№ 460 จุดสำคัญ
เจ้าตำหนักยมราชที่ออกจากจวนสวมหน้ากากไว้ ด้านหลังมีฮุยหลางกับอิ่งอีคอยติดตาม ด้านหลังเฟิ่งจิ่วมีเพียงเหลิ่งหวา ส่วนเหลิ่งซวงรั้งอยู่ในจวน เมื่อพวกเขาเดินออกมา บุคลิกท่าทางที่โดดเด่นทำให้สตรีบนถนนต่างหันมองเล่นหูเล่นตาบ่อยครั้ง
แต่บางคนยังจำได้ว่าเจ้าตำหนักซึ่งสวมหน้ากากคือคนที่สังหารตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณหน้าประตูจวนในวันนั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป ทำได้เพียงมองอยู่ห่างๆ พลางพูดคุยเสียงเบา
เฟิ่งจิ่วไม่เอาความสนใจของชาวบ้านในเมืองมาใส่ใจ แต่ยิ้มบอกกับเจ้าตำหนักข้างกายว่า “ในเมืองนี้มีร้านหนึ่งต้มโจ๊กได้ไม่เลว พวกเรากินก่อนค่อยเดินเล่นดีหรือไม่?”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ เจ้าตำหนักก็รู้ว่าเช้านี้นางยังไม่ได้กินอะไร ดังนั้นจึงพยักหน้า “ได้ เจ้านำทางสิ”
“อยู่ด้านหน้านี้เอง เลี้ยวผ่านถนนใหญ่เส้นหนึ่งก็ถึง” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม พาพวกเขาเดินไปแผงร้านโจ๊ก
โจ๊กร้านนั้นอยู่ตรงมุมถนน เจ้าของร้านคือสามีภรรยาเฒ่าคู่หนึ่ง ปกติบางครั้งจะมีคนมากินประมาณสามถึงห้าคน อาจเพราะใกล้จะเที่ยงแล้ว ตรงนั้นจึงไม่มีใครเลย
เจ้าตำหนักยมราชกับเฟิ่งจิ่วนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ฮุยหลางกับอิ่งอีรวมถึงเหลิ่งหวานั่งกันอีกโต๊ะ แต่ละโต๊ะสั่งโจ๊กรวมมิตรมาหนึ่งหม้อ เจ้าของร้านเห็นว่ามีลูกค้ามาก่อนจะเก็บร้านก็ยิ้มตาหยี แล้วนำเครื่องเคียงสองสามจานไปให้พวกเขาสองโต๊ะ
“ลองชิมสิ” เฟิ่งจิ่วตักโจ๊กชามหนึ่งวางลงตรงหน้าเขา “กินคู่กับเครื่องเคียงจะยิ่งอร่อย”
เจ้าตำหนักมองนางแวบหนึ่ง เห็นนางช่วยตนตักโจ๊ก จึงลงมือตักให้นางบ้าง “กินซะ ไม่พอค่อยสั่งเพิ่มอีกหม้อ”
เมื่อเห็นเขาช่วยตักโจ๊กให้ แววตาเธอเป็นประกายเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดเขากลับยิ้มแห้งๆ อย่างอดไม่ได้ “สองคนกินหมดหม้อหนึ่งถือว่าดีแล้ว หนำซ้ำในเมืองนี้มีของว่างมากมาย สิ่งที่ไม่ต้องกังวลที่สุดตลอดทางก็คือของกินพวกนั้นนั่นแหละ”
พูดจบก็คีบเครื่องเคียงขึ้นมากินคู่กับโจ๊กรวมมิตร ตลอดเช้านี้เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยจริงๆ เดิมคิดว่าหลังจากจัดการเรื่องฝั่งองครักษ์ค่อยกลับเรือนไปกินอะไรเสียหน่อย ใครจะรู้ว่ากลับพบเขา ในเมื่ออยากเดินเล่น ฮึ ถ้าอย่างนั้นก็เดินเล่นเถอะ!
เจ้าตำหนักยมราชเห็นนางกินอย่างสุขใจ จึงกินตามไปสองสามคำ พลางช่วยคีบเครื่องเคียงวางลงในชามนาง สุดท้ายโจ๊กหนึ่งหม้อที่กินได้ประมาณสี่ห้าชาม นอกจากหนึ่งชามที่เขากินแล้ว ที่เหลือล้วนให้นางกินหมด
“อิ่มแล้ว?”
“อืม อิ่มแล้ว” เธอลูบๆ ท้อง กินโจ๊กหม้อเดียวก็อิ่มแล้วจริงๆ หนำซ้ำพอกินอิ่มยังไม่ค่อยอยากขยับตัวสักเท่าไหร่ ทำยังไงดี?
“เอิ๊ก!”
เธอเรอไปทีหนึ่ง ก่อนยิ้มเก้อๆ “ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันเถอะ! จากนั้นค่อยหาที่ฟังดนตรีชมทิวทัศน์”
จะไปไหนเจ้าตำหนักยมราชไม่มีความเห็น แต่ไหนแต่ไรก็ทำเพื่อเวลาและโอกาสที่จะได้ไปมาหาสู่กับนางสักหน่อย ด้วยเหตุนี้ตลอดทางนางบอกจะไปไหนก็ไปที่นั่น เดินเล่นตามนางตั้งแต่เช้าจนฟ้าค่อยๆ มืด จนกระทั่งเหลิ่งหวาโดนนางแยกออกไปก่อน บอกว่าจะไปจัดแจงสถานที่อะไร
เห็นเช่นนี้แววตาดำขลับจึงไหววูบเล็กน้อย นางอยู่เป็นเพื่อนเขาทั้งวันจริงๆ ยามนี้ฟ้าจะมืดแล้ว หรือยังเตรียมการแสดงอะไรไว้ให้เขาอีก?
นึกถึงตรงนี้ หัวใจเขาหวั่นไหวเบาๆ แอบเฝ้ารอคอยเล็กน้อย
“นายท่าน สั่งการไปเรียบร้อยแล้วขอรับ” เหลิ่งหวากลับมารายงาน ยืนอยู่ด้านหลังนางอย่างมีระเบียบ
“ท่านเจ้าตำหนัก ไปกันเถอะ! มาถึงจุดสำคัญของวันนี้แล้ว ข้าเตรียมการเพื่อท่านเป็นพิเศษเลย”
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในแววตามีความลึกลับที่คนไม่อาจคาดเดาได้เล็กน้อย ก่อนจะพาเขาเดินหน้าต่อไป จนกระทั่งมาถึงด้านหน้าหอที่บนประตูทางเข้าแขวนโคมไฟสีแดงอยู่สองอันถึงจะหยุดฝีเท้าลง…
…………………….