№ 434 วิญญาณต้นหนี อสูรกลืนเมฆาปรากฏ
สิ่งนั้นเหมือนจะตกใจกลัวอะไร จึงลอยออกมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อมันยืดขยายและหันหน้ามา ทุกคนต่างสะดุ้งตกใจ!
เพราะใบหน้านั้นคล้ายคลึงกับตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณอยู่บางส่วน เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างคือใบหน้าตัวประหลาดเฒ่าจะแก่ชราเต็มไปด้วยริ้วรอยอย่างชัดเจน ทว่าสิ่งที่กำลังขยายร่างเหมือนทารกแรกเกิด เป็นตัวประหลาดเฒ่าแบบย่อส่วนซึ่งมีมือมีเท้าครบ แค่ร่างกายใหญ่กว่ากำปั้นเล็กน้อย ร่างเปลือยเปล่ามีพลังวิญญาณคอยปกป้อง ยามนี้กำลังใช้ทั้งมือและเท้ากระโจนไปด้านหน้า คิดจะหนีไป
“นั่นมันวิญญาณต้น!”
มีคนอุทานขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นของแบบนี้ ถึงอย่างไรในแคว้นเล็กระดับเก้าก็พบผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังได้น้อยนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับกำเนิดวิญญาณเลย เคยได้ยินว่าตรงจุดตันเถียนของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณจะควบแน่นวิญญาณกลายเป็นทารก ไม่นึกว่าพวกเขาจะมีวันได้เห็นเช่นกัน
ระหว่างที่วิญญาณต้นลอยออกมา ร่างตัวประหลาดเฒ่าก็สิ้นลมหายใจล้มลงตาม ภาพเช่นนี้ทำให้เนี่ยเถิงข้างๆ หน้าขาวซีด สองตาจับจ้องชายชุดคลุมดำแน่นิ่ง ทว่าไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้
ความแข็งแกร่งและอ่อนแอของพลังกลายเป็นสัดส่วนความแตกต่างที่มากมาย ต่อหน้าชายชุดคลุมดำผู้นี้ เขาถึงกับไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ แค่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยแรงกดดันบนร่างยังทำให้เนี่ยเถิงตะลึงงันได้
ในเมื่อเขาเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น หลังจากผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่เดิมทียังฝืนยืนหยัดเห็นภาพเช่นนั้น แต่ละคนพลันถอยหลังอย่างหวาดกลัว
ทว่ายังพะวงเนี่ยเถิงที่ยังอยู่ตรงนั้นไม่หนีไป มิเช่นนั้นพวกเขาคงหนีเอาชีวิตรอดไปนานแล้ว
เจ้าตำหนักยมราชชำเลืองมองวิญญาณต้นที่ลอยหนีไปอย่างตื่นตระหนก สะบัดแขนเสื้อ แค่นเสียงเย็น
ขณะกำลังลงมือปล่อยกระแสลมเข้าโจมตีสังหารวิญญาณต้น ก็เห็นร่างสีขาวดั่งหิมะร้องคำรามและพุ่งทะยานออกไปทันที ก่อนจะกลืนกินวิญญาณต้นดวงนั้นลงท้องท่ามกลางเสียงกรีดร้องเสียขวัญของวิญญาณต้นนั้น
ทุกคนมองภาพนั้นด้วยความตะลึง เดิมนึกว่าวิญญาณต้นดวงนั้นจะหนีไปได้หรือถูกชายชุดดำสังหาร แต่…ใครจะนึกว่ามันกลับโดนสัตว์ตัวน้อยร่างขาวราวหิมะกลมดั่งลูกหนังกลืนลงไปเสียแล้ว?
อาจเพราะภาพนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป แต่ละคนจึงเบิกตากว้าง ผ่านไปนานก็ไม่อาจตั้งสติกลับมาได้
จนกระทั่งเห็นสัตว์ตัวน้อยซึ่งกระโจนเข้าไปกลืนวิญญาณต้นกลางอากาศร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงเรอออกมา สะบัดร่างกาย จากนั้นขยายร่างใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
หนึ่งเท่า…สองเท่า…สามเท่า…
สัตว์ตัวน้อยที่เดิมตัวเท่าลูกหนัง เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจก็กลายเป็นสัตว์ร้ายที่ตัวใหญ่กว่าสิงโต ขนสีขาวราวหิมะยามนี้ยาวลู่ลงข้างลำตัว ทั้งยังปุกปุยอยู่บ้าง ทำให้ร่างกายมันดูแล้วยิ่งใหญ่โตกว่าเดิม ลวดลายสัตว์ร้ายแวววาวบริเวณหน้าผากกลับเด่นชัดอย่างยิ่ง…
“กรร!”
อสูรกลืนเมฆายืดตัวบิดขี้เกียจ คำรามเสียงเบาคราหนึ่ง รู้สึกกินอิ่มเต็มที่ มันแลบลิ้นเลียมุมปาก ซ้ำยังยกอุ้งเท้าข้างหนึ่งขึ้นเช็ดอย่างสง่างาม ดวงตาคู่ดุร้ายชายตามองผู้คนโดยรอบ
เมื่อหยุดลงบนร่างเจ้าตำหนักยมราชก็มีอาการหลบหลีกและหวาดกลัวเล็กน้อย มันร้องเบาๆ สะบัดหาง เงยหน้าขึ้นเดินกลับไปด้านหลังเฟิ่งจิ่วอย่างเชื่องช้า แล้วนอนลงบนพื้นด้วยความเกียจคร้าน
พอมันนอนลงไป ตรงหน้าผากก็มีลำแสงหนึ่งแวบผ่าน ร่างใหญ่โตพลันย่อส่วนลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า กลายเป็นสัตว์ตัวน้อยสีขาวน่ารักน่าชัง มองรูปร่างใหญ่โตที่ดุร้ายน่าสะพรึงเช่นก่อนหน้านี้ไม่ออกโดยสิ้นเชิง
…………………….