Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 444

№ 444 ความกลัวของมู่หรงป๋อ

“อืม เวลานายท่านมีเรื่องอะไรล้วนเรียกข้าไปจัดการ แม้ข้าเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง แต่ฝีมือและประสบการณ์กลับแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนพวกนั้น ยามนี้นายท่านอยู่ในจวนตระกูลเฟิ่งนี้ หนำซ้ำเดิมทีนายท่านอยากจะรีบมาช่วยภูตหมอแก้ปัญหา หากมีปัญหาอะไรต้องจัดการสั่งข้าไปทำก็ได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”

เห็นเขาตบลงแผงอกด้วยท่าทางที่บอกว่าทุกเรื่องควรต้องมีตน เฟิ่งจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ฮุยหลางพอใจเธอถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ปกติมองยังไงก็ไม่ชอบหน้า ยามนี้กลับเข้ามารับงานจากนางเสียเอง?

เธอแอบขบคิดในใจว่า ‘แรงงานมาส่งถึงบ้านไม่ได้ใช้เปล่าๆ ก็ไม่ใช้หรอก หนำซ้ำฝีมือและความสามารถในการเก็บซ่อนกลิ่นอายของฮุยหลางก็แกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่ที่อยู่ใต้อาณัติเธอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้…’

“อืม เจ้าเข้ามาสิ” เธอกระดิกนิ้ว ส่งสัญญาณให้เขาเข้ามาใกล้ๆ

เห็นท่าทางฮุยหลางก็เดินระริกระรี้เข้าไป เงี่ยหูเล็กน้อยเพื่อฟังคำสั่งนาง หลังจากได้ยินคำพูดนางเขาก็ดวงตาเป็นประกาย พยักหน้าซ้ำๆ

“รับไป”

หลังจากสั่งการเฟิ่งจิ่วก็โยนขวดยาใบหนึ่งให้เขา

“อืม ภูตหมอวางใจได้ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ข้าเอง” เขาฉีกยิ้มกว้าง พลางถูๆ สองมือด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอยากรู้อยากลอง

“ตัวตนภูตหมอจะแพร่งพรายไม่ได้ เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าภูตหมอแล้ว”

“ได้ งั้นข้าเรียกว่า…”

เดิมเขาอยากเรียกนายหญิง แต่คิดๆ แล้วพวกผู้หญิงผิวหน้ามักบอบบาง ซ้ำนายท่านยังไม่ได้หมายหมั้นอะไร เรียกนายหญิงคงไม่ดีนัก ดังนั้นจึงกลับคำพูดใหม่ บอกว่า “ข้าเรียกคุณหนูใหญ่แล้วกัน!” คำว่านายหญิงอะไรนั่นอีกหน่อยค่อยเปลี่ยนคำเรียกก็ได้

ระหว่างนี้เอง ภายในพระราชวัง มู่หรงป๋อยามนี้มีท่าทีตื่นตระหนก นั่งไม่ติดที่แล้ว

นึกไม่ถึงว่าคนแคว้นเหินเวหาจะกลับไปมือเปล่า! แทบจะหนีกันหัวซุกหัวซุน! ยังมีตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณนั่นอีก ไม่นึกเลยว่าจะโดนคนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้บดขยี้กระดูกทั่วร่าง ขณะถูกทรมานคิดจะใช้ต้นกำเนิดวิญญาณหนีไปกลับถูกสัตว์ร้ายตนหนึ่งกลืนกิน!

ข่าวทั้งหมดนี้ทำให้เขาตกใจเสียจนเหงื่อไหลออกท่วม หลังจากกลับมาก็เดินวนอยู่กลางท้องพระโรง พลางคิดทบทวนกลับไปกลับมาเพื่อลองหาวิธีแก้ไข

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่นึกว่ากำลังจวนตระกูลเฟิ่งจะแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเพียงนี้! ถึงได้กล้าต่อสู้กับคนแคว้นเหินเวหาซึ่งๆ หน้า และกล้าจัดการพวกเขาโดยไม่เกรงกลัวกำลังแคว้นที่แข็งแกร่งของแคว้นใหญ่ระดับหกเลย

ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ว่ายังไงเขาก็คาดไม่ถึง

เดิมคิดจะอาศัยช่วงที่คนแคว้นเหินเวหาไปสู่ขอถึงบ้านและองครักษ์จวนตระกูลเฟิ่งตั้งท่าต่อสู้ลักพาตัวเฟิ่งเซียวที่หมดสติไม่ฟื้น ถึงเวลาก็จะข่มขู่เฟิ่งชิงเกอให้ส่งมอบอำนาจผู้นำกององครักษ์เพื่อจะเก็บไว้ใช้เสียเอง

แต่ไม่นึกเลยว่าขณะที่องครักษ์กับคนแคว้นเหินเวหาเชิญหน้ากันด้านนอก ภายในจวนเฟิ่งเซียวยังมีองครักษ์ระดับบรรพชนนักรบแปดคนนั้นคุ้มกันไว้!

แค่คนไร้ประโยชน์ที่หมดสติไม่ฟื้นคนหนึ่งเท่านนั้น เฟิ่งชิงเกอยังดูแลปกป้องอย่างแน่นหนาเสียจริง ไม่นึกว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นยังให้บรรพชนนักรบแปดคนนั้นอารักขาเรือนเฟิ่งเซียวไว้

แต่เขานึกถึงข่าวที่คนเบื้องล่างเข้ามารายงาน สีหน้าก็หนักใจขึ้นมาอีกครั้ง

ทำไมจวนตระกูลเฟิ่งถึงมีผู้ฝึกวิชาเซียนระดับหลอมแก่นพลังสี่คนคอยคุ้มกันไว้? ยังมีกำลังที่เขาไม่รู้กำลังเฝ้าอารักขาจวนตระกูลเฟิ่งที่สั่นคลอนในสายตาทุกคนอีกเท่าไหร่กันแน่?

เดิมนึกว่าผู้เฒ่าเฟิ่งหายตัวไป เฟิ่งเซียวหมดสติไม่ฟื้น จวนตระกูลเฟิ่งก็เป็นเพียงหมูที่รอคนเชือด กลับไม่คิดว่าจะเป็นปราการเหล็กแกร่ง เป็นใบมีดแหลมที่ลับเสียจนคมกริบ เตรียมพร้อมจะฟันสังหารศัตรูได้ทุกเมื่อ!

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version