Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 704

CMYYNK

№ 704 ไล่ออกจากสำนักศึกษา

ผู้คนด้านล่างต่างอึ้งตกใจ มองไป๋รั่วเฟยคนนั้นเล่าความลับต่างๆ ไม่หยุดหย่อน ฟังว่านางพูดเรื่องใส่ร้ายเยี่ยจิงและปล่อยข่าวลืออย่างไรตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่นักเรียนสำนักพลังวิญญาณพวกนั้นสูดลมหายใจ ภายในความคิดมีเพียงคำพูดประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา

พิษร้ายแรงที่สุดคือหัวใจหญิงสาว!

เยี่ยจิงปฏิบัติต่อนางเฉกเช่นพี่น้อง นางกลับใส่ร้ายและทำลายชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของเยี่ยจิงเพราะความริษยา ผู้หญิงคนนี้…ใจดำเกินไปจริงๆ

บริเวณไม่ไกล เฟิ่งจิ่วลูบๆ คาง ‘เจ้าหน้าอ่อน? เธอหน้าตาเหมือนเจ้าหน้าอ่อนหรือ? โกหกชัดๆ! ชัดเจนว่าเธอเป็นเพียงหนุ่มน้อยรูปงามที่ใครเห็นก็รักดอกไม้เห็นยังเบ่งบาน’

ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งเหลือบมอง สายตาหยุดลงบนร่างอาจารย์สองสามคนกับเยี่ยจิงที่อยู่ไม่ไกล ดูท่าทางเรื่องนี้เธอคงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว ดังนั้นจึงหมุนตัวเตรียมจะจากไป ตอนกลับจะถือโอกาสแวะเก็บของกินที่ห้องครัวอีกนิดหน่อยด้วย…

รอจนฤทธิ์ยาผ่านไป ไป๋รั่วเฟยที่หน้าขาวซีดเห็นสายตากล่าวโทษจากผู้คนเบื้องล่าง ได้ยินพวกเขาชี้นิ้วด่าทอ เห็นท่าทางโกรธเคืองของอาจารย์พวกนั้น ใจนางหล่นวูบ รู้ว่าตนเองแย่แล้ว

เลือดลมพุ่งขึ้นมา เบื้องหน้าพลันดำมืด ก่อนจะเป็นลมไปเพราะยอมรับเหตุการณ์ต่อไปไม่ได้

“น่ารังเกียจเกินไปแล้ว! สำนักศึกษามีนักเรียนเช่นนี้ น่าเกลียดเหลือเกิน!” อาจารย์หลูผู้อารมณ์ฉุนเฉียวคนนั้นด่ากราด สั่งกับนักเรียนโดยรอบว่า “แก้เชือกนางลงมา คุมตัวไปห้องแนะแนวรอให้รองเจ้าสำนักจัดการ!”

“เยี่ยจิง? เยี่ยจิง?”

เมื่อพวกอาจารย์จะเรียกเยี่ยจิงมาสอบถามสาเหตุ ถึงสังเกตว่าสาวน้อยที่เมื่อครู่ยังอยู่ข้างกายไม่รู้ไปไหนแล้ว เห็นเช่นนี้พวกเขาก็ไม่สนใจ แต่สั่งพวกนักเรียนพาไป๋รั่วเฟยคนนั้นกลับไปรอรับการลงโทษ

ภายในยอดเขาหลัก

“พูดออกมาเอง?” รองเจ้าสำนักมองอาจารย์หลี่ว์ที่เข้ามารายงานอย่างแปลกใจ ถามว่า “ไม่มีใครบังคับถามก็พูดออกมาเอง?”

“ขอรับ เป็นเช่นนี้ ตอนที่พวกเรารีบไปนักเรียนผู้นั้นถูกแขวนไว้บนเสาหินประตูของสำนักพลังวิญญาณ ท่าทางนางตื่นตระหนกและหวาดกลัว อยากจะปิดปากหลายครั้งกลับยังพูดอย่างควบคุมไม่ได้ นักเรียนคนนี้โดนคุมตัวไปห้องแนะแนวการสอนแล้ว รอท่านรองเจ้าสำนักคิดว่าจะจัดการอย่างไร”

“ไล่ออกจากสำนักศึกษา บันทึกเข้าบัญชีดำ ไม่รับเข้าเรียนอีกตลอดไป” รองเจ้าสำนักพูดจบ ก็โบกๆ มือให้สัญญาณอาจารย์หลี่ว์ถอยไป

อาจารย์หลี่ว์ได้ยินเช่นนี้ หลังจากขานรับแล้วถึงถอยหลังไป ก่อนจะออกไปยังเงยหน้ามองชายหนุ่มชุดขาวคนข้างๆ อย่างอดไม่ได้ คนคนนี้ว่ากันว่าเป็นคุณชายโม่เฉิน ศิษย์ผู้เฒ่าเทียนจี

“ทำไมถึงพูดความจริงออกมาเอง? เป็นใครคงไม่ทำเช่นนี้กระมัง หรือว่าถูกบังคับ?” รองเจ้าสำนักพึมพำ ลูบเคราพลางครุ่นคิด

โม่เฉินยกถ้วยชาขึ้นเกลี่ยน้ำชาเบาๆ มองใบชาที่ลอยบนน้ำชาเหล่านั้น แววตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างนาบเนิบ “ยาสัจจะ”

“อะไรนะ?” รองเจ้าสำนักหันกลับไปมองเขา

“บนโลกใบนี้เคยมียาอายุวัฒนะชนิดหนึ่งเรียกว่ายาสัจจะ แค่กินเข้าไปจะทำให้คนพูดความจริงด้วยตัวเอง แต่ตำรายานี้สูญหายไปหลายปีแล้ว”

“ยาสัจจะ?”

รองเจ้าสำนักตกใจเล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า “สำนักศึกษาเราทำไมถึงมียาอายุวัฒนะเช่นนี้ได้? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าบอกว่าตำรายานั้นสูญหายไปเนิ่นนานแล้ว”

ทว่าสิ้นเสียงก็เหมือนนึกอะไรออก ท่าทีเปลี่ยนไปเป็นพิลึกยิ่ง “เรื่องนี้…จะเป็นฝีมือเฟิ่งจิ่วหรือไม่? แต่เขาเป็นนักเรียนสำนักยาเซียนที่เพิ่งเข้ามา ต่อให้มีตำรายาก็ไม่น่ากลั่นยาสัจจะออกมาได้กระมัง?”

“ยาสัจจะเป็นยาอายุวัฒนะระดับสอง” โม่เฉินหลับตาลง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนผู้สัมผัสยาอายุวัฒนะครั้งแรกจะกลั่นได้แน่นอน”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version