№ 554 วรยุทธ์ยิ่งสูงยิ่งอ่อนวัย
ยามนี้ที่นอกเขตเรือน องครักษ์ลับสองสามคนมีท่าทีแปลกๆ ในดวงตากลับมีรอยยิ้ม มองผู้นำตระกูลพลางบอกว่า “ท่านน้าซู่ซีอยู่ด้านในขอรับ”
หลินป๋อเหิงที่กำลังจะก้าวเข้าไปได้ยินแล้วอึ้งไปพักหนึ่ง คิดว่าตนเองฟังผิด จึงมององครักษ์ลับพลางถาม “เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? ใครอยู่ข้างใน?”
“ท่านน้าซู่ซีขอรับ”
ได้ยินคำพูดนี้ เขาอ้าปากค้าง ชี้ๆ ไปด้านใน “ซะ ซู่ซี?”
“ใช่ขอรับ”
ขณะกำลังตกตะลึง ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยมา “พี่ใหญ่”
เขามองไปทางต้นเสียง เห็นน้องสาวตนกำลังเดินออกมาจากเรือนด้านใน คนที่ตามมาด้านหลังคือเฟิ่งซานหยวนที่กำลังก้มหน้าก้มตา ปากก็ขยับโดยฉับพลัน มองผู้เฒ่าเฟิ่งอย่างโกรธเคือง “เฟิ่งซานหยวน! มาหาข้าที่ห้องหนังสือ!” เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดสิ้นสุดลง พอหมุนตัวกลับก็เปลี่ยนไป ในใจกลับมีความยินดี สองคนนี้นับว่าเดินไปด้วยกันแล้ว
ความจริงแล้วเรื่องที่ซานหยวนอายุมากไม่ใช่ปัญหายากเย็น หากเป็นผู้ฝึกวิชาเซียนเช่นพวกเขา ขอแค่บรรลุขั้นวรยุทธ์ถึงระดับกำเนิดวิญญาณถึงแขนขาดก็งอกใหม่ได้ เพราะวิญญาณต้นก่อร่างสำเร็จ ทุกอย่างจะเหมือนเกิดใหม่ ผู้ฝึกตนที่บรรลุระดับกำเนิดวิญญาณรักษารูปลักษณ์ไว้ในสภาพที่ตนเองต้องการได้ ขอแค่บรรลุขั้นต่อไปภายในเวลาที่จำกัด การจะรักษาสภาพขั้นสูงสุดตลอดไปก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ นี่คือสาเหตุว่าทำไมคนที่วรยุทธ์ยิ่งสูงยิ่งอ่อนวัย
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกพลังเร้นลับ หาใช่ผู้ฝึกพลังวิญญาณ ผู้ฝึกพลังเร้นลับเมื่อบรรลุระดับจักรพรรดินักรบรูปลักษณ์ถึงจะหนุ่มขึ้นสิบปี เมื่อบรรลุระดับนักรบทรงเกียรติก็จะย้อนวัยกลับไปได้อีกยี่สิบปี หมายความว่าเขาต้องฝึกบำเพ็ญถึงพลังระดับนักรบทรงเกียรติถึงจะกลับไปอายุราวๆ สี่สิบ เพียงแต่ตอนนี้เขาเพิ่งถึงระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุด อยากบรรลุระดับนักรบทรงเกียรติจะง่ายดายเพียงนั้นเสียที่ไหน?
ผู้เฒ่าเฟิ่งตามหลังไปอย่างอับอายตลอดทางจนมาถึงห้องหนังสือ หลังจากเข้าห้องและปิดประตูลง เขามองพี่ชายร่วมสาบานที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นอีกประโยคหนึ่ง “พี่ใหญ่ ขออภัยด้วย ข้านึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้”
“เจ้าไม่ต้องขอโทษข้า คนที่เจ้าต้องขอโทษคือซู่ซี เจ้าคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร?” เขาทำนิ่งหน้าพลางถามน้ำเสียงทุ้ม
อันที่จริง ภาพนี้ทั้งตลกและน่าแปลกอย่างยิ่ง หลินป๋อเหิงที่นั่งหน้าโต๊ะหนังสือดูแล้วลักษณะยังเป็นวัยกลางคน ท่าทางผึ่งผายยิ่งนัก แต่ผู้เฒ่าเฟิ่งซึ่งยืนเบื้องหน้ากลับห่อไหล่ก้มหน้าลง ราวกับเด็กน้อยที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ยืนโดนสั่งสอนอยู่ตรงนั้นอย่างขลาดกลัว
“ดะ เดิมคิดว่ารอข้าบรรลุระดับนักรบทรงเกียรติก่อนค่อยแต่งกับซู่ซี อย่างน้อยถึงเวลานั้นข้าจะยิ่งมีความกล้ายืนต่อหน้านาง แต่นึกไม่ถึงว่าดื่มเหล้าแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้” เขาเอ่ยเสียงค่อย คิดว่าเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว อย่างไรก็ต้องมีวิธีแก้ไข ดังนั้นจึงก้มหน้าลงด้วยสีหน้าละอายใจ
“เรื่องนี้ข้าจะเชื่อฟังพี่ใหญ่ พี่ใหญ่พูดอย่างไรก็อย่างนั้น”
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ หลินป๋อเหิงแค่นเสียงหยันหนักๆ สั่งสอนว่า “เจ้าเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญ ยิ่งควรเข้าใจว่าจะสนใจสายตาคนพวกนั้นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญ แตกต่างจากคนธรรมดา เรื่องที่วรยุทธ์ยิ่งสูงรูปลักษณ์ยิ่งอ่อนวัยลงได้เจ้าไม่มีทางไม่รู้ สำหรับเมืองซานเจียงเรา บรรพบุรุษของตระกูลชั้นสูงอายุหลายร้อยปีแล้วยังมีหน้าตาเช่นคุณชายสูงศักดิ์อายุยี่สิบกว่า ลูกหลานเขาอะไรพวกนั้นแต่ละคนรูปลักษณ์ยังแก่กว่าเขาเสียอีก หรือลูกหลานพวกนั้นอยู่ต่อหน้าเขาจะต้องอับอายจนแทรกแผ่นดินหนีด้วย?”