้งมากมาย หากกลายเป็นคนของตนเองไม่ได้ ข้าจะไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร?”
หงส์ไฟน้อยในห้วงมิติได้ยินก็กลอกดวงตาทันที นี่เวลาไหนแล้วนางยังคิดจะล่อลวงคนอื่นอีก แต่กำลังผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่คนนี้ล้วนไม่ได้อ่อนด้อยซ้ำยังอยู่ถึงขั้นกลาง หากเก็บคนไว้ใช้งานได้นับเป็นหนึ่งต่อร้อยอย่างแน่นอน
ส่วนทั้งสี่คนที่ได้ยินคำพูดนางต่างครุ่นคิด พอนางพูดออกมาก็รู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร ทว่าแม่หนูน้อยคนนี้ต่อให้มีอะไรพิเศษแต่จะให้พวกเขาก้มหัวยกย่องนางเป็นนายในใจก็ไม่ยอมรับและไม่เต็มใจอยู่บ้างอย่างไม่อาจเลี่ยง
ถึงอย่างไรผู้ฝึกเซียนที่สามารถฝึกบำเพ็ญได้ถึงระดับเท่านี้ก็สามารถตั้งตัวเป็นใหญ่ในแคว้นเล็กๆ เช่นนี้ได้ แม่หนูน้อยคนนี้แม้ฝีมือเก่งกาจแต่กลับเป็นผู้ฝึกตนฝึกหัดที่ไม่ใช่แม้แต่ระดับสร้างรากฐาน
แต่หากไม่ยินยอม แม้ระดับพวกเขาจะสูงกำลังยังแข็งแกร่งในเวลานี้ก็ไม่มีทางถอนตัวและต้องจบชีวิตลงที่นี่
หลังผ่านการไตร่ตรองพวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง ถามว่า “พวกเจ้าคิดเช่นไร?”
“ไม่มีแม้แต่ชีวิต ยังจะสนใจวิญญาณดวงนี้อีกหรือ?”
“อืม แม้นางอายุยังน้อยแต่ตัวมีพลังอำนาจแห่งราชัน อนาคตต้องไม่ธรรมดาแน่ ติดตามนางคงไม่น่าอับอายเกินไปนัก”
“ข้าก็คิดเช่นกัน”
“ดี ในเมื่อไม่มีความเห็นพวกเราก็สละดวงวิญญาณให้นางเถอะ” พอสละดวงวิญญาณไปชีวิตพวกเขาจะถูกควบคุมอยู่ในกำมือนาง หากมีเจตนาร้ายแค่บดขยี้ดวงวิญญาณพวกเขาก็จะตายโดยไม่ต้องสู้แม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้การสละดวงวิญญาณจึงเป็นการแสดงความจริงใจที่เพียงพอที่สุด นี่เป็นเพราะคำพูดนางก่อนหน้านี้ รู้เรื่องนางเสียตั้งมากมายหากไม่ใช่คนของตนจะปล่อยให้มีชีวิตรอดได้อย่างไร?
พอตัดสินใจได้พวกเขาก็อาศัยจังหวะที่ชายชราร่างผอมแห้งกำลังสร้างค่ายกลสละดวงวิญญาณไปหาเฟิ่งจิ่วอย่างรวดเร็วทันที “วันนี้พวกเราขอสละวิญญาณเพื่อแสดงการยอมรับนายท่านด้วยความจริงใจ นายท่านครั้งนี้ได้แล้วกระมัง?”
เฟิ่งจิ่วยื่นมือไปเก็บดวงวิญญาณทั้งสี่ไว้ในมือ พอจับก็หายไปตรงฝ่ามือ มุมปากจึงยกขึ้นเผยรอยยิ้ม “ดีมาก สูดกลิ่นยาเข้าไป พวกเจ้าจะได้ฟื้นคืนเรี่ยวแรงโดยเร็ว”
ขณะที่หยิบยาขวดหนึ่งจากห้วงมิติโยนไปเธอก็ใช้คมพยับในมือโจมตีไปทางพวกเขา พลังกระบี่รุนแรงพลันลงมาตรงเบื้องหน้าทำให้ร่างกายพวกเขาเด้งขึ้นจากพื้นและแยกออกจากลอยเลือดบนพื้น
“ฟิ้ว!”
“ผัวะๆ!”
ระหว่างที่ร่างทั้งสี่ถูกกระแสลมพัดลอยขึ้นเพียงได้กลิ่นยาในอากาศพุ่งเข้ามายังจมูก พวกเขาสูดกลิ่นยาเข้าไปตามคำพูดนางทันที ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบริเวณจุดตันเถียนมีพลังวิญญาณเอ่อล้น…
………………………………