Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 376

№ 376 มุ่งมาหาเหล่าไป๋!

มีคำสาบานต่อฟ้าดินอยู่เช่นนี้แน่นอนว่าหลัวอวี่จึงไม่เคลือบแคลงและเชื่อใจพวกเขา แต่ช่วงเวลานี้ยังคงรู้สึกว่าทั้งหมดไม่เป็นจริงราวกับฝันไป…

ใครเล่าจะนึก เขาแค่ตามนายท่านมาหายายังป่าเก้าหมอบนี้เท่านั้นกลับเกือบตายอยู่ในนี้ แล้วตอนนี้นายท่านไม่เพียงพ้นอันตรายใหญ่หลวงซ้ำยังได้ผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังสี่คนมาเป็นข้ารับใช้ หากปล่อยสี่คนนี้ไว้ในแคว้นแสงสุริยันแม้แต่ผู้ครองแคว้นก็ยังต้องสุภาพด้วย ทว่าตอนนี้พวกเขากลับเป็นแค่ข้ารับใช้ของนายท่านเท่านั้น

แค่ลองคิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว หากไม่ตามนายท่านออกมาเขาก็ไม่นึกว่านายท่านจะเก่งกาจถึงเพียงนี้

เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาสี่คน พูดพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “ข้ามาป่าเก้าหมอบเพื่อเก็บยา ในเมื่อพวกท่านเลือกจะเคารพข้าเป็นนาย งั้นรอหลังจากเก็บยาได้แล้วค่อยติดตามข้ากลับจวนตระกูลเฟิ่งแล้วกัน!”

“ขอรับ” ทั้งสี่ต่างขานรับ ก่อนจะตามนางไปยังส่วนลึกด้านในป่า…

พวกเขาอยู่ในป่าเก้าหมอบเป็นเวลาสองวัน เพราะมีผู้ฝึกตนสี่คนนี้อยู่แทบพูดได้เลยว่าพวกสัตว์ร้ายในป่าแห่งนี้ยังไม่กล้าเข้าใกล้ ด้วยเหตุนี้ตลอดทางจึงไม่พบอันตรายหรือโดนถ่วงเวลาอะไร

ระหว่างนั้นเฟิ่งจิ่วก็พาพวกเขามายังส่วนที่ลึกที่สุดของป่าเก้าหมอบ หลังจากขุดเอาโคลนดำใจกลางภูเขาไฟที่ต้องใช้ในการเดินทางครั้งนี้แล้วเธอถึงจะออกไปยังเมืองอวิ๋นเยวี่ยพร้อมๆ กับพวกเขา…

สุดท้ายกระดาษก็ห่อไฟไว้ไม่ได้ ทุกวันจวนตระกูลเฟิ่งปิดประตูไม่รับแขกและไม่เห็นร่างท่านผู้เฒ่า การเคลื่อนไหวแปลกๆ เช่นนี้ย่อมดึงดูดความสนใจจากผู้คนอย่างแน่นอน

หลังจากสอบถามมาทุกวิถีทาง ในที่สุดข่าวที่ผู้เฒ่าหายตัวไปก็แพร่งพรายออกไปทำให้องครักษ์ไม่มีทางแม้แต่คิดจะปิดบัง

“ผู้นำตระกูล ไม่รู้ว่าข่าวกระจายออกไปได้ยังไงตลอดเช้าจึงต่างรู้กันทั่วเมือง ยามนี้คนไม่น้อยส่งคนเข้ามาถามไถ่ถึงเบาะแสของท่านผู้เฒ่า แม้แต่ผู้ครองแคว้นยังส่งคนมาด้วยขอรับ”

ภายในห้องเฟิ่งเซียวมีองครักษ์นายหนึ่งกำลังรายงานข่าวในเมืองรวมถึงสถานการณ์ของจวนในตอนนี้ว่าข่าวที่ผู้เฒ่าหายตัวไปกระจายออกไปแล้ว ไม่เพียงคนภายนอกแม้แต่คนในเรือนต่างก็กำลังพูดคุยกัน ยิ่งทำให้บ่าวรับใช้กังวลใจไม่สิ้นสุด

ถึงอย่างไรในสายตาพวกเขาผู้นำตระกูลยังหมดสติไม่ฟื้น ผู้เฒ่าก็หายตัวไปอีก เกรงว่าจวนตระกูลเฟิ่งนี้จะรับมือต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ไม่ต้องสนใจเรื่องนอกจวน ให้คนภายในอย่าวุ่นวายกันเป็นพอ” เฟิ่งเซียวกล่าวเสียงเข้มพลางเอ่ยถามว่า “เรื่องที่ข้าให้เจ้าตามพวกองครักษ์กลับมาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ในหมู่พวกเราได้ส่งคนกลับไปตามแล้ว คงมาถึงภายในสองวันนี้ขอรับ”

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งเซียวก็พยักหน้า “อืม จำไว้อย่าดึงดูดความสนใจพวกกลุ่มอำนาจในเมือง ให้พวกเขาปลอมตัวเตรียมพร้อมอยู่ในเมืองก็พอ นอกจากนี้หากเสี่ยวจิ่วกลับมาให้รีบเข้ามาบอกข้า”

“ขอรับ” ฟั่นหลินขานรับถึงจะถอยออกไป

ทว่าฟั่นหลินเพิ่งถอยออกไปองครักษ์อีกคนกลับเดินเข้ามา “ท่านผู้นำตระกูล นอกจวนมีบรรพชนนักรบสองท่านถือราชโองการจากราชวังเข้ามาเยี่ยมเยียน บอกไปแล้วว่าจวนปิดประตูไม่รับแขกแต่พวกเขากลับไม่ยอมออกไป ซ้ำยังพูดว่าวันนี้จะต้องเข้าจวนมาให้จงได้ขอรับ”

ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งเซียวที่นั่งหลับตาเอนหลังอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วพลางถาม “บรรพชนนักรบรึ?”

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย บอกว่า “นั่นเป็นคนของผู้ครองแคว้น แต่พวกเขาทำเพื่ออะไรกัน?”

องครักษ์ลังเลสักพัก มองเขาพร้อมบอกว่า “เหมือนจะมุ่งมาหาเหล่าไป๋ขอรับ”

“อะไรนะ?”

เฟิ่งเซียวโมโหขึ้นมา ถึงไม่เห็นก็รู้ได้ว่าบรรพชนนักรบสองคนนี้ที่มาถึงประตูเป็นใคร!

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version