№ 579 ข้ารักเจ้า
ขณะมองใบหน้ายิ้มแย้มตรงหน้า คำพูดประโยคหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ และเอ่ยโพล่งไปอย่างคุมตนเองไม่อยู่
“เฟิ่งจิ่ว ข้ารักเจ้า”
เฟิ่งจิ่วหัวใจสั่นสะท้าน สิ่งที่ดังก้องข้างหูคือประโยคนั้นของเขา ‘เฟิ่งจิ่ว ข้ารักเจ้า’
เธอมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เห็นว่าเขาจ้องมองมาเงียบๆ ความรักและความอ่อนโยนในดวงตานั้นทำให้หัวใจเธอสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว เธอเก็บรอยยิ้ม สายตาหยุดบนใบหน้าหล่อเหลาองอาจ ก่อนจะตอบกลับความรู้สึกเขาต่อหน้าเป็นครั้งแรก
“ความรักและหวังดีจากท่าน ข้ารู้สึกได้ทั้งหมด แต่ในใจข้ามีปมที่ยังไม่แก้ไข จึงไม่หวังและไม่อยากรับความรู้สึกจากท่านภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หนำซ้ำฐานะตำแหน่งท่านไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าความรู้สึกของท่านจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน ความรักที่ท่านมีต่อข้าจะผ่านบททดสอบจากเวลาและอำนาจได้หรือไม่?”
“เมื่อสตรีทุ่มเทให้ความรัก จะทุ่มสุดหัวใจโดยไม่อาจถอนตัวกลับ เมื่อบุรุษได้รับความรัก ความอบอุ่นกลับค่อยๆ น้อยลง ในเมื่อต้องการให้ข้าให้คำตอบก่อนท่านจะจากไป เช่นนั้นคำตอบของข้าคือ ท่านกล้าทำสัญญาสิบปีกับข้าหรือไม่?”
เธอมองเขา ครั้งนี้ไม่ได้หลบเลี่ยง บ่ายเบี่ยงไม่ตอบ หรือแสร้งทำงุนงงอีกแล้ว แต่พูดจาชัดเจนด้วยถ้อยคำแจ่มแจ้ง
“หลังจากนี้สิบปี หากท่านยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังยึดมั่นกับการตัดสินใจในวันนี้ และยังกล้าบอกข้าว่า ‘เฟิ่งจิ่ว ข้ารักเจ้า’ เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่าน”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หัวใจเซวียนหยวนโม่เจ๋อสั่นไหวเบาๆ รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่นางมีต่อความรัก กลัวว่าจะเจ็บปวด กลัวว่าหลังจากนางมอบความรักไปและหลงรักเขาแล้ว เขาจะผ่านบททดสอบแห่งเวลาและอำนาจไม่ได้ กลัวว่าภายในเวลายาวนานหลายปี ความรักที่เขามีต่อนางจะถูกกาลเวลาและอำนาจกัดกร่อนจนไม่เหลือแม้แต่น้อย
ครั้นเห็นนางที่ไม่มั่นใจ สร้างกำแพงหัวใจไว้สูง และไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้ ในใจเขาเต็มไปด้วยความสงสารและทุกข์ใจ
เขาอยากบอกนางว่าไม่มีทาง ชีวิตนี้ข้ารักเจ้าแค่คนเดียว! ไม่ว่าเวลาหรืออำนาจล้วนไม่อาจลบล้างความรักที่ข้ามีต่อเจ้าได้
แต่เขาไม่ได้เอ่ยออกมา แทนที่จะพูดออกไป ไม่สู้ใช้เวลาและการกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ เขาจะทำให้นางรู้ว่าเขารักนาง ไม่เปลี่ยนแปลงในชั่วชีวิตนี้!
“สัญญาณสิบปีนี้ ข้ารับปาก” เขามองนางพลางกล่าว ท่าทางทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง
“ภายในสิบปีนี้ท่านไม่ต้องมาหาอีก รอข้าที่จักรวรรดินั้นเถอะ! หลังจากผ่านไปสิบปี ข้าจะไปฟังคำตอบจากท่าน” เฟิ่งจิ่วยืนขึ้นมา ชุดสีขาวผมสีหมึกพลิ้วไหวท่ามกลางสายลม เธอเงยหน้ามองชายตรงหน้า ได้ความมั่นใจและร้ายกาจเฉกเช่นวันวานกลับมาแล้ว สิ่งที่กระจายอยู่กลางใบหน้าคือความกำแหงไม่กลัวใคร
“ข้าเชิดชูความรักที่สองคนครองคู่กันไปตลอดชีวิต ภายในสัญญาสิบปี ท่านต้องรักษาตัวดั่งหยก หากข้ารู้ว่าข้างกายท่านมีผู้หญิงคนอื่น เช่นนั้นไม่ต้องรอถึงสิบปีท่านก็หมดสิทธิ์ทันที และข้าจะไม่ให้โอกาสอีก”
ครั้นได้ยินคำพูดที่เอาแต่ใจและเย่อหยิ่งนี้ มุมปากเซวียนหยวนโม่เจ๋อยกขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาดำลึกล้ำมีรอยยิ้มปรากฏ “เจ้าคนเดียวยังทำให้ข้ากระสับกระส่ายจนทนไม่ไหว ไหนเลยจะกล้ายั่วยวนผู้อื่น?”
เขาหันหลังให้แสงอาทิตย์ยามเช้า คิ้วเลิกขึ้นเบาๆ ดวงตาดำขลับลึกล้ำจ้องมองนางอย่างลึกลับและแฝงด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ริมฝีปากบางเย้ายวนยกมุมโค้งเล็กน้อย เผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ที่ผู้คนต่างพิสมัยออกมา ทันใดนั้น เธอเพียงรู้สึกว่าเสน่ห์ของชายตรงหน้าล้นหลามออกมา เท้าเขย่งขึ้นอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ มือข้างหนึ่งโน้มคอเขาลงมา แล้วจุมพิตลงบนริมฝีปากบางน่าหลงใหลท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของเขา…