Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 66

№ 66 ช่างน่าเหลือเชื่อ!

ผู้ชมทั่วทั้งลานประลองเปล่งเสียงอุทานอย่างยากที่จะเชื่อ มีคนไม่น้อยผุดลุกยืนขึ้นเพราะความตกใจ และมองสาวน้อยผู้มีกลิ่นอายพลังเร้นลับพรั่งพรูทั่วร่างด้วยความเหลือเชื่อ

กลิ่นอายพลังเร้นลับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นไม่ใช่ของปลอม!

พลังที่กระจายออกมาทั่วร่างยิ่งเป็นของจริง!

แต่ช่วงก่อนหน้านี้ เห็นชัดๆ ว่าขนาดยืนยังไม่อาจลุกไหว เวลาต่อมานางกลับมีกลิ่นอายพลังเร้นลับที่คละคลุ้งกว่าตอนแรกพวยพุ่งไปทั่วร่าง หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อเลยจริงๆ…

ตอนนี้ บนลานประลอง ในดวงตาสาวน้อยผู้นั้นมีทั้งความแปลกใจ ประหลาดใจ และความตื่นเต้น

สองมือนางกำหมัดแน่น ขณะที่รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเร้นลับที่แนบแฝงอยู่ในหมัด ทันใดนั้น ก็เปรยตามองไปทางบุรุษผู้กำลังตะลึงงัน “แพ้ชนะยังไม่ตัดสิน!” พอสิ้นเสียง ทั้งร่างก็ระเบิดพลังชกหมัดที่รวดเร็วกว่าปกติถึงสามเท่าออกไป

บนหมัดของนาง กลิ่นอายพลังเร้นลับที่พุ่งพล่านก่อตัวเป็นคลื่นพลังส่งเสียงหึ่งๆ ในสายตายากจะเชื่อของบุรุษผู้นั้น เขาถูกหมัดโจมตีออกไปไกลถึงสิบเมตร แรงมหาศาล ท่าทางโหดเหี้ยม ทำให้ผู้ชมในลานต่างพากันสูดหายใจเฮือก

บรรยากาศถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ ราวกับไม่อาจคืนสติมาอย่างช้าๆ จนกระทั่ง หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้ชมพันกว่าท่านทั่วทั้งลานประลองก็ลุกยืนขึ้นมา เสียงปรบมือดั่งฟ้าร้อง เสียงแซ่ซ้องโห่ร้องกันกึกก้อง…

เทียบกับผู้คนในลาน ในใจผู้ดูแลจูยังตื่นเต้นยิ่งกว่า เขามองเวทีประลองที่ตัดสินแพ้ชนะแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าเดินกลับไป

ส่วนในลานประลอง ไม่ว่าผู้ชมชั้นหนึ่ง หรือแขกผู้มีเกียรติชั้นสอง หลังจากเห็นผู้ดูแลจูรีบเดินจากไป ล้วนเผยสีหน้าที่มีความนัย แต่ละคนต่างเรียกข้าทาสบริวาร ให้พวกเขาไปไต่ถามเสียหน่อย ว่าในขวดเมื่อครู่นั้นคืออะไรกันแน่?

เทียบกับความตื่นเต้นคึกคักที่ชั้นล่าง เฟิ่งจิ่วในห้องปีกด้านบนสงบนิ่งมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะผลลัพธ์อยู่ในการคาดเดา เธอจึงไม่รู้สึกประหลาดใจ

ด้วยความฮึดสู้ไม่ย่อท้อที่ไม่ยอมรับความรับพ่ายแพ้ของสาวน้อย หากได้ยาช่วยแล้วยังไม่มีทางชนะ นั่นก็คงแปลกพิลึก

เทียบกับความใจเย็นของเธอ เติ้งเหล่ากับผู้ดูแลต่งกลับระทึกใจเสียจนหน้าแดงก่ำ สายตาพวกเขาที่มองเฟิ่งจิ่วฉายแววประกายหวาดหวั่น ราบกับได้พบขุมทรัพย์ก้อนโต มันทั้งตื่นตาตื่นใจและมีความลิงโลด

“ท่านที่เคารพ ยานั้นยังมีอยู่อีกเท่าไหร่? และไม่ทราบว่าท่านคิดจะทำการค้ากับพวกเราเช่นไรขอรับ?”

หลังจากผู้ดูแลต่งได้สติกลับมา คำเรียกล้วนเปลี่ยนไป ท่าทีก็ยิ่งดีขึ้นด้วย ต้องรู้ไว้ หากน้ำยาวิเศษเช่นนี้ไปถึงตลาดมืดทางด้านเมืองอวิ๋นเยวี่ยก็คงเป็นที่ฮือฮากันแน่! ถึงอย่างไร ในแคว้นเล็กๆ ระดับเก้าของพวกเขา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพบเห็นยาแบบนี้

ถ้ามียานี้ไว้สักขวดหนึ่ง นั่นเท่ากับเป็นการเพิ่มยันต์คุ้มภัยติดตัว ต่อให้พบคู่ปรับที่ไม่อาจสู้ ก็สามารถใช้หนีเอาตัวรอด จะไม่ทำให้คนใจเต้นได้เช่นไรเล่า?

“ยานี้ท่านฝึกปรุงเองรึขอรับ? หรือว่าท่านเป็นผู้ฝึกฝนวิชานักปรุงยา?”

เติ้งเหล่ามองเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตาเป็นประกาย ในสายตาคือความนับถือและความเร่าร้อน

ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วเหลียวมองเขาแวบหนึ่ง น้ำเสียงมีความเอื่อยเฉื่อยและเย็นชาอยู่บางส่วน

“ข้าเป็นใคร เหมือนจะไม่จำเป็นต้องบอกท่านกระมัง?”

เมื่อรู้ว่าตัวเองล่วงเกิน เติ้งเหล่าจึงรีบร้อนก้มหัวเคารพ

“ขอท่านที่เคารพอย่าได้ถือสา กระผมแค่ตื่นเต้นไปชั่วครู่ ถึงได้เลอะเลือน”

ใช่สิ! จะไม่ตื่นเต้นได้รึ? คนตรงหน้ามีความเป็นได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นนักปรุงยา ต้องรู้ไว้ ว่าแคว้นแสงสุริยันของพวกเขาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีนักปรุงยาโผล่มาสักคน

…………………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version