№ 480 สวรรค์อำนวยพร
ถึงอย่างไรเฟิ่งเซียวก็ยังไม่ฟื้น เหลือแต่นางคนเดียว แน่นอนว่าหากนางไม่นั่งตำแหน่งนั้น อาจจะหาใครสักคนจากเครือญาติตระกูลเฟิ่งมารับตำแหน่ง?
คิดๆ ดูแล้วทุกคนก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เท่าไหร่ เครือญาติตระกูลเฟิ่งไม่มีใครมีความสามารถพอจะนั่งตำแหน่งผู้ครองแคว้นได้อย่างมั่นคง แม้มีตระกูลเฟิ่งคอยหนุนหลัง หากไม่มีความสามารถในทุกๆ ด้าน จะนั่งตำแหน่งผู้ครองแคว้นดีๆ ได้อย่างไร?
ทว่าในเวลานี้เอง กลางท้องฟ้ายามค่ำคืนพลันมีเมฆฝนผืนใหญ่ลอยมาปกคลุมเหนือจวนตระกูลเฟิ่ง มีสายฟ้าแลบแวบผ่านรางๆ เสียงกระหึ่มดังมาจากชั้นเมฆ ผู้คนด้านล่างตกใจจนเงยหน้าขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้น? นะ นี่หิมะจะตกหรือฟ้าจะร้องกันแน่?”
มีคนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาด บางคนก็จ้องมองชั้นเมฆที่ปกคลุมเพียงท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเฟิ่ง ในดวงตาเผยความตกตะลึง
“ฮ่าๆๆๆ! เฟิ่งชิงเกอ! พวกเจ้าจวนตระกูลเฟิ่งใช้อำนาจข่มเหงนาย แม้แต่สวรรค์ยังทนดูไม่ได้กระมัง! ฮ่าๆๆๆ! ผ่าลงมาเลย! ฟาดพวกมันให้ตาย! ผ่าพวกมันให้ตายไปซะ…”
มู่หรงป๋อหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่ง แต่เสียงนั้นแก่ชราไร้เรี่ยวแรงเกินไป ฟังแล้วบาดหูเป็นที่สุด
บางคนที่เดิมทีมีสีหน้าประหลาด หลังจากได้ยินคำพูดของมู่หรงป๋อ แววตาก็หยุดบนผืนเมฆเหนือท้องฟ้าจวนตระกูลเฟิ่ง พลางแอบคิดว่าคงไม่เป็นจริงอย่างที่มู่หรงป๋อพูด ว่าจวนตระกูลเฟิ่งทำเรื่องอะไรที่สวรรค์และมนุษย์พิโรธจนเกิดสายฟ้าฟาด?
ขณะกำลังคิด สายฟ้าแลบแวบผ่านกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน สายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดผ่าลงในจวนตระกูลเฟิ่งเสียงดังสนั่น แม้แต่แผ่นดินยังสะเทือน
ยามนี้ แม้แต่เหล่าองครักษ์ตระกูลเฟิ่งยังเงยหน้าอย่างตกใจ นึกแปลกใจอยู่บ้าง สายฟ้าฟาดนี้ทำไมถึงผ่าลงมาแค่ในจวนตระกูลเฟิ่งของพวกเขา?
มีเพียงเฟิ่งจิ่วที่เห็นสายฟ้านั้นแล้วดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าเผยความประหลาดใจอย่างรวดเร็ว เธอมองลำแสงจากสายฟ้าครั้งที่สองซึ่งผ่าเสียงดังกระหึ่มลงบางจุดภายในจวน รอยยิ้มตรงริมฝีปากยิ่งค่อยๆ กดลึกขึ้น
เมื่อผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่เห็นสายฟ้าและกลิ่นอายที่เอ่อล้นกลางเวหาผ่าลงมาในจวน ในดวงตาก็ฉายแววแปลกใจ จากนั้นทำแค่ยิ้ม เร็วกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เสียอีก อีกทั้งดูท่าทางจะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่เสียด้วย
ผู้ฝึกพลังเร้นลับต่างจากผู้ฝึกวิชาเซียน มีเพียงบรรลุระดับบรรพชนนักรบข้ามไประดับจักรพรรดินักรบถึงจะดึงดูดสายฟ้าสวรรค์ได้ หากรับสายฟ้าสามครั้งได้ บรรพชนนักรบก็จะข้ามขั้นกลายเป็นจักรพรรดินักรบสำเร็จ!
และยามนี้ คนในจวนที่กำลังบรรลุขั้นเหมือนจะมีแค่ผู้นำตระกูลเฟิ่งเซียวคนเดียว
“เปรี้ยง!”
เมื่อสายฟ้าครั้งที่สามผ่าเปรี้ยงลงมา เมฆดำผืนนั้นบนท้องฟ้าหายไปทันใด แสงตะวันรอนปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าราตรี แสงนั้นแยกเป็นเจ็ดสีและค่อยๆ แผ่ขยายออกไป แทบจะปกคลุมทั่วเมืองอวิ๋นเยวี่ย ท้องฟ้าที่เดิมทีเข้าสู่ช่วงกลางคืนจึงสว่างไสวเฉกเช่นกลางวันท่ามกลางแสงตะวันรอนเจ็ดสี สีทั้งเจ็ดที่ตัดสะท้อนกันปกคลุมทั้งเมืองอวิ๋นเยวี่ยไว้ ก่อนจะกลายเป็นประกายแสงเล็กๆ โปรยปรายลงมาดั่งเม็ดฝน ทำให้คนทั้งเมืองอวิ๋นเยวี่ยต่างฮือฮา พากันวิ่งออกมาชม
“เฮือก! ภะ ภายในจวนตระกูลเฟิ่งมีคนกำลังบรรลุขั้น! แสงตะวันรอนปกคลุม! สวรรค์อำนวยพร!”
“สวรรค์! ข้าได้เห็นภาพเช่นนี้ด้วย! สวรรค์อำนวยพร ต้องเป็นคนที่ฐานะตำแหน่งสูง ซ้ำยังได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ มีโชคลาภติดกาย ถึงจะเหนี่ยวนำให้สวรรค์อำนวยพรลงมาเมตตาชาวบ้านได้…”
“เหลือเชื่อเกินไปแล้ว… ข้าเองก็เพิ่งเห็นสวรรค์อำนวยพรเป็นครั้งแรก…”
ผู้เฒ่าตระกูลเกิ่งมองประกายแสงเล็กๆ ที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าอย่างอัศจรรย์ใจ เมื่อแสงพวกนั้นหล่นลงซึมเข้าร่างกาย ความรู้สึกพิเศษที่ไม่อาจอธิบายได้ก็พัดผ่านร่างกาย ช่างสบายยิ่งนัก
……………………..