№ 552 ไม่มีหน้าจะพบเจ้า
ได้ยินเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่นิ่งไปสักพัก ก่อนถามอย่างตะลึง “ทะ ท่านคงไม่ได้มอมเหล้าท่านอาเฟิ่งหรอกใช่ไหม? ท่านน้าก็อยู่ด้วยหรือ?”
“ท่านพ่อกับท่านน้าบอกตลอดว่าจะไม่บีบบังคับท่านอาเฟิ่ง แต่ตามที่ข้าเห็น ท่านอาเฟิ่งเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเลยเถิดไปถึงขั้นนั้น แต่ท่านน้าก็ยังเลือกเพียงเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจึงเติมไฟช่วยท่านน้าอีกแรง” เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มๆ บอกว่า “ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หลังจากท่านพ่อรู้เรื่องจะเฆี่ยนตีข้าหรือไม่ ช่างปะไร คืนนี้ข้าก็เหนื่อยเหลือเกินเพื่อมอมเหล้าท่านอาเฟิ่ง ข้าไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าเจ้าอย่าลืมปลุกข้าล่ะ”
พูดจบเขาถึงจะเดินไปยังห้องนอนด้านใน ปล่อยให้ฮูหยินใหญ่ที่มึนงงเล็กน้อยยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น
คืนนี้ดูเหมือนเงียบสงบ ไม่แตกต่างจากวันวาน ทว่าคืนนี้ถึงคราวต้องเกิดเรื่องและการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างแล้ว…
เมื่อแสงอาทิตย์แรกในยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่าง สาดลงบนพื้นภายในห้อง หลังม่านเตียงบางเห็นสองร่างนอนอิงแอบกันรางๆ
ผู้เฒ่าเฟิ่งที่หลับสนิทรู้สึกเพียงหลับสบายยิ่ง โดยเฉพาะความฝันเมื่อคืนยิ่งวิเศษมาก ทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมา
เมื่อขยับมือเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงผิวอันนุ่มลื่น ถึงขั้นรู้สึกว่าเหมือนมีร่างเปลือยเปล่ากำลังแนบชิดร่างตน อุณหภูมิร่างกายทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกัน ชิดใกล้ไร้ช่องว่าง ซ้ำยังอบอุ่นและสบายตัวอย่างประหลาด
เขาถึงกับอาลัยอาวรณ์ไม่อยากละมือจากและสัมผัสอีกครั้ง แต่เมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วเบาดังรางๆ ข้างหูร่างกายเขาแข็งทื่อ ตกใจจนลืมตาขึ้นมาทันที มองคราวนี้แย่แล้ว เขาตระหนกเสียจนหน้าซีดไปหมด กอดผ้าห่มเด้งตัวขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะสะดุดผ้าห่มกลิ้งตกเตียงเสียงดังตุบ
“อึก! อ๊าก!”
เขาล้มลงไปบนพื้น ร่างที่เปลือยเปล่ากอดผ้าห่มไว้แน่น สีหน้าทั้งตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองหญิงบนเตียงที่ตนทำให้ตกใจตื่นอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมานั่งด้วยร่างไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน ใบหน้าชราของเขายิ่งเปลี่ยนจากขาวเป็นแดง เขาดึงผ้าห่มลงมาด้วยนางจึงไม่มีสิ่งใดปกปิดร่างกาย
“ซะ ซะ ซะ ซู่ซี… ขะ ขะ ข้า…”
ห้วงความคิดเขาว่างเปล่า ยามนี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นซู่ซีบนเตียงที่ตกใจแล้วกำลังยกแขนเลิกผ้าม่านขึ้น เรือนร่างเยาว์วัยงดงามที่เดิมทียังเลือนรางปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาเช่นนั้น เอวงามน่าโอบกอดยิ่ง ผิวขาวราวหิมะเต็มไปด้วยรอยแดง เรือนร่างอิ่มเอิบน่าหลงใหลทั้งเร่าร้อนและเย้ายวน เขารู้สึกแต่ว่ามีไอร้อนพวยพุ่ง จมูกร้อนฉ่าเหมือนมีอะไรไหลออกมา
ครั้นเห็นเขาจ้องเขม็งมา ซ้ำยังมีเลือดกำเดาไหล นางตกใจทันควัน ก้มหน้าลงมองถึงจะพบว่าร่างตัวเองล่อนจ้อน ทันใดนั้นใบหน้างดงามก็แดงก่ำเพราะความเขินอาย รีบปล่อยผ้าม่านในมือแล้วหยิบเสื้อผ้าจากในห้วงมิติมาสวม
“ตุบ!”
ผู้เฒ่าเฟิ่งที่เดิมทีกลิ้งตกลงมานั่งกอดผ้าห่มอยู่บนพื้น หลังจากเห็นภาพที่งดงามเช่นนั้น ความทรงจำเมื่อคืนก็พรั่งพรูเข้ามาราวกับน้ำท่วม เขาอ้าปากพะงาบๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ในความคิดปรากฏเพียงคำพูดหนึ่งประโยค
จบเห่…เขาผิดศีลตอนแก่เสียแล้ว…
ซู่ซีที่เพิ่งสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยออกมาก็เห็นเขาล้มลงไปเช่นนั้น จึงตกใจจนรีบร้อนลงจากเตียงไปประคองเขาขึ้นมา “พี่ซานหยวน? ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” พลางจับจุดเหรินจง ทำให้เขาได้สติกลับมา
จุดเหรินจงถูกกระตุ้น ผู้เฒ่าเฟิ่งที่เป็นลมไปจึงรู้สึกตัวอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าซู่ซีประคองตนไว้ก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะและกลิ้งไปบนพื้นทันที “ซู่ซี…ข้าไม่มีหน้าจะพบเจ้าแล้ว…”