№ 633 การจ้องมองแวบนั้น
หน้าตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อราวกับสวรรค์สลักสรรสร้างมาอย่างประณีต เพียงแต่เขารูปงามแข็งแกร่ง สิ่งที่กระจายบนร่างคือความสูงศักดิ์และพลังอำนาจแห่งราชันที่มีมาแต่กำเนิด เฉกเช่นกษัตริย์ผู้ปกครองสรรพสิ่งในสวรรค์ทั้งเก้า
แต่ชายชุดขาวคนนี้ที่นั่งบนต้นไม้ รูปโฉมงดงามยิ่งกว่าหญิงสาวงามเลิศทรงเสน่ห์เป็นสามเท่า บนร่างเขาไม่เห็นกลิ่นอายกระหายเลือดที่ดุร้ายและมีจิตสังหาร มีแต่ท่าทางเช่นเทพจุติที่ไม่แปดเปื้อนเรื่องทางโลก บรรยากาศทั่วร่างสะอาดสะอ้านเสียจนทำให้คนรู้สึกว่าตนต่ำต้อยด้อยค่า
สองคนมองกันเงียบๆ หนึ่งคนนั่งบนต้นไม้ อีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้านล่าง ไม่มีใครพูดอะไร
จนกระทั่งเฟิ่งจิ่วรู้สึกว่าสองคนมองกันไม่พูดไม่จาเช่นนี้ช่างแปลกมากจริงๆ เพราะชายชุดขาวไม่ได้ละสายตาไป แค่มองเธอเงียบๆ ตลอดเช่นนั้นโดยที่สีหน้าท่าทีไม่เปลี่ยนไป เห็นเช่นนี้เธอจึงกระแอมไอ ขณะกำลังจะพูด กลับเห็นชายชุดขาวคนนั้นดึงสายตากลับและหลับตาลง ชัดเจนว่าไม่คิดจะพูดคุยกับเธอ
เธอขยับปาก ตะลึงไปบ้าง เนิ่นนานกว่าจะจับจมูกทั้งหน้าเจื่อนๆ ครั้นได้ยินเสียงตื่นเต้นดีใจที่ดังมาจากด้านหลังจึงหันกลับไป เห็นประตูใหญ่สำนักศึกษาเปิดออก ทุกคนต่างปรี่กันเข้าไป แค่ชั่วพริบตาเดียว หน้าประตูสำนักที่เดิมทีคึกคักยิ่งกว่าตลาดนัดก็ไม่เหลือใครเดินสักคนเดียว มีเพียงเหล่ารถลากสัตว์วิญญาณที่เฝ้ารอข่าวคราวคอยอยู่สองฝั่งซ้ายขวา
เห็นเช่นนี้ เธอเงยหน้ามองชายคล้ายเทพจุติคนนั้นบนต้นไม้ แล้วหมุนตัวก้าวไปยังสำนักศึกษา
เมื่อเธอหันกายมุ่งไปยังสำนักศึกษา ชายชุดขาวบนต้นไม้ถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาที่สงบนิ่งลึกล้ำหยุดลงบนร่างสีแดงนั้นอีกครั้งผ่านใบไม้ตะคุ่มๆ มองไปเงียบๆ จนกระทั่งร่างนั้นหายไปตรงประตูสำนักสักพักใหญ่
เมื่อเฟิ่งจิ่วที่เข้าไปสำนักศึกษาเห็นสถานที่ที่ใหญ่โตเสียจนน่าเหลือเชื่อ ก็กะพริบตาอย่างอดไม่ได้ สีหน้าแปลกใหม่ “ใหญ่จริงๆ เลย! นี่แค่สำนักศึกษาเดียวจริงหรือ? หากไม่รู้ยังนึกว่าเป็นเมืองเสียอีก!”
ผู้เล่าเรียนเก่ามากมายภายในสำนักศึกษากำลังชี้แนะและนำทาง ด้านหน้าทุกๆ สำนักมีป้ายแขวนไว้อย่างดีเพื่อแจ้งว่าเป็นจุดลงชื่อประเมินของสำนักไหน เธอเห็นเพียงกลุ่มคนสองฝั่งซ้ายขวาเรียงแถวราวกับมังกรตัวยาว
เธอเดินไปมองข้างหน้า เห็นว่ากลุ่มคนสองแถวที่เรียงยาวราวมังกรทางซ้ายเป็นสำนักพลังวิญญาณ ทางขวาเป็นสำนักพลังเร้นลับ นอกจากสองสำนักนี้แล้ว กลับไม่เห็นสำนักยากับสำนักยาเซียนจึงอดแปลกใจไม่ได้
“พี่ชายท่านนี้ ข้าขอหน่อยถามว่าจุดลงชื่อประเมินของสำนักยาเซียนอยู่ที่ไหน?” เธอรั้งชายที่สวมชุดลูกศิษย์ไว้พลางเอ่ยถาม
“เจ้าจะสมัครสำนักยาเซียนหรือ” ชายคนนั้นพินิจมองเฟิ่งจิ่วจากบนลงล่าง จากนั้นค่อยชี้บอก “เห็นตรงนั้นหรือไม่? เดินตรงไปตามทางเส้นนี้หนึ่งลี้ ทางซ้ายคือจุดลงชื่อประเมินของสำนักยาเซียน ขวาก็คือของสำนักยา”
“ขอบคุณท่านมากที่ชี้แนะ”
เธอยิ้มพลางประสานมือคารวะ จากนั้นหาไปตามจุดที่ชายคนนั้นชี้บอก
ชายคนนั้นมองหนุ่มน้อยชุดแดงมุ่งไปทางสำนักยาเซียน แล้วส่ายหน้าเดินจากไปทันทีพลางพึมพำเสียงเบา
“แค่นั้นหรือจะสมัครสอบสำนักยาเซียน? เป็นคนโง่ที่เพ้อฝันเสียจริง”
และเวลาเดียวกันนี้ สถานที่แห่งหนึ่งในสำนักศึกษา กวนเหล่ารองเจ้าสำนักเดินวนไปมาและมองทางเจ้าสำนักที่นั่งดื่มชาอยู่ ถามว่า
“ท่านว่าหนุ่มน้อยนามเฟิ่งจิ่วคนนั้นจะมาหรือไม่ขอรับ?”
เจ้าสำนักได้ยินก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “เหล่ากวน เจ้าถามอยู่ที่นี่มาตลอดเช้าไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว”
“ก็ข้ากังวลใจ นั่นเป็นกล้าต้นงามจริงๆ กลัวว่าเขาจะไม่มา!”
“เจ้าให้ป้ายสำนักศึกษาหมอกดารากับเขาไปแล้ว ไม่ต้องประเมินก็เข้าสำนักได้ทันที ข้าคิดว่าน่าจะมา”
เจ้าสำนักยิ้มๆ ไม่ได้วิตก
……………………