Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 452

№ 452 ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุ

เป็นอย่างที่ฮุยหลางคิดไว้ ยามนี้ในพระราชวัง ภายในตำหนักของมู่หรงป๋อกำลังตึงเครียดและอึมครึม ผู้ครองแคว้นที่เมื่อคืนยังดีๆ อยู่ เช้านี้กลับไม่ตื่นขึ้นมา ไม่เพียงเท่านี้ เส้นผมยังร่วงเสียจนหมดเกลี้ยง ศีรษะจึงเรียบเนียนดุจกระจก โล่งเตียนเหมือนไม่มีหญ้าขึ้น

ส่วนมู่หรงป๋อที่เดิมทีเข้าสู่วัยกลางคนพอดีก็แก่ชราลงอย่างรวดเร็ว ราวกับโดนดึงพลังชีวิตออกไปในระหว่างค่ำคืน แค่คืนเดียว จากชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกลับกลายเป็นคนแก่อายุห้าสิบกว่า

ผิวพรรณทั้งใบหน้าและร่างกายเหี่ยวย่นภายในหนึ่งคืน แห้งกร้านเหมือนโดนดูดน้ำจนเหือดแห้ง สิ่งที่ทำให้รู้สึกตกใจที่สุดคือ วรยุทธ์เขาถดถอยจากบรรพชนนักรบมายังระดับยอดปรมาจารย์ การเปลี่ยนแปลงนี้ประหลาดอย่างยิ่ง ไม่อาจหาสาเหตุพบ และไม่มีใครสามารถรักษาได้

ขณะเดียวกันก็ทำให้มู่หรงป๋อตื่นตกใจสุดขีด

“หากหาสาเหตุไม่ได้ข้าจะจัดการพวกเจ้าซะ!”

เขาแผดเสียงเกรี้ยวกราด ยกเท้าขึ้นถีบไปทางหมอคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า หมอคนนั้นไม่กล้าหลบหลีก นิ่งรับเท้าเขาจนทรุดลงไปนั่งปาดเหงื่อบนพื้น

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…

ภายในคืนเดียว เส้นผมผู้ครองแคว้นร่วงหมดเกลี้ยง พลังตกลงไปหนึ่งระดับ หนำซ้ำดูท่าทางคล้ายจะยังไม่หยุด ราวกับยังคงดิ่งลงต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะโอกาสรอด วรยุทธ์ หรือพลังชีวิตล้วนกำลังหายไป

ทำให้พวกเขาแต่ละคนที่ไม่เคยพบเห็นอาการเช่นนี้ต่างอกสั่นขวัญแขวน ตื่นตระหนกไม่หยุด คนคนหนึ่งวินิจฉัยไม่ได้ก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าคนทั้งกลุ่มยังวินิจฉัยไม่ได้ นั่นก็เป็นโรคนิรนามแล้ว

หรือจะเป็นเหตุจากความกังวลของผู้ครองแคว้น? ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้โดยไร้สาเหตุได้?

ชายชราคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ สงบสติอารมณ์ เอ่ยอย่างพยายามใจเย็น “ท่านผู้ครองแคว้นโปรดระงับโทสะ กระหม่อมวินิจฉัยแล้ว ฝ่าบาทไม่มีร่องรอยว่าถูกวางยา ชีพจรทุกส่วนก็ปกติ จู่ๆ เป็นเช่นนี้อาจเพราะฝ่าบาทกังวลกับราชกิจ หะ…หากได้ผ่อนคลายจิตใจ ร่างกายอาจค่อยๆ ฟื้นคืนพ่ะย่ะค่ะ”

“ค่อยๆ ฟื้นคืน?”

มู่หรงป๋อหน้าถมึงทึง ด่ากราดเสียงสั่นเครือขณะที่ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกอย่างยากจะปิดบัง

“เจ้าพวกไร้ประโยชน์! ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังแก่ลงทุกช่วงเวลา ไม่เห็นหรือว่าวรยุทธ์ข้ากำลังหายไปทุกชั่วขณะ ค่อยๆ ฟื้นคืน? จะให้ข้านั่งรอความตายรึ?”

หมอสิบกว่าคนไม่กล้าขานรับ แต่ละคนก้มลงคุกเข่าไม่กล้าเงยหน้า พวกเขาไม่เคยเห็นการวินิจฉัยเช่นนี้มาก่อน แล้วจะรักษาได้อย่างไร?

“ท่านผู้ครองแคว้น ไม่สู้มีพระราชโองการออกไปตามหาเบาะแสภูตหมอดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ด้วยพรสวรรค์ด้านการแพทย์ของภูตหมอ ต้องสามารถวินิจฉัยอาการของฝ่าบาทได้แน่นอน” หมอคนหนึ่งแนะนำอย่างใจกล้า

“ไป! ไสหัวออกไปให้หมด! เจ้าพวกไร้ประโยชน์!”

มู่หรงป๋อตะโกนอย่างขุ่นเคือง คว้าของข้างมือโยนไปทางพวกเขา ออกพระราชโองการ? นั่นคือการบอกคนทั้งใต้หล้าอย่างเปิดเผยว่าผู้ครองแคว้นคนนี้ไม่ไหวแล้วไม่ใช่หรือ?

ถึงเวลานั้นไม่ต้องให้แคว้นอื่นมารุกราน หากคนใต้อาณัติลุกฮือขึ้นมาก็ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ!

“ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุ ไม่น่าเป็นเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผล เรื่องนี้ต้องมีต้นเหตุแน่ๆ ให้ข้าลองคิด… ลองคิดดู…”

เขาบังคับตัวเองให้สงบลง ตั้งแต่เมื่อวานถึงวันนี้ทำอะไร กินอะไร และพบอะไรบ้าง ในห้วงความคิดหวนนึกรอบหนึ่ง

แต่ความหวาดกลัวในใจมีมากเกินไป หัวใจสับสนว้าวุ่น ไม่มีทางสงบใจคิดอย่างถี่ถ้วนได้เลย แต่มั่นใจได้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคนจวนตระกูลเฟิ่งแน่นอน!

“ต้องเป็นพวกเขา…เป็นพวกเขาแน่!”

…………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version