№ 843 รักษาลูกไว้
ยามนี้ ภายในพระราชวังวุ่นวายไปหมด สถานการณ์วิกฤติทำให้ทุกคนต่างตึงเครียด น้ำผสมเลือดแต่ละอ่างถูกยกออกมาจากในตำหนัก กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นคละคลุ้งในอากาศ
ท่านผู้เฒ่าคิดจะเข้าไปหลายครั้งแต่ถูกเฟิ่งเซียวขวางไว้ กลัวเขาตื่นเต้นเกินไปเข้าไปแล้วจะกลับกลายเป็นเสียเรื่อง ทว่าสองคนที่ได้ยินว่าเสียงร้องด้านในค่อยๆ แผ่วอ่อนลง ยามนี้หัวใจหนักอึ้ง โดยเฉพาะผู้เฒ่าเฟิ่ง ร่างกายราวกับตกลงสู่หุบเหวไร้ก้นบึ้ง เหมือนตรงอกถูกกดทับด้วยก้อนหินใหญ่ ไม่อาจหายใจได้
“แย่แล้วๆ!”
หมอตำแยวิ่งออกมาอย่างตื่นตกใจ มือเปื้อนเลือดเต็มไปหมด “มารดาใกล้จะหมดสติ ทารกยังไม่เห็นหัว จักรพรรดิหลวง ท่านผู้ครองแคว้น มารดากับเด็กเกรงว่าจะรักษาไว้ได้แค่คนเดียว พวกท่านต้องรีบตัดสินใจแล้ว หากสายเกินไปกลัวว่าจะรักษาไม่ได้ทั้งสองคนเพคะ”
ผู้เฒ่าเฟิ่งได้ยินก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ “ระ รักษาไว้ได้แค่คนเดียว?”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟิ่งเซียวขยับปากโดยไม่พูดอะไร
“หากรักษาได้แค่คนเดียว เช่นนั้นก็รักษาแม่เด็กไว้!” มือเขากำหมัดแน่น พยายามสุดแรงให้ตนเองใจเย็นลง
เวลานี้ด้านในยังมีหมอตำแยวิ่งออกมาอีกคน “พระพันปีหลวงบอกจะรักษาบุตรไว้เพคะ”
“ไม่ได้! ต้องรักษาแม่ไว้!” ผู้เฒ่าเฟิ่งลุกขึ้นตะโกนเสียงดัง และเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจว่าจะถูกหยุดไว้อีก
“รักษาแม่ไว้อะไรกัน?”
เสียงของเฟิ่งจิ่วดังมาในเวลานี้เอง เป็นดั่งเสียงจากสวรรค์ ทำให้หัวใจที่หวาดหวั่นของเฟิ่งเซียวผ่อนคลายลงหลายส่วนโดยพลัน ครั้นหันไปมองก็เห็นลูกสาวที่นั่งบนขนนกเคลือบหลากสีกระโดดลงจากกลางอากาศมายังเบื้องหน้าเขา
“เสี่ยวจิ่ว ย่าเจ้าหกล้มคลอดบุตรยาก หมอตำแยบอกว่าเด็กไม่กลับหัว หนำซ้ำสายสะดือจะพันคอ ยามนี้นางจวนจะหมดสติแล้ว กลับยังไม่เห็นหัวเด็กเลย เกรงว่าท่าจะไม่ดี” เสียงของเฟิ่งเซียวเคร่งเครียด รู้สึกแต่ว่าใจวิตกกังวล
ตอนกลับมาเดาว่านางคงมีปัญหา ไม่นึกว่าเฟิ่งจิ่วจะเดาถูก ถามทันทีว่า “ท่านปู่ล่ะเจ้าคะ?”
“อยู่ด้านใน หมอตำแยบอกว่ารักษาได้แค่คนเดียว ปู่เจ้าต้องการรักษาแม่เด็ก แต่ย่าเจ้าจะรักษาเด็กไว้”
“ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบก็เดินไปข้างใน
เฟิ่งเซียวจะเรียกนางไว้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน เกรงว่าเข้าไปจะไม่เหมาะ ทว่าคิดๆ แล้วกลับไม่ได้เรียกนางไว้ แต่รออยู่ด้านนอก
เสี่ยวจิ่วมีทักษะการแพทย์ ไม่แน่ว่าอาจจะมีทางแก้ไข
เมื่อเฟิ่งจิ่วมาถึงด้านใน คิ้วก็ขมวดขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดข้างในนี้แรงยิ่งกว่าด้านนอก นี่ต้องเสียเลือดไปเท่าไรแล้ว?
ครั้นมายังห้องนอนด้านใน ก็เห็นท่านปู่กำลังกุมมือท่านย่าพลางเอ่ยคำพูดให้กำลังใจ เธอก้าวเข้าไปขานเรียก “ท่านปู่ ข้าขอดูหน่อยเจ้าค่ะ”
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เฟิ่งจิ่วจับชีพจรให้นางก่อน แล้วคลำตรวจตรงท้องของนาง
“แม่หนูเฟิ่ง เจ้าต้องช่วยย่าเจ้านะ เด็กคลอดไม่ได้ก็รักษาแม่ไว้ ขอแค่นางปลอดภัยไม่เป็นอะไรเป็นพอ” ผู้เฒ่าเฟิ่งเอ่ยทั้งเบ้าตาแดงเรื่อ
“ท่านปู่ ท่านออกไปก่อน วางใจเถอะเจ้าค่ะ จะไม่เป็นอะไรหรอก” เธอปลอบใจพลางสั่งให้คนประคองเขาออกไป
รอจนเขาออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วบอกซู่ซีบนเตียงว่า “ท่านย่า ท่านอยากรักษาเด็กไว้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“ใช่ แม่หนูเฟิ่ง อย่าไปฟังปู่เจ้า รักษาเด็กไว้ นี่เป็นลูกของข้ากับปู่เจ้า ขะ ข้าไม่อยากเสียเขาไป” นางกล่าวขณะน้ำตารินไหล
หากเลือกได้ นางก็หวังว่าจะได้เห็นลูกเติบโตโดยสวัสดิภาพ แต่รู้ว่าวันนี้ตนเองเกรงจะผ่านคราวเคราะห์ครั้งนี้ไปไม่ได้ พอนึกถึงลูกกับสามีของตนก็ทั้งหมดหนทางและเศร้าสลด
………………………………….